เปิดตำนาน แจ็ค เดอะริปเปอร์ ต้นฉบับฆาตกรโหดต่อเนื่อง คิด เดอะริปเปอร์

          ย้อนดูตำนาน แจ็ค เดอะริปเปอร์ ต้นฉบับฆาตกรโหดต่อเนื่องชื่อดัง ที่มาของการเลียนแบบไปทั่วโลก และหนึ่งในนั้นคือ สมคิด พุ่มพวง หรือ คิด เดอะริปเปอร์ 

          จากกรณีสะเทือนขวัญชาวไทย สมคิด พุ่มพวง หรือที่ได้ฉายาว่า คิด เดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ศพ เมื่อปี 2548 ก่อนจะถูกปล่อยตัวออกมา เมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 แต่แล้วกลับก่อเหตุฆาตกรรมต่ออีก 1 ศพ ก่อนจะหลบหนีไป กลายเป็นที่หวาดกลัวของผู้คน จนกระทั่งถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด  

(อ่านเพิ่มเติม : ด่วน จับได้แล้ว สมคิด พุ่มพวง สิ้นลายขณะขึ้นรถไฟจากปากช่อง หวังหนีเข้ากรุงเทพฯ )

          ตามรายงานเผยว่า ที่มาของชื่อ คิด เดอะริปเปอร์ เนื่องจากพฤติกรรมของ นายสมคิด คล้ายกับ แจ็ค เดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องชื่อดังชาวอังกฤษ ที่ลงมือสังหารเหยื่อสาวขายบริการอย่างโหดเหี้ยม วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปย้อนรอยดูตำนาน แจ็ค เดอะริปเปอร์ ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ Historic UK

          เมื่อช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ในขณะที่ลอนดอนเติบโตอย่างมาก จนกลายเป็นเมืองสำคัญระดับโลก บริเวณชุมชนย่าน White Chapel ฝั่งตะวันออกของกรุงลอนดอน กลับเป็นเสมือนจุดบอด มีประชากรอาศัยอยู่แออัดยัดเยียด ถนนเต็มไปด้วยขยะสกปรก วิธีเดียวที่จะหาเลี้ยงชีพได้คือ เป็นอาชญากร ส่วนทางเลือกสำหรับผู้หญิงจำนวนมาก คือการค้าประเวณี ทว่าในปี 1888 (พ.ศ. 2431) เกิดความหวาดผวาขึ้นในย่านดังกล่าว คนไม่กล้าเดินตามถนน เพราะภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน มีหญิงจำนวน 5 ราย (เป็นตัวเลขที่ถูกยอมรับอย่างเป็นทางการ) ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมสยดสยอง โดยผู้ชายที่รู้จักกันในนามว่า แจ็ค เดอะริปเปอร์ (Jack the Ripper)

          ความหวาดกลัวเริ่มต้นในวันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2431 เมื่อมีการพบศพของ แมรี่ แอน นิโคลส์ หญิงขายบริการอายุ 42 ปี ที่ Bucks Row (ปัจจุบันเรียกว่าถนน Durwald) ใบหน้าของเธอมีรอยช้ำ และลำคอของเธอถูกเฉือน 2 ครั้ง จนเกือบจะถูกตัดขาด ท้องของเธอถูกสับจนเปิดออก และมีรอยถูกเฉือนหลายครั้ง ซึ่งต่อมา เธอได้รับการพิจารณาว่า เป็นเหยื่อรายแรกของ แจ็ค เดอะริปเปอร์

          ในวันที่ 8 กันยายน พบเหยื่อรายที่สอง เธอชื่อ แอนนี แชปแมน หญิงขายบริการวัย 47 ปี ร่างของเธอถูกพบในทางเดินที่อยู่ด้านหลังถนน 29 Hanbury ทรัพย์สินของเธอวางอยู่ข้าง ๆ ร่าง หัวของเธอเกือบจะขาด ท้องของเธอฉีกขาดเปิดออกจากกัน ส่วนของผิวหนังตั้งแต่ส่วนท้องวางอยู่บนไหล่ซ้าย ส่วนพวกลำไส้วางอยู่บนไหล่ขวา ส่วนอวัยวะเพศและกระเพาะปัสสาวะถูกตัดหายไป

