มหาธีร์ โมฮัมหมัด เปิดใจ เหตุผลที่ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
รับมีหลายเหตุผลผสมกัน ชี้ไม่ได้ยึดตึดกับตำแหน่งและอำนาจ
ขอเปิดทางให้สภาเลือกผู้นำใหม่
กลายเป็นข่าวช็อกคนทั้งประเทศมาเลเซีย หลังจากเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
2563 มหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
ยื่นหนังสือกราบทูลขอลาออกต่อสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย
ซึ่งทางโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นใด ๆ
ท่ามกลางการคาดเดาถึงเบื้องหลังการตัดสินใจลาออกในครั้งนี้
อ่านข่าว : มหาธีร์ บิน โมฮัมหมัด นายกฯ มาเลเซีย ยื่นหนังสืบกราบทูลกษัตริย์ ขอลาออก
อ่านข่าว : มหาธีร์ บิน โมฮัมหมัด นายกฯ มาเลเซีย ยื่นหนังสืบกราบทูลกษัตริย์ ขอลาออก
มหาธีร์ ชี้ว่า มีหลายคนที่มองว่าเขาไม่ต้องการละทิ้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป และกล่าวหาว่าเขาบ้าอำนาจ แต่เขาไม่ได้มองว่าอำนาจและตำแหน่งจะเป็นทุกอย่างและจุดสิ้นสุดในเป้าหมาย ในทางกลับกันสำหรับเขาแล้ว อำนาจและตำแหน่งนั้นเป็นแค่หนทางไปสู่จุดสิ้นสุด หรือเป็นเพียงเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเท่านั้น
และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาตัดสินใจลาออก นอกจากนี้เขายังมองเรื่องที่พรรคไหนจะก้าวขึ้นมามีอำนาจ คือสิ่งที่สำคัญ
โดย มหาธีร์ ระบุว่า เขาได้สัญญาว่าจะลาออกจากตำแหน่งเพื่อให้โอกาสสภาสูงเป็นผู้ตัดสินใจ ว่าใครคือผู้ที่ควรจะก้าวมารับตำแหน่งแทนเขา ซึ่งหากเขายังได้รับการสนับสนุนจากเสียงส่วนมาก เขาก็จะกลับมาอีกครั้ง ถ้าไม่เช่นนั้น เขาก็จะยอมรับใครก็ตามที่ถูกเลือกเข้ามา
มหาธีร์ ชี้ว่า นี่คือโอกาสสำหรับการเปลี่ยนแปลงผู้นำ แต่เพราะเขารู้สึกว่าตัวเขายังได้รับการสนับสนุนจากทั้ง 2 ฝ่าย ก็เลยรู้สึกว่าเวลาที่เขาจะออกจากตำแหน่งนั้น ยังไม่ได้มาถึงอย่างแท้จริง
ภาพจาก MOHD RASFAN / AFP
เขายังชี้อีกว่า หากพรรค BERSATU เข้าร่วมกับพรรค PAS และพรรค UMNO พรรคฝ่ายค้านก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลกลางได้ แต่เมื่อเป็นเช่นนั้น รัฐบาลก็จะถูกครอบงำโดยพรรค UMNO ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านพรรคใหญ่ที่สุด ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว เขารับได้ถ้าจะมีสมาชิกพรรค UMNO ออกจากพรรคไปเข้าร่วมกับพรรคอื่น แต่ปรากฏว่ามีสมาชิกพรรค UMNO บางคนที่ไปเข้าร่วมรัฐบาลแห่งชาติ โดยที่ยังมีสถานะเป็นคนจากพรรค UMNO อยู่ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจยอมรับได้ และเขาก็ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องลาออก
ทั้งนี้ มหาธีร์ ยังได้ขออภัยหากกระทำสิ่งใดผิดพลาดไป แต่ยืนยันว่าเขาได้ทำในสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติเท่านั้น และหากเป็นไปได้เขาก็หวังจะได้จัดตั้งรัฐบาลที่ไม่ได้ฝักใฝ่พรรคใด แต่จะทำงานโดยเล็งเห็นผลประโยชน์ของชาติมาก่อน