หญิงมาเลเซียใจสลาย ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมระยะ 4 สามีไม่เคยมาดูแล สุดท้ายรู้ความจริง สามีแอบนอกใจไปคบชู้กับน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเอง เจ็บทั้งกายทั้งใจ อยากตายไปเสียพ้น ๆ
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
แต่เขากลับเหินห่างไม่เหลียวแล จนกระทั่งเธอจับได้ว่าเขาแอบนอกใจ ที่แย่กว่าการถูกนอกใจตอนป่วยโรคร้าย และทำให้เธอจุกไปทั้งหัวใจก็คือ คนที่เป็นชู้ไม่ใช่คนอื่นไกลที่ไหน แต่เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเธอเอง.......
จากการรายงานของเว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ ในวันที่ 2 ธันวาคม 2562 ระบุว่า เรื่องราวของหญิงดังกล่าวถูกแชร์ลงบนกลุ่มเฟซบุ๊กของมาเลเซีย โดยเธอเป็นคุณแม่ลูกสาม อายุ 44 ปี เธอพบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งเต้านมระยะที่ 4 เมื่อราว 8 เดือนก่อน
แพทย์ได้ทำการผ่าตัดเต้านมที่มีเนื้อร้ายทิ้งไป รวมทั้งให้การรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือให้คีโม ทั้งหมด 16 ครั้ง ต่อมา แพทย์พบว่าเชื้อมะเร็งได้ลามไปที่ปอดของเธอ จึงต้องให้เครื่องช่วยหายใจ และยาแก้ปวดอยู่ตลอด
นับตั้งแต่เริ่มเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล คนที่คอยเฝ้าดูแลหญิงรายนี้คือลูกสาว ผู้อยู่เคียงข้างเธอจนกระทั่งถึงวันที่อาการดีขึ้นจนออกจากโรงพยาบาล และสามารถกลับบ้านได้ ซึ่งไม่นานหลังจากกลับมาอยู่บ้าน เธอเริ่มสังเกตได้ว่าสามีมักจะหายไปจากบ้านในเวลากลางคืน ไม่รู้ว่าหายไปไหน และไม่รู้ว่าเขาทำแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่เธอยังอยู่ในโรงพยาบาลหรือไม่
ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน คุณแม่ลูกสามก็ค้นพบว่าสิ่งที่ตัวเองสงสัยเป็นความจริง โดยเธอตรวจดูโทรศัพท์มือถือของสามีและพบแชตกับหญิงปริศนาที่เป็นหลักฐานบ่งบอกได้ว่าเธอถูกแทงข้างหลัง เธอพยายามโทร. ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของหญิงปริศนารายนี้ แต่ไม่มีคนรับสาย เธอจึงลองเปลี่ยนแผนไปใช้โทรศัพท์ลูกสาวโทร. ไปแทน
ครั้งนี้ปลายทางกดรับสาย ซึ่งเสียงคนรับทำให้เธอช็อกมาก เพราะมันคือเสียงน้องสาวตัวเอง แบบไม่มีทางผิดตัว และอีกสิ่งที่ช่วยยืนยันได้ก็คือ เธอได้ยินเสียงแม่ตัวเองดังเข้ามาในสายด้วย
ความจริงที่ได้รับรู้ทำให้เธอหัวใจแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ เธอจะไปเผชิญหน้าสามีกับน้องสาวในเรื่องนี้ก็ไม่ได้ เพราะจะเป็นการทำลายเกียรติของครอบครัว ทำให้ครอบครัวต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง และทุกคนก็คงจะต้องเจ็บปวดเหมือนกับเธอ โดยเฉพาะลูก ๆ ที่คงไม่อาจเคารพพ่อตัวเองได้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ความสะเทือนใจครั้งนี้บวกกับการเจ็บป่วย ทำให้เธอจมดิ่งอยู่ในภาวะซึมเศร้า ทั้งนี้ ก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าเรื่องราวหลังจากนั้นเป็นอย่างไร แต่ก็คาดว่าหญิงรายนี้คงจะต้องแบกความทุกข์ต่อไป ซึ่งมันก็อาจทำให้ร่างกายของเธอทรุดหนัก สิ่งที่ชาวเน็ตทำได้ก็มีเพียงการส่งกำลังใจแก่เธอ หวังว่าเธอจะหาทางออกจากสถานการณ์น่าเศร้านี้ไปได้