          ในวันที่ 28 กันยายน สำนักข่าวกลาง Central News Agency ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งลงชื่อจาก แจ็ค เดอะริปเปอร์ ขู่ว่าจะทำการฆาตกรรมอีก ชื่อนี้กลายเป็นที่คุ้นหูของสาธารณชนภายหลังจากมีการนำเสนอข่าวในหนังสือพิมพ์ครั้งแรก และหลังจากนั้นก็ถูกใช้มาตลอด ขณะนั้นในชุมชน White Chapel ตกอยู่ในความโกลาหล เกิดการจลาจลขึ้น เมื่อผู้คนพากันตีโพยตีพาย โจมตีใครก็ตามที่ถือกระเป๋าดำ เนื่องจากข่าวลือแพร่สะพัดว่า เดอะริปเปอร์ พกมีดของเขาไว้ในกระเป๋าใบนั้น

          วันที่ 30 กันยายน ความน่ากลัวเกิดขึ้นอีก เดอะริปเปอร์ ดำเนินการฆาตกรรม 2 ครั้ง ภายในเวลาห่างกันไม่กี่นาที เอลิซาเบธ หญิงขายบริการผู้เคราะห์ร้าย ถูกพบครั้งแรกตอนเวลาประมาณ 01.00 น. บริเวณหลังถนน 40 Berner ตอนที่พบศพ เลือดยังคงไหลออกมาจากลำคอของเธอ และดูเหมือนว่า เดอะริปเปอร์ จะถูกขัดจังหวะระหว่างดำเนินการครั้งนี้  

          จากนั้นในเวลา 01.45 น. ร่างของแคเธอรีน เอ็ดดาวส์ หญิงอายุ 43 ปี ถูกพบในตรอกที่อยู่ไม่ไกลกันระหว่างซอย Mitre Square และ Duke Street (ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ St. James ’Passage) ร่างกายของเธอถูกฉีกขาด คอถูกเฉือน เปลือกตาทั้งสองข้างถูกตัด จมูกและหูข้างขวาถูกตัดทิ้ง มดลูกและไตซ้ายถูกถอดออก ส่วนอวัยวะภายในถูกดึงขึ้นมากองที่ไหล่ขวา

          ในวันที่ 9 พฤศจิกายน เดอะริปเปอร์ออกอาละวาดอีก เหยื่อคือแมรี เจียเน็ตต์ เคลลี อายุ 25 ปี เป็นเหยื่อที่อายุน้อยที่สุด ศพของเธอถูกพบในห้องที่ Millers Court บนถนน Dorset (ปัจจุบันคือถนน Duval) ร่างของเธออยู่บนเตียง ถูกถลกหนังและคว้านท้อง คอถูกตัด จมูกและหน้าอกของถูกตัดทิ้งบนโต๊ะ อวัยวะภายในของเธอถูกถอดออกไปพาดไว้บนกรอบรูปภาพ หัวใจถูกควักออกมาไว้บนโต๊ะ

          ความตื่นตระหนกและเสียงโวยวายของประชาชนที่เกิดจากการฆาตกรรมครั้งนี้นำไปสู่การลาออกของ เซอร์ชาร์ลส์ วอร์เรน หัวหน้าตำรวจในขณะนั้น และแมรี่ถือเป็นเหยื่อรายสุดท้ายของเดอะริปเปอร์ ความหวาดกลัวได้สิ้นสุดลงหลังจากนั้น

          ภายหลังจากเกิดเหตุฆาตกรรม มีหลายชื่อที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับฆาตกร อย่างไรก็ดี ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับตัว แจ็ค เดอะริปเปอร์ ได้ และยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ ข้อมูลของผู้ต้องสงสัยที่ทาง Historic UK ยกมามี 5 ราย ได้แก่

          1. วิลเลียม เฮนรี บิวรี (William Henry Bury) ถูกจับกุมที่เมืองดันดี ในสกอตแลนด์ ตกเป็นผู้ต้องสงสัย เนื่องจากความคล้ายคลึงในการก่อเหตุฆาตกรรมภรรยาของเขา กับเหยื่อทั้ง 5 ราย อีกทั้งเขายังเคยอาศัยอยู่ใกล้กับย่าน White Chapel ในช่วง 3 เดือนที่มีการก่อเหตุ เขาสารภาพว่าเขาฆ่าภรรยาเพราะเมา และพยายามทำลายศพเพื่อกำจัดหลักฐาน แต่ก็คลื่นไส้เกินไปที่จะทำต่อ แต่เมื่อทางเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลคดีแจ็ค เดอะริปเปอร์ ไปสอบสวน พิจารณาแล้วว่าไม่เข้าข่าย สุดท้ายเขาถูกลงโทษแขวนคอไปในปี 1889 (พ.ศ. 2432) ในข้อหาฆาตกรรมภรรยา 
          2. มองตากูว์ จอห์น ดรูอิตต์ (Montague John Druitt) เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัย ภายหลังจากบันทึกของ Macnaughten นักสืบคดีแจ็ค เดอะริปเปอร์ ที่ทำงานให้กับทางสกอตแลนด์ยาร์ด ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ เขาเขียนไว้ว่า ดรูอิตต์ เป็นแพทย์ และมีครอบครัวค่อนข้างดี หายตัวไปในช่วงที่เกิดการฆาตกรรม ก่อนศพของเขาจะถูกพบลอยอยู่ในแม่น้ำเทมส์ ในวันที่ 31 ธันวาคม 7 สัปดาห์ ซึ่งแม้จะมีความเกี่ยวข้องน้อย แต่ครอบครัวของเขาสงสัยว่า เขาอาจจะเป็นฆาตกร และกล่าวหาว่า เขาวิกลจริตทางเพศ แต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัด มีเพียงข้อสันนิษฐานจากการฆ่าตัวตายของเขา ที่กระทำขึ้นในช่วงใกล้เคียงเวลาเกิดเหตุเท่านั้น
          3. เจมส์ เมย์บริก (James Maybrick) เป็นพ่อค้า เขาไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในเวลาที่เกิดการฆาตกรรม จนกระทั่งเขาเสียชีวิต และไดอารี่ของเขาถูกเปิดเผย มีการเขียนอ้างว่า เขาคือผู้สังหารเหยื่อทั้ง 5 ราย และต่อมามีการพบนาฬิกาสลักชื่อ J. Maybrick และชื่อขึ้นต้นของเหยื่อ แจ็ค เดอะริปเปอร์ทั้ง 5 ราย พร้อมกับคำว่า "ฉันคือแจ็ค" อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดว่าข้อความมีความเชื่อมโยงกับคดีฆาตกรรมจริง และไม่มีหลักฐานสนับสนุนทฤษฎีนี้
          4. วอลเตอร์ ริชาร์ด ซิคเกิร์ต (Walter Richard Sickert) เป็นจิตรกรชาวอังกฤษ ที่อาศัยแรงบันดาลใจจากคดีเดอะริปเปอร์ มีความเชื่อว่า เขาเคยอาศัยอยู่ในห้องที่ แจ็ค เดอะริปเปอร์ ใช้ ตลอดเวลา 70 ปี ไม่มีใครเอ่ยชื่อเขาในคดีนี้ กระทั่งผู้เขียนนักเขียนชื่อ สตีเฟ่น ไนต์ อ้างว่า เขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในคดีฆาตกรรม จากข้อมูลที่ได้มาจากลูกชายนอกสมรสของซิคเกิร์ต และในปี 2002 (พ.ศ. 2545) นักประพันธ์อาชญากรรม แพทริเซีย คอร์นเวลล์ ก็เชื่อว่า ซิคเกิร์ต คือ เดอะริปเปอร์ เธอได้ซื้อภาพวาดของเขาจำนวน 31 ชิ้น มาตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ และชี้ว่า ไมโทรคอนเดรียดีเอ็นเอของเขาตรงกับจดหมายของเดอะริปเปอร์ อย่างไรก็ดีนอกจากคำกล่าวอ้างเหล่านี้ ไม่มีหลักฐานอื่นที่ชี้ชัดว่าเขาเป็นผู้ลงมือฆาตกรรมโหดเหี้ยม 
          5. ฟรานซิส ทัมเบิลตี (Francis Tumblety) เขาถูกสงสัยว่าเป็นแจ็ค เดอะริปเปอร์ ในเวลาที่เกิดการฆาตกรรม เขาถูกจับกุมเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2431 ในข้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดี ก่อนจะได้รับการการประกันตัว เมื่อรู้ว่าเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีเดอะริปเปอร์ เขาหนีไปยังสหรัฐอเมริกาผ่านทางฝรั่งเศส มีข่าวลือว่าสกอตแลนด์ยาร์ดพยายามให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่สุดท้ายก็ไม่มีข้อหลักฐานที่ชี้ว่าเขาคือฆาตกร นอกเหนือจากประวัติการกระทำความผิดทางอาญาครั้งก่อน และเรื่องความเกลียดชังผู้หญิงของเขา ส่วนรูปร่างหน้าตาของเขาก็ไม่ตรงกับพยาน และไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมใด ๆ
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดตำนาน แจ็ค เดอะริปเปอร์ ต้นฉบับฆาตกรโหดต่อเนื่อง คิด เดอะริปเปอร์ อัปเดตล่าสุด 19 ธันวาคม 2562 เวลา 22:48:31 11,686 อ่าน
TOP
x close