ลูกสาวอาม่าฮวย โต้โกงแม่ เปิดใจถูกครอบครัวพี่ชายใส่ร้าย หวังฮุบมรดกไว้คนเดียว

          ลูกสาวอาม่าฮวย แถลงยืนยันไม่ได้โกงเงินแม่ เผยยอดเงินจริง ๆ ไม่ถึง 250 ล้าน รับเสียใจถูกแม่ฟ้องเนรคุณ เชื่อครอบครัวพี่ชายใส่ร้าย หวังฮุบมรดกไว้คนเดียว

          ความคืบหน้ากรณี อาม่าฮวย ศรีวิรัตน์ อายุ 76 ปี ขอความช่วยเหลือจาก ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช เรื่องคดีฟ้องร้อง นางมาวดี ลูกสาว ในประเด็นโกงเงิน โดยร่วมกับพนักงานธนาคาร ถอนเงินในบัญชีกว่า 250 ล้านบาท ซึ่งมีการแจ้งความไว้ตั้งแต่ปี 2557 ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น

อ่านข่าว : เข็นอาม่าขึ้นศาล ฟ้องลูกในไส้ - พนักงานแบงก์ ทวง 250 ล้าน ลูกบอกเงินแม่กู กูจะใช้

          ล่าสุด (25 พฤศจิกายน 2562) นางมาวดี ลูกสาวของอาม่าฮวย ศรีวิรัตน์ แถลงข่าวพร้อมทนายความ ยืนยันความบริสุทธิ์ว่า ตนไม่ใช่ลูกเนรคุณ และไม่ได้โกงเงินตามที่แม่และพี่ชายกล่าวหา ซึ่งเงินของแม่ที่จริงแล้วมีไม่ถึง 250 ล้าน มีเพียงแค่ราว ๆ 120 ล้านบาท และเงินนั้นเป็นมรดกให้ตนและพี่ชาย คือเงินสด คนละ 30 ล้าน และทรัพย์สินอื่น ๆ อีก ยืนยันว่าตนได้น้อยกว่าพี่ชาย เพราะพี่ชายได้ทั้งที่ดินที่เยอะกว่า โรงงานที่มีเครื่องจักร รวมถึงค่าส่งเสียลูกพี่ชายไปเรียนต่างประเทศด้วย แต่ตนได้ที่ดินน้อยกว่า และอพาร์ตเมนต์เท่านั้น แต่ทั้งหมดก็เป็นความประสงค์ของตนที่จะขอแค่นี้
          ในเรื่องของการเปิดบัญชี ยอมรับว่าเปิดร่วมกับชื่อแม่ เนื่องจากใช้เก็งกำไรในการเปิดบัญชีกองทุน เพื่อที่จะสามารถใช้งานบัญชีของแม่ได้ หากวันที่แม่ไม่สามารถทำธุรกรรมได้ และการถอนเงินทุกครั้ง แม่รับรู้และรับทราบ ซึ่งสาเหตุที่เปลี่ยนจากการเซ็นเป็นพิมพ์ลายนิ้วมือ เพราะมีช่วงที่แม่ป่วยจนไม่สามารถเซ็นได้ และเมื่อแม่กลับมาแข็งแรง ก็มีการสอบถามว่าจะเปลี่ยนกลับมาเซ็นหรือไม่ แต่แม่ยืนยันว่าไม่ต้อง เพราะไม่อยากมีปัญหา ต้องเปลี่ยนกลับไปกลับมาหากวันไหนป่วยอีก

          ตนเป็นคนดูแลแม่มาตลอดก่อนที่พ่อจะเสีย ถึงได้แยกกันอยู่ เพราะพี่ชายมาพาแม่ไปอยู่ด้วย เป็นการแอบพาไปโดยที่ไม่ได้บอกก่อน ซึ่งตนก็มีเรื่องฟ้องพี่ชายเช่นกัน กรณีที่ให้เงินไป 5 ล้าน เพื่อเอาไปใช้ดูแลแม่ เพราะพี่ชายมาบอกว่าแม่ต้องรักษาตัว และเงินก็เริ่มน้อยลง ก็เลยโอนไปให้ แต่เงินกลับไม่ถึงแม่ ทำให้แม่เข้าใจผิดว่าขอเงินแล้วตนไม่ให้ คดีนี้ฟ้องแล้ว ซึ่งก็ชนะ ศาลสั่งให้พี่ชายคืนเงิน 5 ล้าน
          ทั้งนี้ ยืนยันว่า เรื่องทั้งหมดมาจากบุคคลที่สาม คือครอบครัวของพี่ชาย ยืนยันว่าไม่ใช่ลูกเนรคุณ ซึ่งหลังถูกแม่ฟ้องร้อง ก็ได้เจอแม่ล่าสุดที่ศาล แต่กลับถูกกีดกันจากหลานและพี่สะใภ้ ไม่ให้เข้ากอดแม่และปรับความเข้าใจกัน เชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตนถูกใส่ร้าย เพราะฝ่ายพี่ชายอยากจะได้มรดกที่แบ่งกันแล้วเอาไว้คนเดียว

          นางมาวดี กล่าวทั้งน้ำตาว่า เชื่อว่าแม่เข้าใจผิด ตนคิดถึงแม่ และรักแม่มากที่สุด แม่ไม่น่ามาฟ้อง ตนอยู่กับแม่มา 50 ปี ดูแลกันมา แต่พอไปอยู่กับพี่ชายก็เปลี่ยนไป เสียใจ แต่ก็ยังรักแม่ทุกวัน เจอแม่ล่าสุดเมื่อปี 2561 ที่ศาล แต่ก็ไม่ได้เข้าใกล้ เพราะถูกห้าม ซึ่งเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นยินดีคุยกับพี่ชายเพื่อเคลียร์ปัญหา แต่ยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดกับคนที่ใส่ร้าย