อาม่าฮวย แถลงโต้ลูกสาว ยันไม่ได้ยินยอมให้ดูแลเงิน 250 ล้าน ส่อพิรุธมีรายได้จากไหน

          อาม่าฮวย พร้อมครอบครัว แถลงโต้ลูกสาว ไม่ยินยอมให้ดูแลเงิน ยังไม่ได้แบ่งมรดกแต่อีกฝั่งมีเงินหลักร้อยล้าน โชว์ยังสามารถเซ็นลายเซ็นเองได้


          จากกรณี อาม่าฮวย ศรีวิรัตน์ อายุ 76 ปี ฟ้องร้อง นางมาวดี ลูกสาว ในประเด็นโกงเงิน โดยร่วมกับพนักงานธนาคาร ถอนเงินในบัญชีกว่า 250 ล้านบาท ซึ่งมีการแจ้งความไว้ตั้งแต่ปี 2557 ขณะที่ลูกสาวปฏิเสธว่าไม่เคยยักยอกเงินไป รวมทั้งเงินในบัญชีก็มีราว 120 ล้าน เท่านั้น

          อ่านข่าว : ลูกสาวอาม่าฮวย โต้โกงแม่ เปิดใจถูกครอบครัวพี่ชายใส่ร้าย หวังฮุบมรดกไว้คนเดียว


          ล่าสุด วันที่ 9 ธันวาคม 2562 อาม่าฮวย พร้อมครอบครัว ได้แถลงข่าวที่โรงงาน ชี้แจงกรณีดังกล่าว กรณีที่ต้องชี้แจงเพราะทนายอีกฝั่ง มีการฟ้องทนายอนันตชัย และ น้องใบเตย หลานสาวอาม่า ว่าปลอมเอกสาร ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริง ยืนยันว่า เรื่องเงิน 253 ล้าน นั้นมีหลักฐานทั้งหมด

          นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า บัญชีเงินฝากอาม่า ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2547 เงื่อนไขการเบิกเงินคือ อาม่า เซ็นชื่อ ต่อมา อาม่า ป่วยเมื่อปี 2557 ต่อมาได้มีใบรับรองแพทย์ และนำใบดังกล่าวไปให้ธนาคาร เปลี่ยนเงื่อนไขจากเซ็นเป็นปั๊มลายนิ้วมือ ตั้งคำถามว่า เจ้าหน้าที่ที่รับรองลายนิ้วมือ ได้อยู่ในเหตุการณ์หรือไม่ ซึ่งตรงนี้ตนฟ้องธนาคารว่าทำผิดหน้าที่


          ส่วนอีกบัญชี กระแสรายวัน เมื่อปี 2520 ต้องใช้ลายเซ็นในการสั่งจ่ายเช็ก ต่อมาในปี 2557 ก็ได้มีการเปลี่ยนเงื่อนไขในการถอนเงินเช่นกัน ซึ่งตั้งคำถามว่า เจ้าหน้าที่คนที่รับรองลายนิ้วมือ ได้อยู่ในเหตุการณ์หรือไม่ ธนาคารต้องตอบกับศาลให้ได้ ซึ่งทุกวันนี้ อาม่า ยังไม่รู้เลยว่ามีเงินในบัญชีอยู่เท่าไหร่ เนื่องจากไม่มีการให้ดูสเตตเมนต์เลย

          นอกจากนี้ปี 2557 พบว่า มีการไปเปิดบัญชีใหม่ ในชื่อ นางมาวดีและอาม่าฮวย แต่คำขอเปิดบัญชีกลับหายไป เนื่องจากข้อเท็จจริงคือมีการทำที่โรงพยาบาล หากมีการเปิดเอกสารมาจะชัดเจนว่าเป็นการทำเอกสารปลอม ในบัญชีนี้มีเงิน 400 กว่าล้าน

          ต่อมา 2558 นางมาวดี มีการไปเปิดบัญชีของตัวเอง มีเงินไหลเวียนในบัญชี 111 ล้าน จึงตั้งคำถามว่ามีเงินจำนวนนี้ได้อย่างไร ทั้งที่ นางมาวดี มีรายได้จากเงินเดือน เดือนละ 2 หมื่น ตรงนี้อีกฝั่งไม่เคยอธิบายกับสังคมเลย


          หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข พบว่ามีการซื้อหน่วยลงทุน มาเรื่อย ๆ รวม 366 ล้าน ตั้งข้อสงสัยว่าเอาเงินมาจากไหน ทั้งที่ก่อนหน้ามีเงิน 1 ล้านบาทเท่านั้น นอกจากนี้ยังพบว่ามีการไปซื้อกองทุนที่ธนาคารไทยพาณิชย์อีก ซึ่งตอนนี้กำลังขอเรียกดูข้อมูลอยู่ อยากฝากถึงธนาคารว่าไม่ควรมีกรณีนี้เกิดขึ้น การเปลี่ยนเงื่อนไขดังกล่าวทำให้ อาม่า ต้องหมดตัว

          ส่วนกรณีปี 2560 ที่อีกฝั่งอ้างว่า อาม่า ไม่สามารถเซ็นได้ แต่มีหลักฐานตอนอาม่าไปตามหาเงินว่า สามารถเซ็นเอกสารต่อหน้าเจ้าหน้าที่ได้

          อาม่า ยืนยันว่า ที่ไปแจ้งความลูกสาวและเอาผิดกับธนาคารเป็นความตั้งใจของตนเองจริง ๆ พร้อมกับได้มีการแสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันยังสามารถเซ็นลายเซ็นได้ ไม่จำเป็นต้องมีการปั๊มมือแต่อย่างใด ส่วนกรณีลูกสาวบอกว่า จะขอให้มีการรับอาม่าไปดูแลแทนนั้น ทางอาม่ายืนยันว่าไม่ยินยอม และตามขั้นตอนก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้

          กรณีที่บอกว่ามีการแบ่งเงินคนละ 30 ล้าน อาม่า รับรู้แค่ว่า ลูกชายคนที่ดูแล ได้เงิน 30 ล้าน เพื่อนำเงินมาบริหารโรงงานเพราะอาม่าตัดสินใจวางมือแล้ว แต่เงินส่วนที่เหลืออาม่าไม่ได้ยินยอมให้นางมาวดีเป็นคนตัดสินใจว่าจะเอาไปทำอะไร เนื่องจากอาม่ายังไม่ได้เสียชีวิตและต้องการเรียกคืนทั้งหมด