ธิดานอกสมรส อดีตกษัตริย์เบลเยียม ในที่สุดก็ได้สิทธิ์แบ่งมรดก หลังสู้คดีพิสูจน์ตัวตน

       ข้อมูลจากบีบีซี ระบุว่า ในปี 2542 ได้มีกระแสข่าวลือว่า สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 อาจมีพระโอรสหรือพระธิดานอกสมรส ซึ่งกลายเป็นข่าวอื้อฉาวครั้งใหญ่ไปทั่วเบลเยียม ต่อมาในปี 2551 เดลฟีน โบเอล ได้ออกมาให้สัมภาษณ์อ้างว่าพระธิดาในข่าวลือนั้นคือตัวเธอเอง

       ทางด้าน บารอนเนส ซีบิล มารดาของเดลฟีน ก็ได้ออกมากล่าวว่า ตนเองได้ลอบเป็นชู้กับ สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 ตั้งแต่ช่วงปี 2509 - 2527 โดยในตอนนั้น พระองค์ยังทรงดำรงพระยศ เจ้าชายอัลแบร์แห่งลีแยฌ

       ใน 9 ปีต่อมา เจ้าชายอัลแบร์แห่งลีแยฌ ทรงขึ้นเป็นกษัตริย์ ต่อจากพระเชษฐาในปี 2536 ก่อนจะทรงสละราชบัลลังก์ในปี 2556 เนื่องจากทรงประชวร รวมระยะเวลาครองราชย์ 20 ปี 

       ศาลจึงขีดเส้นตาย 3 เดือน ให้พระองค์ส่งตัวอย่างพระเขฬะ (น้ำลาย) มาตรวจสอบ เพราะถ้าหากไม่มีหลักฐานดังกล่าว เดลฟีนอาจกล่าวอ้างได้ว่าเธอคือธิดาของพระองค์ และอาจมีสิทธิ์ครอบครองมรดกของพระองค์

       นอกจากนี้แล้ว ศาลอุทธรณ์บรัสเซลส์ยังกล่าวว่า อดีตกษัตริย์สมควรได้รับโทษปรับวันละ 5,000 ยูโร หรือประมาณ 172,260 บาท โทษฐานฝ่าฝืนคำสั่งศาล ไม่ทรงยอมมาตรวจดีเอ็นเอ

       สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 จึงทรงไม่มีทางเลือกและได้ให้ตัวอย่างดีเอ็นเอไป ซึ่งผลจากการตรวจสอบยืนยันว่าพระองค์คือพระบิดาของ เดลฟีน โบเอล จริง โดยตัวแทนทางกฎหมายของพระองค์ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันเรื่องนี้ในเดือนมกราคม 2563 ระบุว่า สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 ทรงยอมรับให้ เดลฟีน โบเอล เป็นทายาทพระองค์ที่ 4 ของพระองค์

       ทางด้าน นายมาร์ก อัตเทนดาเล ทนายความของ เดลฟีน เปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า ตลอดชีวิตของเดลฟีน มันเหมือนกับอยู่ในฝันร้าย เพราะความสงสัยในความเป็นตัวตนของตัวเอง และเธอก็ถูกพ่อแท้ ๆ ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ผลการตัดสินของศาลและแถลงการจากสำนักพระราชวังทำให้ เดลฟีน โล่งอกมาก