รายงานเผย นักวิทยาศาสตร์ไขปริศนาความลับ พบหลุมอุกกาบาตยักษ์ลึกลับ อายุ 790,000 ปี อยู่ที่ในประเทศลาว ทางตอนใต้
วันที่ 9 มกราคม 2563 เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น รายงานเรื่องราวชวนฮือฮาในวงการวิทยาศาสตร์ โดยเมื่อนานมาแล้ว เราได้ทราบเพียงว่า มีหนึ่งในอุกกาบาตก้อนใหญ่ที่สุด ตกลงมายังพื้นโลก เมื่อในอดีตโบราณกาล ประมาณ 790,000 ปีก่อน แต่ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า อุกกาบาตยักษ์ก้อนดังกล่าว ตกลงมายังพื้นที่ใดบนโลกใบนี้ มันเป็นปริศนาความลับเรื่อยมา จนกระทั่งล่าสุด..
ตามรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ Proceedings of the National Academy of Sciences (PNAS) ของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์พบว่า หลุมของอุกกาบาตขนาดมหึมาดังกล่าว น่าจะอยู่ที่บริเวณพื้นที่ราบสูงโบลาเวน (Bolaven) ซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาไฟในอดีตที่ดับไปแล้ว ตั้งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศลาว
![หลุมอุกกาบาตยักษ์ลึกลับ]( "หลุมอุกกาบาตยักษ์ลึกลับ")
สำหรับอุกกาบาตยักษ์ก้อนดังกล่าว มีขนาดใหญ่มหึมา ความกว้างประมาณ 2 กิโลเมตร ตกลงมาสู่พื้นผิวโลกเมื่อราว 790,000 ปีก่อน ก่อนที่แผ่นเปลือกโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา โดยผลกระทบของการพุ่งชนครั้งนั้นยิ่งใหญ่มหาศาลมาก เศษซากของมันกระเด็นไปไกลทั่ว ทั้งทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย และแอนตาร์กติกา คิดเป็นประมาณกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่โลก โดยพื้นที่ที่พบสะเก็ดของอุกาบาต (Tektites) ลูกนี้เรียกว่า Australasian strewn field
โดยที่ผ่าน ทางนักวิทยาศาสตร์สามารถหาที่มาของ Tektites หรือสะเก็ดของอุกกาบาตอื่น ๆ ได้ ยกเว้นอุกกาบาตลูกดังกล่าว ขอบเขตของมันเป็นวงกว้างตั้งแต่ทางตอนใต้ของจีน ไปจนถึงออสเตรเลีย จากความพยายามหลายครั้งในการค้นหา มีคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับจุดตกของมัน ตั้งแต่ กัมพูชาตอนเหนือ ไปจนถึงลาวตอนกลาง และแม้แต่จีนตอนใต้ หรือจากภาคตะวันออกของไทย ไปจนถึงนอกชายฝั่งเวียดนาม
แต่การศึกษาครั้งล่าสุดนี้ เป็นครั้งแรกที่ทางทีมวิจัยรวบรวมหลักฐานได้จำนวนมาก ทั้งธรรมชาติทางเคมี และลักษณะทางกายภาพของ Tektites รวมไปถึงการวัดแรงโน้มถ่วง และการวัดอายุของลาวาที่สามารถฝังหลุมอุกกาบาตนี้ได้ ทำให้พบว่า หลุมของอุุกกาบาตยักษ์ลูกนี้อยู่ที่บริเวณดังกล่าวในประเทศลาว โดยจากการคำนวณของนักวิทยาศาสตร์ หลุมอุกกาบาตลึกลับแห่งนี้ มีความกว้างประมาณ 13 กิโลเมตร และยาว 17 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการดำเนินอีกหลายขั้นตอน เพื่อยืนยันทฤษฎีดังกล่าวนี้ โดยหลังจากนี้ ทางนักวิทยาศาสตร์จะต้องเจาะลึกลงไปราว 200-300 เมตร เพื่อดูว่าหินใต้ลาวาเป็นหินจากอุกกาบาตตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่
วันที่ 9 มกราคม 2563 เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น รายงานเรื่องราวชวนฮือฮาในวงการวิทยาศาสตร์ โดยเมื่อนานมาแล้ว เราได้ทราบเพียงว่า มีหนึ่งในอุกกาบาตก้อนใหญ่ที่สุด ตกลงมายังพื้นโลก เมื่อในอดีตโบราณกาล ประมาณ 790,000 ปีก่อน แต่ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า อุกกาบาตยักษ์ก้อนดังกล่าว ตกลงมายังพื้นที่ใดบนโลกใบนี้ มันเป็นปริศนาความลับเรื่อยมา จนกระทั่งล่าสุด..
ตามรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ Proceedings of the National Academy of Sciences (PNAS) ของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์พบว่า หลุมของอุกกาบาตขนาดมหึมาดังกล่าว น่าจะอยู่ที่บริเวณพื้นที่ราบสูงโบลาเวน (Bolaven) ซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาไฟในอดีตที่ดับไปแล้ว ตั้งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศลาว
สำหรับอุกกาบาตยักษ์ก้อนดังกล่าว มีขนาดใหญ่มหึมา ความกว้างประมาณ 2 กิโลเมตร ตกลงมาสู่พื้นผิวโลกเมื่อราว 790,000 ปีก่อน ก่อนที่แผ่นเปลือกโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา โดยผลกระทบของการพุ่งชนครั้งนั้นยิ่งใหญ่มหาศาลมาก เศษซากของมันกระเด็นไปไกลทั่ว ทั้งทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย และแอนตาร์กติกา คิดเป็นประมาณกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่โลก โดยพื้นที่ที่พบสะเก็ดของอุกาบาต (Tektites) ลูกนี้เรียกว่า Australasian strewn field
โดยที่ผ่าน ทางนักวิทยาศาสตร์สามารถหาที่มาของ Tektites หรือสะเก็ดของอุกกาบาตอื่น ๆ ได้ ยกเว้นอุกกาบาตลูกดังกล่าว ขอบเขตของมันเป็นวงกว้างตั้งแต่ทางตอนใต้ของจีน ไปจนถึงออสเตรเลีย จากความพยายามหลายครั้งในการค้นหา มีคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับจุดตกของมัน ตั้งแต่ กัมพูชาตอนเหนือ ไปจนถึงลาวตอนกลาง และแม้แต่จีนตอนใต้ หรือจากภาคตะวันออกของไทย ไปจนถึงนอกชายฝั่งเวียดนาม
แต่การศึกษาครั้งล่าสุดนี้ เป็นครั้งแรกที่ทางทีมวิจัยรวบรวมหลักฐานได้จำนวนมาก ทั้งธรรมชาติทางเคมี และลักษณะทางกายภาพของ Tektites รวมไปถึงการวัดแรงโน้มถ่วง และการวัดอายุของลาวาที่สามารถฝังหลุมอุกกาบาตนี้ได้ ทำให้พบว่า หลุมของอุุกกาบาตยักษ์ลูกนี้อยู่ที่บริเวณดังกล่าวในประเทศลาว โดยจากการคำนวณของนักวิทยาศาสตร์ หลุมอุกกาบาตลึกลับแห่งนี้ มีความกว้างประมาณ 13 กิโลเมตร และยาว 17 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการดำเนินอีกหลายขั้นตอน เพื่อยืนยันทฤษฎีดังกล่าวนี้ โดยหลังจากนี้ ทางนักวิทยาศาสตร์จะต้องเจาะลึกลงไปราว 200-300 เมตร เพื่อดูว่าหินใต้ลาวาเป็นหินจากอุกกาบาตตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่
