รอง โฆษก ตร. ยัน ต้นสังกัดอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง ปมหนุ่มโพสต์ข้อความเชิงถูกตำรวจตัดต่อใบสั่งขับรถเร็วที่บุรีรัมย์ จนถูกวิจารณ์หนัก ชี้ หากพบว่าเจ้าหน้าที่บกพร่อง จะดำเนินการทางวินัยทันที
รายการเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า บนโลกออนไลน์ ได้มีหนุ่มคนหนึ่งแจ้งว่า ตนเองถูกตัดต่อใบสั่ง พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงลักษณะของภาพในรูปใบสั่ง ทั้งแสงเงา ทั้งเส้นถนนเบี้ยว ล้อทั้งสองข้างไม่เท่ากัน รวมถึงมอเตอร์ไซค์ที่ขี่ตามมา สัดส่วนยังดูใหญ่กว่ารถอีก
ทั้งนี้ หนุ่มคนดังกล่าว เล่าย้อนว่า ในวันเกิดเหตุนั้น เมื่อตนเองเจอป้ายให้ชะลอความเร็ว ตนก็ชะลอ เมื่อเลยป้ายก็เจอตำรวจเรียกตรวจ แต่หนุ่มคนนี้ยืนยันว่าไม่เร็วเกินกำหนด จึงขอตำรวจดูกล้อง แต่รอประมาณ 30 นาที หนุ่มก็ไม่ได้ดู จึงบอกกับตำรวจว่า หากตนขับรถเร็วจริง ก็ส่งใบสั่งไปที่บ้านแล้วกัน
จากนั้นประมาณ 1 เดือน ก็มีใบสั่งมา แต่มีหลายจุดของภาพที่ดูผิดปกติ ซึ่งไม่ขอฟันธงว่านี่คือภาพตัดต่อ แค่ตั้งข้อสังเกต หากผิดจริงก็ยอมจ่ายเงินค่าปรับ แต่ขอหลักฐานจริง ๆ ได้ไหม
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 เฟซบุ๊ก ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. รายงานว่า พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งได้สั่งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วนั้น
ทั้งนี้ ได้รับรายงานเพิ่มเติมจากกองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเป็นการออกใบสั่งของเจ้าพนักงานจราจรในสังกัดจริง โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ จากข้อมูลของภาพถ่ายและวิดีโอ ตรวจสอบพบการกระทำความผิดของผู้ขับรถเก๋งฮอนด้า สีขาว คันทะเบียน ฎบ-1312 กรุงเทพมหานคร เหตุเกิดบริเวณถนน ทล.24 กิโลเมตรที่ 107-109 ตำบล/แขวง หัวถนน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เมื่อเวลาประมาณ 16.56 น. ของวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
จากนั้นตำรวจจราจร จึงได้ออกใบสั่งในข้อหา ขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และฝ่าฝืนป้ายจำกัดความเร็ว โดยให้ชำระค่าปรับตามใบสั่งจำนวน 500 บาท ซึ่งถนนบริเวณจุดเกิดเหตุนั้นกฎหมายได้กำหนด 90 กม./ชม. แต่ความเร็วที่ตรวจจับได้ของคนขับรถคันดังกล่าวคือ 135 กม./ชม.
อีกทั้งขณะนี้ พ.ต.อ. จตุพล เร่งถนอมทรัพย์ ผกก.6 บก.ทล. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริง พยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หากพบว่ามีการกระทำความผิด หรือทำให้หน่วยงานได้รับความเสียหาย ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขอฝากเตือนไปยังประชาชน ในการโพสต์การแชร์ข้อมูลต่าง ๆ เข้าสู่โลกโซเชียล ขอให้ใช้สติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัด ไม่นำข้อมูลเท็จที่จะสร้างความเสียหายให้กับผู้อื่น เมื่อเกิดการกระทำที่เป็นความผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองแล้ว ก็อาจจะถูกดำเนินคดีได้ แต่หากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการกระทำผิดเสียเองจริง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ไม่เคยปกป้องหรือปล่อยไว้อยู่แล้ว มีการดำเนินการทางวินัยและอาญามาโดยตลอด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เฟซบุ๊ก ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร.
รายการเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า บนโลกออนไลน์ ได้มีหนุ่มคนหนึ่งแจ้งว่า ตนเองถูกตัดต่อใบสั่ง พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงลักษณะของภาพในรูปใบสั่ง ทั้งแสงเงา ทั้งเส้นถนนเบี้ยว ล้อทั้งสองข้างไม่เท่ากัน รวมถึงมอเตอร์ไซค์ที่ขี่ตามมา สัดส่วนยังดูใหญ่กว่ารถอีก
ทั้งนี้ หนุ่มคนดังกล่าว เล่าย้อนว่า ในวันเกิดเหตุนั้น เมื่อตนเองเจอป้ายให้ชะลอความเร็ว ตนก็ชะลอ เมื่อเลยป้ายก็เจอตำรวจเรียกตรวจ แต่หนุ่มคนนี้ยืนยันว่าไม่เร็วเกินกำหนด จึงขอตำรวจดูกล้อง แต่รอประมาณ 30 นาที หนุ่มก็ไม่ได้ดู จึงบอกกับตำรวจว่า หากตนขับรถเร็วจริง ก็ส่งใบสั่งไปที่บ้านแล้วกัน
จากนั้นประมาณ 1 เดือน ก็มีใบสั่งมา แต่มีหลายจุดของภาพที่ดูผิดปกติ ซึ่งไม่ขอฟันธงว่านี่คือภาพตัดต่อ แค่ตั้งข้อสังเกต หากผิดจริงก็ยอมจ่ายเงินค่าปรับ แต่ขอหลักฐานจริง ๆ ได้ไหม
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 เฟซบุ๊ก ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. รายงานว่า พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งได้สั่งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วนั้น
ทั้งนี้ ได้รับรายงานเพิ่มเติมจากกองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเป็นการออกใบสั่งของเจ้าพนักงานจราจรในสังกัดจริง โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ จากข้อมูลของภาพถ่ายและวิดีโอ ตรวจสอบพบการกระทำความผิดของผู้ขับรถเก๋งฮอนด้า สีขาว คันทะเบียน ฎบ-1312 กรุงเทพมหานคร เหตุเกิดบริเวณถนน ทล.24 กิโลเมตรที่ 107-109 ตำบล/แขวง หัวถนน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เมื่อเวลาประมาณ 16.56 น. ของวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
จากนั้นตำรวจจราจร จึงได้ออกใบสั่งในข้อหา ขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และฝ่าฝืนป้ายจำกัดความเร็ว โดยให้ชำระค่าปรับตามใบสั่งจำนวน 500 บาท ซึ่งถนนบริเวณจุดเกิดเหตุนั้นกฎหมายได้กำหนด 90 กม./ชม. แต่ความเร็วที่ตรวจจับได้ของคนขับรถคันดังกล่าวคือ 135 กม./ชม.
อีกทั้งขณะนี้ พ.ต.อ. จตุพล เร่งถนอมทรัพย์ ผกก.6 บก.ทล. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริง พยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หากพบว่ามีการกระทำความผิด หรือทำให้หน่วยงานได้รับความเสียหาย ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขอฝากเตือนไปยังประชาชน ในการโพสต์การแชร์ข้อมูลต่าง ๆ เข้าสู่โลกโซเชียล ขอให้ใช้สติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัด ไม่นำข้อมูลเท็จที่จะสร้างความเสียหายให้กับผู้อื่น เมื่อเกิดการกระทำที่เป็นความผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองแล้ว ก็อาจจะถูกดำเนินคดีได้ แต่หากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการกระทำผิดเสียเองจริง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ไม่เคยปกป้องหรือปล่อยไว้อยู่แล้ว มีการดำเนินการทางวินัยและอาญามาโดยตลอด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เฟซบุ๊ก ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร.
