เด็กสาวสุดทนทุกข์ หลังป่วยโรคชราในเด็ก ดูเหมือนคนอายุ 60 ปี
ทั้งที่อายุแค่ 15 ปี ในที่สุดจะได้รับชีวิตใหม่ หลังคนใจดีร่วมบริจาค
จนสามารถผ่าตัดได้
ภาพจาก k.sina.com.cn
ตลอดระยะเวลา 15 ปี ที่ผ่านมา คือช่วงเวลาแห่งความทุกข์ระทมอย่างยิ่งสำหรับ
เสี่ยวเฟิง (นามสมมติ) เด็กสาวจากครอบครัวชาวนา
ที่เกิดมาพร้อมกับโรคทางพันธุกรรมที่หาได้ยาก
ทำให้เธอมีผิวหนังที่เหี่ยวย่น ลักษณะภายนอกดูเหมือนหญิงชราวัย 60 ปี
ทั้งที่เธอยังเป็นเพียงเด็กสาววัยแรกรุ่น อายุ 15 ปี เท่านั้น
เสี่ยวเฟิงต้องทนทรมานจากการถูกเพื่อน ๆ ล้อเลียน กลั่นแกล้ง จนเลือกที่จะขอพักการเรียน ขังตัวเองอยู่แต่ในบ้านเพราะหวาดกลัวการเจอเพื่อนใหม่ แต่หลังจากนี้ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อได้รับโอกาสครั้งใหญ่จากเหล่าคนใจดีที่หยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้
เสี่ยวเฟิงต้องทนทรมานจากการถูกเพื่อน ๆ ล้อเลียน กลั่นแกล้ง จนเลือกที่จะขอพักการเรียน ขังตัวเองอยู่แต่ในบ้านเพราะหวาดกลัวการเจอเพื่อนใหม่ แต่หลังจากนี้ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อได้รับโอกาสครั้งใหญ่จากเหล่าคนใจดีที่หยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้
โดยเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2563 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า เสี่ยวเฟิงสามารถเข้ารับการศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิตได้ในที่สุด ภายหลังจากผู้คนมากมายร่วมบริจาคเงินแก่เธอ ในจำนวนมากพอที่จะครอบคลุมค่าผ่าตัด และเธอก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาได้เลยเมื่อได้เห็นหน้าใหม่ของตัวเองเป็นครั้งแรก หลังจากที่ต้องติดอยู่ในร่างแก่ชราเกินวัยมาแสนนาน
ภาพจาก k.sina.com.cn
อย่างไรก็ตาม โชคยังดีที่กรณีของเสี่ยวเฟิงและแม่ ลักษณะของโรคส่งผลกระทบเฉพาะผิวหนังเท่านั้น ไม่ได้ลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ
เพื่อที่จะผ่าตัดให้เสี่ยวเฟิง ทางโรงพยาบาลต้องระดมทีมศัลยแพทย์ 10 คน วิสัญญีแพทย์ 3 คน และพยาบาลอีก 5 คน มาร่วมกันทำการผ่าตัดในวันที่ 29 ธันวาคม 2562 โดยใช้เวลาผ่าตัดนาน 7 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อนำผิวหนังส่วนเกินออก รวมถึงปรับรูปทรงของคิ้ว จมูก และปากให้เธอใหม่
อย่างไรก็ตาม หลังการผ่าตัดแพทย์ยังไม่อนุญาตให้เสี่ยวเฟิงดูกระจก และเธอก็เพิ่งจะได้เห็นรูปลักษณ์ใหม่ของตัวเองเป็นครั้งแรก ในงานแถลงข่าวที่ทางโรงพยาบาลจัดขึ้น และเธอก็สวมกอดกับพ่อและแม่ทั้งน้ำตา
พ่อของเสี่ยวเฟิง ซึ่งเป็นเพียงชาวบ้านจากชนบทในมณฑลเหลียวหนิง ยอมรับว่า นี่เป็นวันที่ลูกสาวของเขามีความสุขมากที่สุดในชีวิต นับตั้งแต่ลูกของเขาเริ่มมีอาการของโรคตั้งแต่อายุ 1 ขวบ
ทั้งนี้ เสี่ยวเฟิง เผยว่า ก่อนหน้านี้เธอไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว คนอื่น ๆ ไม่กล้าเล่นกับเธอเพราะพวกเขาไม่ชอบเธอ หรือไม่ก็คิดว่าเธอน่าเกลียด การที่ถูกแกล้งที่โรงเรียน ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น ๆ ตอนที่เธอเรียนชั้นประถมก็มักถูกเข้าใจผิด คิดว่าเป็นผู้ปกครองของเด็กคนอื่น ๆ อยู่ประจำ แถมไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนกับแม่ ก็มักจะมีแต่สายตาจับจ้อง และเสียงพูดคุยซุบซิบเรื่องของพวกเธอ
จนกระทั่งเรียนจบชั้นมัธยมต้น เธอก็ตัดสินใจขอพักการเรียนไว้ เพราะหวาดกลัวการเจอเพื่อนใหม่และเพื่อนคนอื่น ๆ ในชั้นเรียน
อย่างไรก็ตาม ดร.สือ เผยในการแถลงข่าวหลังการผ่าตัดว่า ท้ายที่สุดแล้วทางโรงพยาบาลตัดสินใจจะไม่เก็บค่าใช้จ่ายใด ๆ จากเสี่ยวเฟิง เพราะอยากให้เธอเก็บเงินบริจาคก้อนนี้ไว้สำหรับการรักษาตัวเพิ่มเติมในอนาคต และเพื่อให้เธอได้นำไปใช้เพื่อการศึกษา
จากนี้คาดว่าเสี่ยวเฟิงยังต้องรับการผ่าตัดเพื่อฟื้นฟูสภาพเส้นเอ็นบนใบหน้า แต่เธอก็น่าจะหายดีได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน และจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เฝ้ารอเสียที