โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย ออกโรงเตือน นักการเมืองไทย ติดต่อกับกลุ่มแบ่งแยกฮ่องกงออกจากประเทศจีน โดยมีท่าทีเชิงสนับสนุน หวั่นกระทบมิตรภาพจีน-ไทย
ภาพจาก MOHD RASFAN / AFP
วันที่ 10 ตุลาคม 2562 เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย
ได้มีการโพสต์ข้อความระบุว่า โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย
ให้ความเห็นเกี่ยวกับ "กฎบังคับในเรื่องห้ามสวมหน้ากาก"
และสถานการณ์ล่าสุดในฮ่องกง เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม
รัฐบาลเขตปกครองพิเศษฮ่องกงได้ประกาศ "กฎบังคับในเรื่องห้ามสวมหน้ากาก"
โดยอาศัยอำนาจจาก "กฎระเบียบในวาระฉุกเฉิน" มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม
กฎบังคับดังกล่าวห้ามผู้ชุมนุมสวมใส่หน้ากาก
ซึ่งจะเป็นอุปสรรคในการระบุตัวตนสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้ละเมิดถือว่าทำผิดกฎหมาย
ความรุนแรงในฮ่องกงยืดยาวมาเป็นเวลามากกว่า 4 เดือน วันที่ 1 ตุลาคม กลุ่มคนใช้ความรุนแรงที่สวมหน้ากากได้รวมตัวกันอย่างผิดกฎหมายในพื้นที่ต่าง ๆ ของฮ่องกง ปิดกั้นการจราจรในบริเวณกว้าง ทำลายร้านค้า รถไฟใต้ดินและสาธารณูปโภคอื่น ๆ อีกทั้งได้จุดไฟเผา โยนระเบิดขวดจำนวนมาก โจมตีสถานที่ราชการและสถานีตำรวจ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างบ้าคลั่ง ทำร้ายประชาชนทั่วไปอย่างไม่เลือกหน้า จงใจสร้างเหตุการณ์นองเลือดขึ้นมา ความรุนแรงได้ยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นการท้าทายกฎหมายอย่างรุนแรง ทำลายความสงบสุขของสังคมฮ่องกง และเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนทั่วไป
ในปัจจุบัน
ความอันตรายที่ใหญ่ที่สุดที่ฮ่องกงกำลังเผชิญอยู่ก็คือ
การใช้ความรุนแรงและการไม่เคารพกฎหมาย
ถึงเวลาแล้วที่ต้องยุติความรุนแรงและความวุ่นวายด้วยท่าทีที่ชัดเจนมากขึ้น และวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในสถานการณ์อย่างนี้ รัฐบาลเขตปกครองพิเศษได้บังคับใช้
"กฎบังคับในเรื่องห้ามสวมหน้ากาก" เป็นมาตรการที่ชอบด้วยกฎหมาย
ชอบธรรมและมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
หลายประเทศในโลกก็ได้บังคับใช้กฎหมายห้ามปิดบังใบหน้าเช่นกัน
การบังคับใช้กฎบังคับดังกล่าวในฮ่องกง
มิได้ส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของชาวฮ่องกง
รวมทั้งสิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมด้วย
ภาพจาก MARK RALSTON / AFP
เป็นเรื่องที่ต้องชี้ให้ทราบว่า
ความผันผวนที่มาจากการต่อต้านการแก้ไขกฎหมายในฮ่องกงได้เปลี่ยนตัวไปอย่างสิ้นเชิง
กำลังพัฒนาเป็น "การปฏิวัติสี" โดยได้รับการแทรกแซงจากกลุ่มอิทธิพลภายนอก
กลุ่มที่คิดจะแบ่งแยกฮ่องกงออกจากประเทศจีน
ได้ใช้ประชาธิปไตยและเสรีภาพเป็นข้ออ้าง เพื่อทำลายหลักการพื้นฐานของ
"หนึ่งประเทศ สองระบบ"
บ่อนทำลายอธิปไตยและความบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศจีน
ซึ่งฝ่ายจีนคัดค้านอย่างเด็ดขาด
ภาพจาก ISAAC LAWRENCE / AFP