หัวหน้าหน่วยพรีเวนชั่น ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สัมภาษณ์หนุน พีท คนเลือดบวก ย้ำไม่ต้องใช้ถุงยาง เพราะ U=U เพจหมอ-โซเชียลคอมเมนต์กันเดือด
ภาพจาก เฟซบุ๊ก พีทคนเลือดบวก - Pete Living With HIV Positive Undetectable
กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากเมื่อวันที่ 3 กุุมภาพันธ์ 2563 พญ.นิตยา ภานุภาค พึ่งพาพงศ์ หัวหน้าหน่วยพรีเวนชั่น ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ได้ให้สัมภาษณ์สนับสนุนเกี่ยวกับประเด็นของ พีท คนเลือดบวก ที่เปิดคอร์สมีเซ็กส์สดปลอดภัยแบบไม่สวมถุงยาง U=U โดยยืนยันว่าข้อมูลถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องสวมถุงยาง เพราะจะไม่ติดเชื้อแน่นอน
ซึ่งภายหลังจากมีการเผยแพร่สัมภาษณ์ดังกล่าว เพจ Drama-addict ระบุว่า งานวิจัยนี้ Partner1 เป็นการสำรวจในกลุ่มคู่สามีภรรยาที่มีเพศสัมพันธ์กันตามปกติโดยใช้ถุงยางมั่ง ไม่ใช้ถุงยางมั่ง โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องเป็นกลุ่มที่กินยาต้านสม่ำเสมอ จนตรวจหาระดับไวรัสในเลือดไม่เจอ แล้วมาตรวจกันตอนหลังว่ามีการติดเชื้อเพิ่มเติมมั้ย ส่วน Partner2 อันนี้เน้นเฉพาะคู่เพศเดียวกัน
งานวิจัยนี้เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 700 กว่าคู่ ซึ่งกลุ่มตัวอย่างที่เขาไปเก็บข้อมูลก็จะเป็นกลุ่มที่มีคู่นอนคนเดียว ผลออกมาปรากฏว่า มีเคสที่ติดเชื้อรายใหม่ 15 คน นักวิจัยก็เอาไวรัสที่ตรวจเจอในเคสรายใหม่ ไปตรวจยีนซ้ำว่าเป็นไวรัสที่ได้รับจากคู่นอนหรือเปล่า ปรากฏว่าไม่ใช่ ดังนั้นพวกนี้น่าจะเป็นกลุ่มที่มีคู่นอนหลายคน จนไปติดเชื้อมา จนเป็นข้อสรุปของงานวิจัยว่า ถ้าคู่นอนที่ติดเชื้อกินยาต้านสม่ำเสมอ จนกดไวรัสถึงระดับที่ตรวจไม่เจอ มันลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ แต่ก่อนจะเอางานวิจัยนี้ไปตีความเข้าข้างตัวเองอะไรยังไง ต้องดูบริบทของงานวิจัย
1. เน้นในกลุ่มที่ผัวเดียวเมียเดียว ไม่ใช่กลุ่มที่ค้าบริการทางเพศ หรือคู่นอนมากมาย แบบนั้นเสี่ยงแน่นอน
2. การกินยาต้านสม่ำเสมอ ทำได้จริงแบบเป๊ะ ๆ มั้ย ต้องกินยาทุกวัน ตรงเวลาสม่ำเสมอ
คืองานวิจัยตัวนี้คนเขาอ่านแล้วอัปเดตตามกันเยอะ ไม่ใช่ว่าหมอพยาบาลไม่อ่านงานวิจัยอันนี้แล้วไม่อัปเดต แต่อย่าลืมว่า โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีมากกว่า HIV อย่างในงานวิจัย Partner2 นี้ ก็ยังมีคนติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ตั้ง 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ ทั้งหนองใน ซิฟิลิส ดังนั้นจะยังไงก็ต้องใส่ถุงยาง U=U และที่สำคัญกรณีคุณต้องผัวเดียวเมียเดียว ไม่ใช่เป็นคนขายบริการ หรือวันไนท์สแตนด์ หรือมีคู่นอนหลายคน แล้วคิดว่าชั้นกินยาต้านแล้วจะไม่ใส่ถุงอะไรยังไงก็ได้
ด้านแพทย์สภาได้เผยถึง U=U ว่า ผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV กินยาต้านไวรัส และกินยาต่อเนื่องตรงเวลา จนระดับไวรัสต่ำ จะไม่แพร่กระจายเชื้อ HIV ทางเพศสัมพันธ์ ถึงแม้ว่า U=U และการใช้แพร็พจะช่วยป้องกันการติดต่อเชื้อ HIV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตาม หากมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยงโดยไม่ป้องกัน ก็อาจจะทำให้ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ และยังมีโอกาสติดเชื้อ HIV ดื้อยาได้ แนะนำให้ใช้ถุงยางร่วมกับแพร็พด้วย
ภาพจาก ประชาสัมพันธ์ แพทยสภา
ขณะที่โลกโซเชียลก็ได้แสดงความคิดเห็นกันมากมาย บ้างก็ตำหนิหมอที่ดันไปสนับสนุนเรื่องการไม่สวมถุงยางระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ เพราะไม่ได้มีแค่โรค HIV เท่านั้น โรคอื่นก็ยังมีอีกมากมาย และยังมองว่างานวิจัยดังกล่าวเป็นแค่กลุ่มตัวอย่าง ไม่ใช่ข้อสรุปร้อยเปอร์เซ็นต์ ในขณะที่บางคนก็มองว่าสิ่งที่หมอพูดก็ถูก ถ้าทำทุกอย่างตามกฎมันก็ไม่ติด และพูดถึงแต่ HIV ไม่ได้พูดถึงโรคอื่น ยาก็ยาต้าน HIV ไม่ได้ครอบจักรวาล คนมาด่าคงคิดว่ารวบตึงทั้งหมด