ไฟป่าโหมกระหน่ำ คร่าชีวิตผู้กล้า 4 คน หลังเข้าช่วยดับไฟป่า
แต่ต้องมาตาย เหตุเพราะคนเห็นแก่ตัวจุดไฟเผา ด้านอธิบดีกรมป่าไม้
สั่งล่าคนจุดไฟป่ามาลงโทษ
จากกรณีเกิดไฟป่าโหมกระหน่ำในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ
ไม่ว่าจะเป็น จ.เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน และพะเยา
ซึ่งทำให้ป่าไม้ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
และนอกจากจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเกิดการสูญเสียของเจ้าหน้าที่และจิตอาสาผู้กล้าที่เข้าช่วยดับไฟป่าอีกด้วย
ล่าสุด (4 เมษายน 2563) เฟซบุ๊ก กรมป่าไม้ รายงานว่า นางนันทนา บุณยานันต์ โฆษกกรมป่าไม้ กล่าวถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุไฟป่า พร้อมยกย่องเชิดชูเกียรติความเสียสละของจิตอาสาที่ร่วมดับไฟป่า ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 4 คน ได้แก่
1. พลทหาร ปิยพันธ์ แสนสุข อาสาสมัครดับไฟป่า สังกัดกองร้อยเครื่องยิงหนัก กรมทหารราบที่ 17 ค่ายขุนเจืองธรรมิกราช ประสบอุบัติเหตุตัวเกี่ยวติดกับลวดหนามของเจ้าหน้าที่ทหารที่ป้องกันฐาน ขณะที่เข้าดับไฟป่า ส่งผลให้ถูกไฟคลอกจนเสียชีวิต ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ปายฝั่งขวา อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน
2. นายนิพนธ์ จาระธรรม (พ่อหลวงแดง) ผู้ใหญ่บ้าน ต.แม่แฝกใหม่ บาดเจ็บสาหัสจากไฟคลอกและภายหลังได้เสียชีวิตจากการดับไฟในพื้นที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
3. นางต๊ะนี กิจเจริญพัฒน์ เสียชีวิตขณะเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่ดับไฟ เขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าจอมทอง จ.เชียงใหม่ และถูกไฟคลอกเสียชีวิต
4. นายเงิน นาหยิ ประชาชนจิตอาสา ที่เข้าไปร่วมดับไฟพร้อมชุดเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า ซึ่งเกิดลมกระโชกแรง ลมเปลี่ยนทิศทาง ทำให้เสียชีวิตในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำแม่คำ-ป่าน้ำแม่สลอง และป่าน้ำแม่จันฝั่งซ้าย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
โฆษกกรมป่าไม้ ระบุอีกว่า
ปัจจุบันไทยกำลังประสบปัญหาหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโควิด 19
และปัญหาภัยแล้ง จึงขอความร่วมมือผู้ที่เข้าไปเก็บหาของป่า
หยุดก่อเหตุจุดไฟเผาป่า
หรือจุดไฟเพื่อหวังผลยึดครอบครองพื้นที่เพื่อทำการเกษตร เพราะเพียงแค่ 1
คนเผา ต้องทำให้หน่วยงานภาครัฐ กำลังเจ้าหน้าที่ร่วมกับประชาชนจิตอาสา
ต้องเข้าระงับเหตุจำนวนมาก ป่าเสียหายหลายร้อยหลายพันไร่
เสียงบประมาณมากมาย บางครั้งบาดเจ็บ บางครั้งเสียชีวิต
จึงขอประณามผู้ที่ก่อเหตุ หากตรวจพบการทำผิด
กรมป่าไม้จะดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุด
ขณะที่ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ โพสต์เฟซบุ๊กให้ช่วยกันตามล่าคนจุดไฟเผาป่ามาลงโทษ
ทั้งนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ
สภ.แม่อาย สามารถจับกุม นายโยซูวา พระพร อายุ 25 ปี พร้อมของกลางเป็นไฟแช็ก 5 อัน เทียนไข 1 ห่อ น้ำมัน 1 ขวด และกระเป๋าเป้
1 ใบ หลังเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนในพื้นที่ป่าด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
บ้านสันป่าข่า หมู่ 9 ต.แม่สาว อ.แม่อาย
แล้วพบเห็นบุคคลดังกล่าวขณะกำลังราดน้ำมันและจุดไฟเผาป่า
ซึ่งผู้ต้องหาให้การว่า ทำไปเพราะความคึกคะนอง และทำมาแล้วหลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ โดยหลังจากนี้จะสอบสวนขยายผลต่อไป และเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาเผาป่า อันเป็นการทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 เผาป่าภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (1) กระทำหรือละเว้นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการทำลายหรือทำให้สูญเสียแก่ทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นของรัฐ หรือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 มาตรา 97
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ล่าสุด (4 เมษายน 2563) เฟซบุ๊ก กรมป่าไม้ รายงานว่า นางนันทนา บุณยานันต์ โฆษกกรมป่าไม้ กล่าวถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุไฟป่า พร้อมยกย่องเชิดชูเกียรติความเสียสละของจิตอาสาที่ร่วมดับไฟป่า ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 4 คน ได้แก่
1. พลทหาร ปิยพันธ์ แสนสุข อาสาสมัครดับไฟป่า สังกัดกองร้อยเครื่องยิงหนัก กรมทหารราบที่ 17 ค่ายขุนเจืองธรรมิกราช ประสบอุบัติเหตุตัวเกี่ยวติดกับลวดหนามของเจ้าหน้าที่ทหารที่ป้องกันฐาน ขณะที่เข้าดับไฟป่า ส่งผลให้ถูกไฟคลอกจนเสียชีวิต ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ปายฝั่งขวา อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน
2. นายนิพนธ์ จาระธรรม (พ่อหลวงแดง) ผู้ใหญ่บ้าน ต.แม่แฝกใหม่ บาดเจ็บสาหัสจากไฟคลอกและภายหลังได้เสียชีวิตจากการดับไฟในพื้นที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
3. นางต๊ะนี กิจเจริญพัฒน์ เสียชีวิตขณะเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่ดับไฟ เขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าจอมทอง จ.เชียงใหม่ และถูกไฟคลอกเสียชีวิต
4. นายเงิน นาหยิ ประชาชนจิตอาสา ที่เข้าไปร่วมดับไฟพร้อมชุดเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า ซึ่งเกิดลมกระโชกแรง ลมเปลี่ยนทิศทาง ทำให้เสียชีวิตในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำแม่คำ-ป่าน้ำแม่สลอง และป่าน้ำแม่จันฝั่งซ้าย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
ขณะที่ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ โพสต์เฟซบุ๊กให้ช่วยกันตามล่าคนจุดไฟเผาป่ามาลงโทษ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ โดยหลังจากนี้จะสอบสวนขยายผลต่อไป และเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาเผาป่า อันเป็นการทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 เผาป่าภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (1) กระทำหรือละเว้นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการทำลายหรือทำให้สูญเสียแก่ทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นของรัฐ หรือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 มาตรา 97
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก