เหยื่อแก๊งล่อจับลิขสิทธิ์เผย ถูกจับทั้งพ่อแม่ลูก รีด 4 แสน ขู่โทษถึงประหาร ด้านอดีตต้นสังกัดเผยเลิกจ้าง นัน กิ่งเพชร หลายเดือน เผยต้นสังกัดไม่ได้ค่าปรับ
จากกรณี ที่นายประจักษ์ โพธิผล นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา เข้าจับกุมเยาวชนวัย 15 ปี ขณะส่งมอบกระทงลายการ์ตูน หลังทำการล่อซื้อผ่านเฟซบุ๊ก โดยเรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท แต่ได้เจรจากันเหลือ 5,000 บาท นอกจากนี้ยังพบมีผู้ถูกจับกุมในกรณีเดียวกันอีกหลายคนนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 รายการทุบโต๊ะข่าว รายงานว่า นางตา (นามสมมติ) แม่ของน้องมายด์ ผู้เสียหายอีกราย เผยว่า ก่อนเกิดเหตุนายนัน กิ่งเพชร สั่งออร์เดอร์กระทงลายการ์ตูน เมื่อถึงวันที่กำหนด ตนไปส่งของกับลูกสาวและสามี แต่ก็ถูกจับบอกว่าละเมิดลิขสิทธิ์ ก่อนจะให้ไปโรงพัก ไปถึงก็จับแยกกัน แจ้งข้อหา 3 คน เรียกเงิน 400,000 บาท พร้อมกับขู่ด้วยว่ามีโทษจำคุกถึงประหารชีวิต ตนร้องไห้ยกมือไหว้ขอร้อง แต่อีกฝ่ายไม่สนใจจะเอาเงินให้ได้ ก่อนจะตกลงเหลือ 30,000 บาท ตนยอมรับว่าเดือดร้อนมากเพราะตนเอาโฉนดที่ดินไปจำนอง และเอาสร้อยทองของลูกสาวไปขายเพื่อมาจ่าย
(นางตา แม่ของน้องมายด์)
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ด้าน พล.ต.อ. วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า กรณีของ เด็กอายุ 15 ปีว่าใครเป็นฝ่ายกระทำผิด โดยจะมีการตรวจสอบอย่างแน่นอนว่า เจ้าของลิขสิทธิ์ ได้กระทำการถูกต้องหรือไม่ ส่วนขั้นตอนและกระบวนการของผู้ที่มาแจ้งความร้องทุกข์ ก็จะมีการสอบสวน และหากพบว่ามีการกรรโชกทรัพย์จริง ก็จะเร่งดำเนินคดีตามกฎหมายแน่นอน
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า แนวคำพิพากษาศาลฎีกาบอกไว้ชัดเจนแล้วว่า การล่อให้กระทำความผิด เท่ากับเป็นผู้ก่อให้เขากระทำความผิด จึงไม่เป็นผู้เสียหาย ส่วนปัญหาต่อมาคือการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปจับถูกหลอกลวงด้วยหรือไม่ แล้วได้ตรวจสอบหนังสือมอบอำนาจถูกต้องแล้วหรือไม่
นายวรกร พงศ์ธนากุล ทนายความ เปิดเผยว่า วิธีการป้องการโดนจับลิขสิทธิ์นั้น ต้องบันทึกข้อความแชตล่อซื้อ ห้ามลบเด็ดขาด ควรดูเอกสารมอบอำนาจว่าระยะเวลามีสิทธิ์จับกุมหมดอายุหรือยัง ถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอไว้ ถ้าจะสู้คดี ให้เตรียมเงินไว้ 50,000 บาท
(นายนัน คนจับกระทงลิขสิทธิ์)
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
นายสมพงษ์ (เสื้อขาว)
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ส่วนเงินค่าปรับที่มีการตกลงเจรจากับผู้กระทำความผิด ก็จะมอบให้กับพนักงานปราบปรามฯ เนื่องจากจะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ซึ่งกรณีขึ้นอยู่กับทางบริษัทนั้น ๆ ซึ่งบริษัทไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเงินค่าปรับ นอกจากนี้บริษัทไม่เคยจับลิขสิทธิ์เรื่องกระทง และมองว่าหากผู้กระทำผิดทำสินค้าประเภทนี้ที่ย่อยสลายได้ และทำตามเทศกาล ก็ไม่แนะนำให้มีการจับกุม ถึงแม้จะมีความผิดให้ใช้วิธีการตักเตือนแทน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก