กวางมูสถูกเห็บดูดเลือดจนตาย เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พบเห็บกว่า 90,000 ตัว
ชี้ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ทำให้ประชากรเห็บเพิ่มมากขึ้น
เป็นภัยร้ายอย่างยิ่งต่อสัตว์ป่า
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 เว็บไซต์เมโทร รายงานว่า มีผู้พบกวางมูสนอนตายกลางป่าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่รัฐเวอร์มอนต์
ทางอีสต์โคสต์ของสหรัฐอเมริกา เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจสอบกวางตัวดังกล่าว
และพบเห็บจำนวนมหาศาลเกาะกลุ่มกันเป็นก้อน
ดูดกินเลือดกวางมูสที่น่าสงสารอย่างหิวกระหายจนมันขาดใจตาย
เพราะไม่สามารถแกะออกได้
โดยเบื้องต้นพบว่าบนศพกวางมูสตัวนี้มีเห็บอยู่เกือบ 90,000 ตัว
กรมประมงและป่าไม้รัฐเวอร์มอนต์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นฤดูหนาว เห็บได้กลายเป็นปัญหาใหญ่แก่สัตว์บกในพื้นที่ป่าทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐเวอร์มอนต์ โดยปรสิตชนิดนี้ได้คร่าชีวิตประชากรลูกกวางมูสไปมากกว่าครึ่ง เห็บฤดูหนาวจะเข้ามาเกาะตามตัวกวางแล้วแพร่พันธุ์ แย่งกันดูดเลือด จนทำให้กวางเสียเลือดจนตาย
กรมประมงและป่าไม้รัฐเวอร์มอนต์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นฤดูหนาว เห็บได้กลายเป็นปัญหาใหญ่แก่สัตว์บกในพื้นที่ป่าทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐเวอร์มอนต์ โดยปรสิตชนิดนี้ได้คร่าชีวิตประชากรลูกกวางมูสไปมากกว่าครึ่ง เห็บฤดูหนาวจะเข้ามาเกาะตามตัวกวางแล้วแพร่พันธุ์ แย่งกันดูดเลือด จนทำให้กวางเสียเลือดจนตาย
ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยนิวแฮมป์เชียร์ ในปี 2562 ระบุว่า ปัญหาโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศส่งผลให้ประชากรเห็บเพิ่มมากขึ้น
โดยอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ฤดูใบไม้ร่วงที่ยาวนาน และการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิที่เร็วกว่าเดิม ทำให้เห็บขยายพันธุ์ได้อย่างมหาศาล และในทางกลับกัน ประชากรกวางมูสก็ลดลงฮวบฮาบ เพราะถูกเห็บดูดเลือดตาย
พีท เพกินส์ นักชีววิทยาสัตว์ป่า ให้ความเห็นว่า กวางมูส สัตว์ที่เป็นเอกลักษณ์ของอเมริกาเหนือ ได้กลายเป็นภาพจำใหม่ของปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในพื้นที่อีสต์โคสต์ไปเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ กรมประมงและป่าไม้รัฐเวอร์มอนต์ ได้เข้าประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาแล้ว







