ลุงซิ่งขับรถชนเพื่อนบ้านดับ พูดชัดก่อนเกิดเหตุ หมั่นไส้ จะขับชนแม่งให้ตาย เมียผู้เสียชีวิตยอมรับ ตากผ้าหน้าบ้านจริง แต่ไม่ขวางทางใคร เผยลุงผู้ก่อเหตุเป็นคนหัวร้อน น่าจะมาคุยกันดี ๆ รับไม่ได้กับความสูญเสีย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Phasit Nan
จากกรณีข่าวลุงขับรถชนเพื่อนบ้านเสียชีวิต ขณะรดน้ำต้นไม้ เนื่องจากไม่พอใจเรื่องตั้งราวตากผ้าเกะกะขวางทาง โดยคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ได้ชัดเจน เผยให้เห็นว่าผู้ก่อเหตุอยู่บ้านติดกันกับผู้เสียชีวิต โดยผู้ก่อเหตุได้ขับรถไปรับเด็กออกจากบ้านฝั่งตรงข้าม ก่อนจะถอยไปตั้งหลัก แล้วตั้งใจขับชนอย่างแรง และลากร่างผู้เสียชีวิตไปราว 50 เมตร ตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น (อ่านข่าว - คลี่ปมสังหาร ลุงหัวร้อนซิ่งเก๋งชนเพื่อนบ้านดับ เหตุแค้นตั้งราวตากผ้าขวางทาง)
ตนกับครอบครัวย้ายมาอาศัยที่หมู่บ้านกรุงศรีซิตี้ ซอย 3 ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ประมาณ 10 ปีแล้ว และย้ายขยับมาอยู่บ้านติดกับนายไพบูลย์ เมื่อราว 5-6 ปีก่อน ในช่วงแรกที่ตนย้ายมา นายไพบูลย์ยังไม่มีงานทำ และมักจะเข้ามาขอข้าวกินที่บ้าน ซึ่งแม่ก็แบ่งปันข้าวปลาอาหารให้ทุกครั้ง อีกทั้งตนยังเคยว่าจ้างให้นายไพบูลย์ไปรับ-ส่งลูกชายที่โรงเรียนด้วย
ส่วนสามีของตนทำงานอยู่ต่างจังหวัด ไม่ค่อยได้กลับบ้าน เพิ่งกลับมาบ้านเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สามีไม่เคยมีปัญหากับใคร และไม่ได้ทะเลาะอะไรกันกับนายไพบูลย์ ตนยอมรับว่ามีการตั้งราวตากผ้าไว้หน้าบ้านจริง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ไปตั้งขวางหน้าบ้านนายไพบูลย์ ตั้งอยู่ตรงหน้าบ้านตัวเอง และตากเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น เพราะเป็นวันที่ตนหยุดงาน ตนก็เป็นคนขับรถเป็น จึงรู้ดีว่าควรตั้งแค่ไหนถึงจะไม่ขวางทางผู้อื่น
น.ส.ปานกมล เผยอีกว่า ในเรื่องการก่อเหตุ ตนคาดว่าน่าจะเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ แต่ตนมองว่าถ้าหากมีปัญหากัน ควรจะเข้ามาพูดคุยกันดี ๆ เพราะเป็นมนุษย์ด้วยกันทั้งคู่ ตนยืนยันจะไม่ให้อภัยกับคนก่อเหตุ เพราะเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ไม่สามารถทำใจยอมรับได้ อนาคตลูกหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เพราะสูญเสียพ่อที่เป็นเสาหลักของครอบครัวไปแล้ว
ขณะที่ นายอมรพล
เรืองสังข์ โค้ชฟุตบอล เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 08.30 น.
ตนเห็นรถเก๋งคันหนึ่งเข้ามาบริเวณด้านหน้าสนามฟุตบอล
จอดเสียงดังมากจนฝุ่นตลบ สภาพรถกันชนด้านหน้าพัง ยางแตกทั้ง 2 ข้าง
ตนเห็นตายาย หลานชาย วัย 8 ขวบ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่เรียนฟุตบอลกับตน
กับหลานสาว อายุประมาณ 9-10 ขวบ ยืนอยู่ข้างรถเก๋ง สภาพตกใจตัวสั่น
และเด็กผู้หญิงก็ร้องไห้
ตนจึงเข้าไปสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ความว่า ตายายได้จ้างนายไพบูลย์ให้ขับรถไปส่งหลานเรียนฟุตบอล ตอนที่ขับรถออกจากบ้านนั้น ตายายเล่าว่า นายไพบูลย์เห็นนายสุพรรณยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ และพูดขึ้นว่า "หมั่นไส้ เดี๋ยวจะขับชนแม่งให้ตายเลย" เมื่อตาได้ยินก็ตกใจ รีบห้ามปรามให้ใจเย็น แต่ก็มาเกิดเหตุร้ายขึ้น ซึ่งตอนนั้นทุกคนในรถช็อกมาก กรีดร้องตกใจ เด็ก ๆ ก็ร้องไห้ จากนั้นนายไพบูลย์ก็ขับรถออกจากซอยอย่างรวดเร็ว และจอดรถทิ้งไว้ที่สนามฟุตบอล ก่อนลงจากรถนายไพบูลย์ได้ยกมือไหว้ขอโทษตายาย แล้วนั่งวินมอเตอร์ไซค์หลบหนีไป
ด้านภรรยาและลูกสาวของนายไพบูลย์ ได้เดินทางไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา โดยภรรยาเปิดเผยว่า ตนกับลูกสาวไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งมาเห็นข่าวและคลิป ที่ผ่านมาไม่รู้ว่าสามีมีปัญหาบาดหมางอะไรกับผู้เสียชีวิตหรือไม่ เนื่องจากนิสัยของสามีเป็นคนไม่ค่อยพูด เวลามีปัญหาก็จะเก็บไว้คนเดียว ทุกเช้าตนจะออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน ส่วนสามีจะขับรถให้เจ้านาย พอเสร็จแล้วก็จะไปขี่วินมอเตอร์ไซค์ต่อ กว่าจะกลับถึงบ้านก็มืด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตนเข้านอนแล้ว ตอนนี้อยากให้สามีเข้ามอบตัวกับตำรวจและรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป