ผอ.โรงเรียนปทุมวิไล แจงห้ามนักเรียนลงรูปหวั่นกระทบสิทธิเด็ก ผู้ปกครองไกล่เกลี่ยกันแล้ว ไม่ได้พักการเรียน 2 สัปดาห์ แต่เด็กต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยมีแพทย์ประเมิน
จากกรณีที่โลกออนไลน์แฉโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ทำนองว่าพยายามปิดข่าวที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาคนหนึ่งปาดคอเพื่อนนักเรียนด้วยกันจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เบื้องต้นพบว่าทั้งสองฝ่ายมีการไกล่เกลี่ยกันได้แล้วนั้น
อ่านข่าว : เผยสาเหตุ รร. ปิดข่าว #รรชื่อดังย่านปทุม ทั้งที่เด็กปาดคอเพื่อน ท้าทายกันจนลงมือจริง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 22 ธันวาคม 2562 เฟซบุ๊ก เรื่องเล่าเช้านี้ ได้สอบถาม ดร.เอกพรต สมุทธานนท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนปทุมวิไล ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้รับคำชี้แจงว่า เหตุทำร้ายร่างกายในข่าวเกิดขึ้นที่โรงอาหาร โดยเด็กที่ก่อเหตุได้ปรี่เข้าหาเด็กผู้หญิง แต่เพื่อนได้เข้ามาขวางจนถูกทำร้าย หลังเกิดเหตุได้พาตัวเด็กที่บาดเจ็บมารักษาเบื้องต้นที่ห้องพยาบาล ก่อนจะพาตัวส่งโรงพยาบาล หลังรักษาตัวก็มีการเย็บแผล เด็กไม่ได้บาดเจ็บหนักมาก
เบื้องต้นพบว่า เด็กที่ก่อเหตุได้ไปชอบเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ฝ่ายหญิงไม่ได้ชอบด้วย วันดังกล่าวพบว่ามีการเดินไปหาฝ่ายหญิง แต่เด็กที่บาดเจ็บเป็นห่วง เห็นว่าท่าไม่ดีจึงเข้าไปขวางและถูกทำร้าย ซึ่งเด็กที่ก่อเหตุนั้นมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิต อยู่ในการดูแลของแพทย์มาตั้งแต่ ม.ต้น ก็มีการกินยามาโดยตลอด แต่ทราบว่าช่วงที่เกิดเหตุเด็กไม่ได้กินยา ยืนยันว่าที่ผ่านมาเด็กคนนี้ยังไม่เคยก่อเหตุทำร้ายคนอื่นมาก่อน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เรื่องเล่าเช้านี้
จากการเจรจาทั้งสองฝั่งพบว่า ฝ่ายผู้ปกครองเด็กที่ก่อเหตุตกลงที่จะชดใช้เยียวยาทุกอย่าง ซึ่งเป็นการคุยกันเบื้องต้น โดยโรงเรียนขอให้เว้นระยะไปอีกสักพักให้เด็กทั้งสองฝ่ายพักฟื้นจิตใจและอาการบาดเจ็บ จากนั้นค่อยกลับมาคุยกันใหม่หลังช่วงปีใหม่
ส่วนข่าวที่พักการเรียนเด็กที่ก่อเหตุ 2 สัปดาห์นั้นไม่ใช่เรื่องจริง โดยกฎของโรงเรียนนั้น กรณีสูงสุดคือ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เด็กที่ป่วยจำเป็นต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ ซึ่งจะกินเวลาเท่าไรนั้น แพทย์ต้องเป็นฝ่ายประเมิน
ตนยืนยันว่าโรงเรียนจะดูแลเรื่องการศึกษาของทั้งสองฝ่าย เนื่องจากอยู่ในชั้น ม.6 แล้ว ซึ่งก็มีวิธีการต่าง ๆ ที่เด็กอาจจะไม่จำเป็นต้องมาเรียนตามปกติก็ได้ นอกจากนี้ยังจะดูแลเรื่องของความปลอดภัยของเด็กด้วย
ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่ามีการปิดข่าวนั้น โรงเรียนมองว่า การที่มีเยาวชนเยอะ หากมีการถ่ายภาพและโพสต์ออกไปโดยไม่กลั่นกรองจะทำให้ไปกระทบสิทธิของทั้งผู้ก่อเหตุและผู้บาดเจ็บ จึงได้บอกนักเรียนว่าอย่าเพิ่งไปโพสต์ ซึ่งในตอนนั้นเป็นช่วงชุลมุน เด็กอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นการข่มขู่หรือบังคับ ทั้งที่เจตนาที่แท้จริงคือปกป้องทั้งสองฝ่าย ยืนยันว่าโรงเรียนไม่เคยปิดข่าว เพราะตั้งแต่วันเกิดเหตุก็ได้ชี้แจงกับสื่อที่สอบถามเข้ามาไปแล้วบางส่วน อยากให้มองว่าโรงเรียนให้เด็กทุกคนคือเพื่อนกัน อยากให้ทุกคนให้อภัยกัน
