อาม่า วัย 76 ปี เดินหน้าฟ้องลูกสาวในไส้ - พนักงานแบงก์ 4 คน ทวงเงิน 250 ล้าน หลังรวมหัวกันถอนเกลี้ยงบัญชี ด้านหลานเผยเคยทวงเงิน ได้คำตอบว่าหมดแล้ว แถมบอกเงินแม่กู กูจะใช้ อยากได้ไปฟ้องเอา !
อ่านข่าว : สุดช้ำ ! ลูกสาวรวมหัวพนักงานแบงก์ แอบถอนเงินแม่ 250 ล้าน เกลี้ยงบัญชี
โดย น.ส.มินตรา หลานสาว กล่าวว่า ก่อนหน้านี้อาม่าฮวย
ทำธุรกิจผลิตโครงสร้างเครื่องปรับอากาศ ทำมานานกว่า 30 ปี มีลูก 3 คน
คนโตเป็นพ่อของตน คนรองคือ นางมาวดี และคนสุดท้องเสียชีวิตไปแล้ว
อาม่ามีบัญชีธนาคารอยู่ 2 บัญชี คือ สาขาถนนศรีนครินทร์ กม.9
และสาขาสุขุมวิท 101 ต่อมาอาม่าป่วยโรคหัวใจตีบ และกล้ามเนื้ออ่อนแรง
ซึ่งแพทย์ต้องทำการเจาะคอ เนื่องจากติดเชื้อ เมื่อแพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน
นางมาวดีพาอาม่าไปอยู่ด้วย จนเป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถเดินได้อีกเลย
ซึ่งช่วงนั้นอาม่าเขียนจดหมายมาหาพี่ชายตนว่าอยากกลับบ้าน
กระทั่งกลับมาอยู่ด้วยกัน
แต่เมื่ออาม่าเปิดตู้เซฟกลับไม่พบสมุดบัญชี จึงให้พี่ชายตนติดต่อไปยังนางทิพย์ภาพร แดงสวัสดิ์ อายุ 57 ปี เจ้าหน้าที่ธนาคารคนสนิทของนางมาวดี และได้รับคำตอบว่าไม่มีเงินในบัญชีเหลือแล้ว เมื่อให้มาชี้แจงก็วางสายใส่และไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย
ด้าน ทนายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า
เมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2562 น.ส.มินตรา
ติดต่อมาหาตนเพื่อขอความช่วยเหลือ กระทั่งเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ทางอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางมาวดี และพนักงานแบงก์รวม 4 คน
ประกอบด้วย นายเทพ ภูแก้ว อายุ 55 ปี, นางวิไล รุ่งเรือง อายุ 62 ปี,
นางทิพย์ภาพร แดงสวัสดิ์ อายุ 57 ปี และ น.ส.ทัศนีย์ จำเนียรศิลป์ อายุ 29
ปี ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทำหน้าที่ได้อย่างล่าช้ามาก ไม่ใส่ใจและไม่สนใจ เป็นเหตุให้ตนต้องโทรศัพท์ไปข่มขู่ว่าจะร้องเรียนผู้บังคับบัญชา เป็นจุดเริ่มต้นความกระตือรือร้นของตำรวจ สน.อุดมสุข
จากนั้นตนได้พบกับผู้กำกับการ โดยให้ข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารไม่ยอมส่งมอบเอกสาร และโทร. ไปแจ้งเจ้าหน้าที่แบงก์อีกครั้ง หากไม่ยินยอมส่งเอกสารจะเปิดเผยต่อสื่อมวลชน จนเป็นเหตุให้ได้เอกสารมา อย่างไรก็ตาม ศาลประทับรับฟ้องและนัดสืบพยานในวันที่ 19 มกราคม 2563
ภาพจาก ข่าวเที่ยงอมรินทร์ ทีวี
จากกรณี นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดัง
เปิดเผยเรื่องราวของ อาม่าฮวย ศรีวิรัตน์ อายุ 76 ปี โดนลูกสาวในไส้
รวมหัวกับพนักงานธนาคารอีก 4 คน
แอบเปลี่ยนเงื่อนไขการถอนเงินจากลงลายมือชื่อ เป็นการพิมพ์ลายนิ้วมือ
และแอบพิมพ์ลายนิ้วมืออาม่าไปถอนเงินเกลี้ยงบัญชี 250 ล้านบาท
โดยอาศัยช่วงที่อาม่าป่วยเส้นเลือดหัวใจตีบ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
ซึ่งอาม่าแจ้งความไว้ตั้งแต่ปี 2557 แต่คดีไม่คืบหน้า
กระทั่งมาร้องให้ทนายอนันต์ชัยช่วยนั้น
อ่านข่าว : สุดช้ำ ! ลูกสาวรวมหัวพนักงานแบงก์ แอบถอนเงินแม่ 250 ล้าน เกลี้ยงบัญชี
ความคืบหน้าล่าสุด (19 พฤศจิกายน 2562) เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า ที่ศาลแพ่งพระโขนง
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช พร้อมด้วย อาม่าฮวย ศรีวิรัตน์ อายุ 76 ปี และ
น.ส.มินตรา ศรีวิรัตน์ หลานสาว อายุ 29 ปี
ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องธนาคารชื่อดัง พนักงานธนาคาร 4 คน และนางมาวดี
ลูกสาวของอาม่า ชดใช้เงินที่สูญไปรวมมูลค่ากว่า 350 ล้านบาท
ภาพจาก ข่าวเที่ยงอมรินทร์ ทีวี
แต่เมื่ออาม่าเปิดตู้เซฟกลับไม่พบสมุดบัญชี จึงให้พี่ชายตนติดต่อไปยังนางทิพย์ภาพร แดงสวัสดิ์ อายุ 57 ปี เจ้าหน้าที่ธนาคารคนสนิทของนางมาวดี และได้รับคำตอบว่าไม่มีเงินในบัญชีเหลือแล้ว เมื่อให้มาชี้แจงก็วางสายใส่และไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย
จากนั้นพี่ชายตนจึงไปที่สาขาสุขุมวิท 101 เพื่อไปพบ นายเทพ ภูแก้ว อายุ 55
ปี เจ้าหน้าที่ธนาคาร ให้ชี้แจงว่าเงินหายไปไหน แต่นายเทพไม่ให้ดูข้อมูล
และยังกล่าวหาว่าอาม่าสติไม่สมประกอบ จึงเข้าแจ้งความที่ สน.อุดมสุข
แต่ไม่นานเรื่องก็เงียบหาย
ภาพจาก ข่าวเที่ยงอมรินทร์ ทีวี
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทำหน้าที่ได้อย่างล่าช้ามาก ไม่ใส่ใจและไม่สนใจ เป็นเหตุให้ตนต้องโทรศัพท์ไปข่มขู่ว่าจะร้องเรียนผู้บังคับบัญชา เป็นจุดเริ่มต้นความกระตือรือร้นของตำรวจ สน.อุดมสุข
จากนั้นตนได้พบกับผู้กำกับการ โดยให้ข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารไม่ยอมส่งมอบเอกสาร และโทร. ไปแจ้งเจ้าหน้าที่แบงก์อีกครั้ง หากไม่ยินยอมส่งเอกสารจะเปิดเผยต่อสื่อมวลชน จนเป็นเหตุให้ได้เอกสารมา อย่างไรก็ตาม ศาลประทับรับฟ้องและนัดสืบพยานในวันที่ 19 มกราคม 2563
นอกจากนี้ ข่าวเที่ยงอมรินทร์ ทีวี รายงานสัมภาษณ์ น.ส.มินตรา
เพิ่มเติมว่า หลังจากที่นางมาวดีเอาเงินไปแล้วนั้นก็เคยมาหาอาม่าไม่กี่ครั้ง ซึ่งตนได้ถามว่าทำไม่ถึงทำแบบนี้
เขาตอบกลับมาว่า "เงินแม่กู กูจะใช้" และเมื่ออาม่าทวงเงิน
เขาก็บอกใช้ไปหมดแล้ว อยากได้ให้ไปฟ้องเอา จนเกิดทะเลาะกันขึ้น
ภาพจาก ข่าวเที่ยงอมรินทร์ ทีวี
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก