ไขข้อสงสัย ทนายตั้ม ถูกจับเบิกความเท็จ ส่งผลอะไรกับคดีของ เอมี่ อาเมเรีย หรือไม่

          นักวิชาการทางกฎหมาย ไขความกระจ่างคดีเอมี่ อาเมเรีย จะถูกฟ้องซ้ำได้หรือไม่ หลังทนายตั้ม ถูกจับในข้อหาแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ และเบิกความเท็จต่อศาล แม้จะผ่านไป 2 ปี คดีถูกตัดสินถึงที่สุดแล้วก็ตาม

          จากกรณีที่ตำรวจชุดสืบสวนนครบาล 3 ร่วมกับชุดสืบสวน สน.มีนบุรี นำหมายศาลจังหวัดมีนบุรี เข้าจับกุม ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ในข้อหาร่วมกันนำสืบ หรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ และเบิกความเท็จต่อศาลมีนบุรี โดยใช้ พ.ร.บ.ยาเสพติดมาตรา 100/2 อันเป็นเท็จ จากการเข้าว่าความในคดีของ เอมี่ แม่มา หรือ เอมี่ อาเมเรีย จาคอป อดีตนักแสดงชื่อดัง (อ่านข่าว : ทนายษิทรา ถูกตำรวจบุกจับ คดีปลอมเอกสาร เจ้าตัวยัน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม)

          โดยคดีนี้ เอมี่ ถูกจับกุมเมื่อ 2 ปีก่อน คาห้องพักพร้อมของกลาง คือ ยาไอซ์ 70 กรัม และยาอี 16 เม็ด ซึ่งศาลได้สั่งยกฟ้องข้อหาค้ายาเสพติด เหลือเพียงข้อหาเสพยาเสพติดเท่านั้น
          หลังจากได้รับอิสรภาพให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ สาวเอมี่ ก็ขอเดินทางสายธรรมะ ด้วยการลาบวชชีพราหมณ์ เพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ก่อนจะสึกออกมาแล้วผันตัวเป็นแม่ค้าขายไอศกรีมผัด (อ่านข่าว : ส่องชีวิต เอมี่ อาเมเรีย หลังผ่านมรสุมชีวิต เริ่มต้นใหม่เป็นแม่ค้าไอศกรีมผัด)

          ทว่า หลายคนสงสัยและเกิดคำถามว่า การที่ทนายตั้ม ถูกจับกุมในข้อหาเบิกความเท็จต่อศาล แล้วคดีของเอมี่ที่ศาลยกฟ้องในข้อหาค้ายาเสพติดไปแล้วนั้น จะส่งผลกระทบอะไรต่อเอมี่หรือไม่

          ล่าสุด (5 กุมภาพันธ์ 2563) รายการ Apop บันเทิง 34 อมรินทร์ ทีวี รายงานว่า ทางนักวิชาการทางกฎหมาย ได้ออกมาให้ความกระจ่างเกี่ยวกับกรณีนี้ ว่า คำพิพากษาของศาลจะเปลี่ยนแปลงได้ ก็ต่อเมื่อมีคำพิพากษาของศาลสูงสุดมาเปลี่ยนแปลงแก้ไขเท่านั้น ซึ่งต้องดูว่าอัยการ มีการอุทธรณ์คำพิพากษาหรือไม่
          โดยมีกำหนดเวลาอุทธรณ์ 1 เดือน นับตั้งแต่มีคำพิพากษาออกมา ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2560 และตัดสินไปแล้วเมื่อปี 2561 ถือว่าคดีถึงที่สุดแล้ว

          ดังนั้น แม้ทนายตั้มจะโดนจับ แต่คดีของเอมี่เป็นคดีเฉพาะตัว จึงไม่เกี่ยวข้องกัน