เก๋งช็อก ออกรถยังไม่ทันได้ผ่อนงวดแรก จอดข้างทางถูกกระบะแต่งซิ่งชนพังยับ กระเด็นไปชนรถข้างหน้าอีก 2 คัน แถมยังไม่เจรจา เหตุฉุนถูกโพสต์ประจาน ลั่นให้ประกันจัดการแล้วจะเอาอะไรอีก
จากกรณีรถกระบะยี่ห้อเชฟโรเลต โคโลราโด
สีชมพูแต่งซิ่ง พุ่งชนรถยนต์โตโยต้า ยาริส สีขาว
จอดอยู่ข้างทางถนนนครเขื่อนขันธ์ จนกระเด็นขึ้นฟุตปาธอัดกับต้นไม้
และยังพุ่งไปชนรถยนต์อีก 2 คัน ที่จอดอยู่ด้านได้รับความเสียหายรวม 3 คัน
เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 5 ตลาคม 2562 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด (11 ตุลาคม 2562) เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า นายธนากร ช้างคนมี และนางสาววรรณชุลี ชูเชิด สองสามีภรรยาชาว อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เปิดเผยเกี่ยวกับความคืบหน้าของกรณีดังกล่าวว่า ขณะเกิดเหตุรถยนต์ของตน จอดอยู่ข้างทางดี ๆ จากนั้นก็ถูกรถกระบะคู่กรณีพุ่งชนเข้าอย่างแรง จนพังยับสภาพแทบไม่สามารถใช้การหรือซ่อมแซมได้ ต้องขายเป็นซากอย่างเดียว นอกจากนี้รถคันนี้ยังเป็นรถมือสองที่ตนเพิ่งดาวน์ออกมาประมาณ 1 เดือน ยังไม่ได้ผ่อนชำระค่างวดเลย แต่กลับต้องมาเจอเหตุการณ์ดังกล่าว
หลังเกิดเหตุ ตนและคู่กรณีได้เดินทางที่ สภ.พระประแดง พร้อมประกัน
ซึ่งคู่กรณีเดินมาจับมือขอโทษ และไม่ยอมพูดคุยหรือไกล่เกลี่ยใด ๆ
แล้วก็ขี่รถออกจากโรงพักไป โยนให้ประกันรับผิดชอบ
ตนอยากให้คู่กรณีช่วยรับผิดชอบบ้าง เพราะเดือดร้อนจริง ๆ
จนกว่าประกันจะดำเนินเรื่องเสร็จ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าดำเนินถึงไหนแล้ว
ไม่มีการแจ้งให้ทราบต้องวิ่งเต้นเอง
โดยคู่กรณี ได้ยื่นข้อเสนอจะช่วยจ่ายค่าทำขวัญจำนวน 4,000 บาท แล้วเพิ่มให้อีก 1,000 เป็น 5,000 บาท แต่เรื่องต้องจบ และจะไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีใด ๆ เพิ่มเติม เขาบอกไม่มีเงินเหมือนกัน ต้องไปกู้เงินมาให้ จากนั้นก็ขอเลขบัญชีบอกขอเวลาจะโอนเงินให้ แต่ยังไม่โอนมาให้แม้แต่บาทเดียว และไม่โทรมาถามไถ่อะไร
ทั้งนี้ หลังเกิดเรื่อง ตนได้นำภาพที่รถที่ถูกชน
และคลิปเสียงจากการคุยโทรศัพท์กับคู่กรณีไปโพสต์ลงเฟซบุ๊ก
เนื่องจากเงินที่เยียวยาเบื้องต้น 5,000 ไม่พอ เพราะตนต้องใช้จ่ายทุกวัน
ไหนจะจ่ายค่างวดรถอีก
จึงโพสต์ข้อความระบายเนื่องจากคู่กรณีจะไม่รับผิดชอบอะไร
แต่กลับถูกต่อว่าต้องการเรียกเงินและโดนสังคมประณามว่า ?โลภอยากได้เงิน ประกันรับผิดชอบแล้ว คุณต้องการอะไรจากเขาอีก? ตอนนี้ลบโพสต์ไปแล้ว
หลังจากที่คู่กรณีเห็นโพสต์ ได้โทรกลับมาต่อว่าที่ตนโพสต์เรื่องดังกล่าวลงเฟซบุ๊ก พร้อมระบุว่า จะไม่จ่ายเงิน 5,000 ให้ตามที่ตกลงกันไว้ ถ้าอยากได้ให้ไปฟ้องเอา ขู่จะไปแจ้งความว่าตนกรรโชกทรัพย์ หมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่พูดกับตนแบบนี้รู้สึกว่าผู้ใหญ่รังแกเด็ก
อย่างไรก็ตาม ปกติตนจะจอดรถอยู่ริมทาง เพราะในบ้านไม่มีที่จอด คนอื่น ๆ
ที่อาศัยย่านนั้น ก็นำมาจอดเหมือนกัน ตนยอมรับเป็นความหละหลวมของเราเอง
ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ส่วนรถผู้เสียหายอีก 2 ราย
ประกันดำเนินการนำเข้าอู่ซ่อมไปแล้ว
ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ขี่รถจักรยานยนต์ตามท้ายมาบอกว่า
ก่อนเกิดเหตุคู่กรณีขับรถมาเร็วมาก หากเขามีสติก็คงไม่เกิดเรื่อง
ขณะที่ นายพุทธิ เกตุคอย อายุ 46 ปี อาชีพขายผักสดในตลาดพระประแดง ผู้ขับรถกระบะชนท้าย เล่าว่า วันเกิดเหตุตนและเพื่อน
3 คน พากันไปดูคอนเสิร์ตที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านถนนราษฎร์บูรณะ
ดื่มกินกันเล็กน้อยไม่ได้เมามาก
จากนั้นได้ขับรถไปส่งเพื่อนบริเวณสามแยกพระประแดง ก่อนจะประสบเหตุดังกล่าว
ตนยอมรับผิดจริง
และขอโทษเนื่องจากรถเสียหลักขณะที่ตนกำลังเปลี่ยนเกียร์จากเกียร์ 1
เป็นเกียร์ 2 ทำให้รถแฉลบไปชนโดยที่ไม่ได้เบรกและไม่ทันตั้งตัว
ยืนยันตนไม่ได้ขับรถเร็ว
โดยหลังเกิดเหตุ
ตนเองก็ไม่ได้หลบหนีรอจนกว่าผู้เสียหายจะมาและขอโทษขอโพยกัน
แล้วให้ประกันจัดการ ซึ่งผู้เสียหายมาบอกว่า อยากให้ช่วยจ่ายเงินค่าเยียวยา
ตนจึงเสนอไป 5,000 บาท แต่กลับไปโพสต์ประจานตนในเฟซบุ๊กว่า
ผู้ใหญ่รังแกเด็ก ตนจึงโทรไปสอบถาม
ส่วนเงินจำนวนดังกล่าวจะไม่จ่ายให้เพราะโพสต์ด่าตนสารพัดว่า "เอาเงินไปทำศพโครตพ่อโครตแม่มึง" ยอมรับว่าโกรธมาก หากไม่ประจาน ก็จะช่วยจ่ายเงินเยียวยา อยากได้เท่าไหร่ให้มาบอก
โดยหลังจากนี้ ตนเองจะไม่เจรจาอะไรทั้งสิ้น ไม่ใช่ว่าตนไม่รับผิดชอบอะไร แต่เพราะรถตนเองมีประกันชั้น 1 จึงให้ประกันเป็นผู้ดำเนินการ นอกจากนี้ตนมองว่า มีอะไรควรคุยกันดี ๆ ไม่ใช่ไปโพสต์ประจานให้เสียหาย และตนเองได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว นอกจากนี้ยังฝากถึงสังคมว่าควรฟังความทั้งสองด้านก่อนตัดสิน
ล่าสุด (11 ตุลาคม 2562) เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า นายธนากร ช้างคนมี และนางสาววรรณชุลี ชูเชิด สองสามีภรรยาชาว อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เปิดเผยเกี่ยวกับความคืบหน้าของกรณีดังกล่าวว่า ขณะเกิดเหตุรถยนต์ของตน จอดอยู่ข้างทางดี ๆ จากนั้นก็ถูกรถกระบะคู่กรณีพุ่งชนเข้าอย่างแรง จนพังยับสภาพแทบไม่สามารถใช้การหรือซ่อมแซมได้ ต้องขายเป็นซากอย่างเดียว นอกจากนี้รถคันนี้ยังเป็นรถมือสองที่ตนเพิ่งดาวน์ออกมาประมาณ 1 เดือน ยังไม่ได้ผ่อนชำระค่างวดเลย แต่กลับต้องมาเจอเหตุการณ์ดังกล่าว
โดยคู่กรณี ได้ยื่นข้อเสนอจะช่วยจ่ายค่าทำขวัญจำนวน 4,000 บาท แล้วเพิ่มให้อีก 1,000 เป็น 5,000 บาท แต่เรื่องต้องจบ และจะไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีใด ๆ เพิ่มเติม เขาบอกไม่มีเงินเหมือนกัน ต้องไปกู้เงินมาให้ จากนั้นก็ขอเลขบัญชีบอกขอเวลาจะโอนเงินให้ แต่ยังไม่โอนมาให้แม้แต่บาทเดียว และไม่โทรมาถามไถ่อะไร
หลังจากที่คู่กรณีเห็นโพสต์ ได้โทรกลับมาต่อว่าที่ตนโพสต์เรื่องดังกล่าวลงเฟซบุ๊ก พร้อมระบุว่า จะไม่จ่ายเงิน 5,000 ให้ตามที่ตกลงกันไว้ ถ้าอยากได้ให้ไปฟ้องเอา ขู่จะไปแจ้งความว่าตนกรรโชกทรัพย์ หมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่พูดกับตนแบบนี้รู้สึกว่าผู้ใหญ่รังแกเด็ก
โดยหลังจากนี้ ตนเองจะไม่เจรจาอะไรทั้งสิ้น ไม่ใช่ว่าตนไม่รับผิดชอบอะไร แต่เพราะรถตนเองมีประกันชั้น 1 จึงให้ประกันเป็นผู้ดำเนินการ นอกจากนี้ตนมองว่า มีอะไรควรคุยกันดี ๆ ไม่ใช่ไปโพสต์ประจานให้เสียหาย และตนเองได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว นอกจากนี้ยังฝากถึงสังคมว่าควรฟังความทั้งสองด้านก่อนตัดสิน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก