พ่อแม่ปวดใจ ลูกสาวป่วยเนื้องอกในสมอง ว่าจะรู้ก็เกือบสายไป ชี้แพทย์คนก่อน ๆ อ้างลูกสาวไม่เป็นอะไร แค่เรียกร้องความสนใจ ทั้งที่มีอาการชัก วิงเวียน ร่างกายเสียสมดุล
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 เว็บไซต์มิเรอร์ รายงานว่า ครอบครัวโอโดโนแวน ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลเดวอน ประเทศอังกฤษ ได้ออกมาบอกเล่าประสบการณ์สุดปวดใจ เมื่อลูกสาวตัวน้อยวัยเพียง 3 ขวบ ได้ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด แต่กว่าที่ทุกคนจะรู้ว่าเธอเป็นโรคดังกล่าว ทุกอย่างก็เกือบจะสายเกินไป
ที่น่าเศร้าไปยิ่งกว่านั้น ก็คือเหล่าแพทย์ทั่วไปที่เคยตรวจร่างกายของ ไลล่า เด็กหญิงตัวน้อยก่อนหน้านั้น ต่างยืนยันว่าร่างกายของเธอไม่มีความผิดปกติใด ๆ เด็กน้อยเพียง "เรียกร้องความสนใจ" เท่านั้น แถมยังบอกว่าแม่ของเด็กหญิงแค่ปกป้องลูกสาวมากเกินไป
พอล โอโดโนแวน พ่อของไลล่า เผยว่าลูกสาวของเขาเริ่มมีอาการผิดปกติตั้งแต่ปี 2557 ตอนที่มีอายุเพียง 1 ขวบครึ่ง ตอนที่ครอบครัวของพวกเขายังอยู่ที่เยอรมนี ก่อนที่อาการของเด็กหญิงจะเลวร้ายลงหนักในปี 2558 ขณะที่ทั้งครอบครัวต้องย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ เพราะงานของจอห์น อย่างไรก็ตามทางครอบครัวเพิ่งจะพาเด็กน้อยไปตรวจร่างกายในเดือนมีนาคม 2559
ในขณะที่เนื้องอกเริ่มทำให้ร่างกายของไลล่ามีความสามารถในการเคลื่อนไหวที่ลดลง มักจะเสียการทรงตัวบ่อยครั้ง เริ่มเกิดอาการชัก และวิงเวียนศีรษะ เนื่องจากแรงกดทับของเนื้องอกภายในศีรษะของเธอ แต่ยังคงไม่มีแพทย์คนไหนให้คำตอบเกี่ยวกับอาการของเธอได้
ในทางกลับกัน แพทย์บอกเพียงแค่ว่า เด็กน้อยไม่มีอะไรผิดปกติ เธอน่าจะแค่เรียกร้องความสนใจเท่านั้น แถมยังต่อว่า คริสตี้ แม่ของไลล่า ว่าเป็นคนทำให้สถานการณ์ทุกอย่างเลวร้ายลงจากการปกป้องลูกมากเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นคริสตี้ก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอเชื่อว่าลูกสาวน่าจะมีอาการป่วยอะไรสักอย่างที่แพทย์ยังไม่ตรวจพบ เธอจึงได้พาลูกสาวไปพบแพทย์ที่แผนกฉุกเฉิน แต่ก็ยังได้รับคำตอบว่าเด็กน้อยปกติดี
พอลยอมรับว่า ในช่วงเวลานั้น เขากับภรรยาโต้เถียงกันบ่อยมาก และเขาก็เริ่มจะคล้อยตามสิ่งที่แพทย์บอกว่าลูกสาวแค่เรียกร้องความสนใจเท่านั้น แต่แล้วเขาก็ต้องเสียใจอย่างมากที่เคยคิดเช่นนั้น เมื่อการผลตรวจ MRI ที่โรงพยาบาล Bristol Royal Hospital for Children ในเดือนกันยายน 2559 เผยให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ไลล่า ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง
นอกจากนี้ ครอบครัวก็ถึงกับช็อกเมื่อแพทย์บอกว่า ไลล่าอาจจะอยู่ห่างจากความตายเพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น พวกเขาอาจจะไม่มีไลล่าอยู่ในตอนนี้ หากยังไม่ได้เห็นผล MRI ในตอนนั้น
อีกสิ่งที่น่าทึ่งก็คือ ไลล่า ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง 3 ขวบ ยังคงสามารถเต้นและเดินได้ ยังมีความรู้สึกที่มือกับเท้า รวมถึงยังสามารถพูดได้ ทั้งที่เนื้องอกของเธอมีขนาดใหญ่มาก
จากวันนั้นกระบวนการรักษาก็เริ่มต้นขึ้น โดยไลล่าได้รับการผ่าตัดครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2559 เพื่อนำเนื้องอกออกไป แต่การผ่าตัดในครั้งนั้นกลับทำให้เด็กน้อยกลายเป็นอัมพาตซีกซ้ายของร่างกาย ซึ่งเธอก็ยังคงไม่ยอมแพ้ ยังคงต่อสู้กับอาการเจ็บป่วยเพื่อฟื้นฟูความสามารถด้านการเคลื่อนไหว กระทั่งกลับมาเต้นได้อีกครั้ง แต่ก็ยังคงต้องอาศัยวีลแชร์ในการเคลื่อนที่
เวลาผ่านไปนานหลายปีที่ไลล่าต้องสู้ทนกับการรักษาตัว เธอผ่าตัดมาแล้ว 9 ครั้ง และทำ MRI อีกกว่า 30 รอบ โดยเด็กน้อยมีกำหนดเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้งในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งทางครอบครัวเองก็ยังคงเป็นกำลังใจที่ดีเยี่ยมแก่ลูกสาว และพยายามทำทุกอย่างที่เธอปรารถนาให้เป็นจริง เพราะพวกเขารู้ดีว่าการผ่าตัดแต่ละครั้งมีความเสี่ยงมากแค่ไหน พร้อมกันนี้ยังหวังให้เรื่องของไลล่า กลายมาเป็นสิ่งเตือนใจผู้ที่ทำงานในวงการแพทย์ ให้มีการฝึกอบรมที่เหมาะสมและมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่มากขึ้น
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 เว็บไซต์มิเรอร์ รายงานว่า ครอบครัวโอโดโนแวน ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลเดวอน ประเทศอังกฤษ ได้ออกมาบอกเล่าประสบการณ์สุดปวดใจ เมื่อลูกสาวตัวน้อยวัยเพียง 3 ขวบ ได้ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด แต่กว่าที่ทุกคนจะรู้ว่าเธอเป็นโรคดังกล่าว ทุกอย่างก็เกือบจะสายเกินไป
ที่น่าเศร้าไปยิ่งกว่านั้น ก็คือเหล่าแพทย์ทั่วไปที่เคยตรวจร่างกายของ ไลล่า เด็กหญิงตัวน้อยก่อนหน้านั้น ต่างยืนยันว่าร่างกายของเธอไม่มีความผิดปกติใด ๆ เด็กน้อยเพียง "เรียกร้องความสนใจ" เท่านั้น แถมยังบอกว่าแม่ของเด็กหญิงแค่ปกป้องลูกสาวมากเกินไป
พอล โอโดโนแวน พ่อของไลล่า เผยว่าลูกสาวของเขาเริ่มมีอาการผิดปกติตั้งแต่ปี 2557 ตอนที่มีอายุเพียง 1 ขวบครึ่ง ตอนที่ครอบครัวของพวกเขายังอยู่ที่เยอรมนี ก่อนที่อาการของเด็กหญิงจะเลวร้ายลงหนักในปี 2558 ขณะที่ทั้งครอบครัวต้องย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ เพราะงานของจอห์น อย่างไรก็ตามทางครอบครัวเพิ่งจะพาเด็กน้อยไปตรวจร่างกายในเดือนมีนาคม 2559
ในขณะที่เนื้องอกเริ่มทำให้ร่างกายของไลล่ามีความสามารถในการเคลื่อนไหวที่ลดลง มักจะเสียการทรงตัวบ่อยครั้ง เริ่มเกิดอาการชัก และวิงเวียนศีรษะ เนื่องจากแรงกดทับของเนื้องอกภายในศีรษะของเธอ แต่ยังคงไม่มีแพทย์คนไหนให้คำตอบเกี่ยวกับอาการของเธอได้
ในทางกลับกัน แพทย์บอกเพียงแค่ว่า เด็กน้อยไม่มีอะไรผิดปกติ เธอน่าจะแค่เรียกร้องความสนใจเท่านั้น แถมยังต่อว่า คริสตี้ แม่ของไลล่า ว่าเป็นคนทำให้สถานการณ์ทุกอย่างเลวร้ายลงจากการปกป้องลูกมากเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นคริสตี้ก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอเชื่อว่าลูกสาวน่าจะมีอาการป่วยอะไรสักอย่างที่แพทย์ยังไม่ตรวจพบ เธอจึงได้พาลูกสาวไปพบแพทย์ที่แผนกฉุกเฉิน แต่ก็ยังได้รับคำตอบว่าเด็กน้อยปกติดี
พอลยอมรับว่า ในช่วงเวลานั้น เขากับภรรยาโต้เถียงกันบ่อยมาก และเขาก็เริ่มจะคล้อยตามสิ่งที่แพทย์บอกว่าลูกสาวแค่เรียกร้องความสนใจเท่านั้น แต่แล้วเขาก็ต้องเสียใจอย่างมากที่เคยคิดเช่นนั้น เมื่อการผลตรวจ MRI ที่โรงพยาบาล Bristol Royal Hospital for Children ในเดือนกันยายน 2559 เผยให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ไลล่า ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง
นอกจากนี้ ครอบครัวก็ถึงกับช็อกเมื่อแพทย์บอกว่า ไลล่าอาจจะอยู่ห่างจากความตายเพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น พวกเขาอาจจะไม่มีไลล่าอยู่ในตอนนี้ หากยังไม่ได้เห็นผล MRI ในตอนนั้น
อีกสิ่งที่น่าทึ่งก็คือ ไลล่า ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง 3 ขวบ ยังคงสามารถเต้นและเดินได้ ยังมีความรู้สึกที่มือกับเท้า รวมถึงยังสามารถพูดได้ ทั้งที่เนื้องอกของเธอมีขนาดใหญ่มาก
จากวันนั้นกระบวนการรักษาก็เริ่มต้นขึ้น โดยไลล่าได้รับการผ่าตัดครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2559 เพื่อนำเนื้องอกออกไป แต่การผ่าตัดในครั้งนั้นกลับทำให้เด็กน้อยกลายเป็นอัมพาตซีกซ้ายของร่างกาย ซึ่งเธอก็ยังคงไม่ยอมแพ้ ยังคงต่อสู้กับอาการเจ็บป่วยเพื่อฟื้นฟูความสามารถด้านการเคลื่อนไหว กระทั่งกลับมาเต้นได้อีกครั้ง แต่ก็ยังคงต้องอาศัยวีลแชร์ในการเคลื่อนที่
เวลาผ่านไปนานหลายปีที่ไลล่าต้องสู้ทนกับการรักษาตัว เธอผ่าตัดมาแล้ว 9 ครั้ง และทำ MRI อีกกว่า 30 รอบ โดยเด็กน้อยมีกำหนดเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้งในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งทางครอบครัวเองก็ยังคงเป็นกำลังใจที่ดีเยี่ยมแก่ลูกสาว และพยายามทำทุกอย่างที่เธอปรารถนาให้เป็นจริง เพราะพวกเขารู้ดีว่าการผ่าตัดแต่ละครั้งมีความเสี่ยงมากแค่ไหน พร้อมกันนี้ยังหวังให้เรื่องของไลล่า กลายมาเป็นสิ่งเตือนใจผู้ที่ทำงานในวงการแพทย์ ให้มีการฝึกอบรมที่เหมาะสมและมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่มากขึ้น