x close

ขุดถ้ำหาสมบัติทหารญี่ปุ่น เชื่อมีมหาศาล รวยเละแน่ เห็นจากนิมิต ขุดมือ 15 ปีไม่เจอ


          ขุดถ้ำหาสมบัติทหารญี่ปุ่น เชื่อมีมหาศาล เห็นจากนิมิต ขุดมือ 15 ปีไม่เจอ เข็นแบ็กโฮขุดแทน ชาวบ้านค้าน ไม่มีจริง วอนเลิกขุดทำลายธรรมชาติ หวั่นดินถล่ม


          วันที่ 15 เมษายน 2563 อมรินทร์ ทีวี รายงานว่า นายสาวิตร เจียมจิระพร นายอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบพื้นที่บ้านแก่งล้อม หมู่ 1 อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี หลังได้รับรายงานว่ามีกลุ่มบุคคลนำรถแบ็กโฮเข้าไปขุดหาสมบัติสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

          ต่อมา ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ได้ลงพื้นที่ดังกล่าว และสอบถามไปยัง นางปราณี ทับยาง อายุ 52 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้านแก่งประลอม ระบุว่า ตนเองมีความหวงแหนพื้นที่ เพราะอาศัยมาตั้งแต่เด็ก ๆ อีกทั้งพื้นที่หมู่บ้านก็อยู่ในพื้นที่ดำเนินโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ฯ ด้วย ซึ่งการขุดหาสมบัตินั้น ชาวบ้านไม่เห็นด้วย เพราะอาจทำให้ดินทรุด ถนนพัง ตนเห็นมีการขุดมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ พ.ศ. 2547 เป็นการขุดแล้วหนีหายไป เพราะมีหน่วยงานมาระงับไป พอเวลาผ่านไปก็กลับมาขุดอีก


          นางปราณี เผยอีกว่า ในช่วง 7 วันที่ผ่านมามีคนนำรถแบ็กโฮเข้ามาขุด ส่วนเรื่องที่มีการระบุว่ามีคนเห็นสมบัติจากการนิมิตนั้น ไม่มีใครเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ในฐานะที่ตนเป็นชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้าน ไม่เห็นด้วยกับการบุกรุกและเข้ามาด้วยจุดประสงค์ส่วนตัว อยากบอกให้เลิกขุดเพราะสร้างความลำบากใจให้ชาวบ้าน เป็นการทำลายธรรมชาติ เพราะหากฝนตกดินพังทลายลงมาจะทำอย่างไร

          ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ ทีวี ตรวจสอบไปยังพื้นที่ที่มีการขุดหาสมบัติทหารญี่ปุ่น พบว่ามีการมุงหลังคาสีเขียวครอบเอาไว้บริเวณตีนเขา โดยด้านในมี 2 หลุม ใช้มือขุด 1 หลุม เป็นหลุมที่ขุดทิ้งไว้ได้ประมาณ 15 ปี และอีก 1 หลุมที่ใช้รถแบ็กโฮขุดได้ประมาณ 7 วัน ขุดเข้าไปได้นิดเดียวต้องหยุดเอาไว้ เพราะไปเจอหินและตอนนี้อยู่ในกระบวนการของกฎหมาย


          ด้าน นายเชิดพงษ์ พรหมดี อายุ 69 ปี เจ้าของที่ดินที่มีการขุดค้นหาสมบัติครั้งนี้ เผยว่า ตนเป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด ประทับใจในความสวยงามของ อ.ไทรโยค จึงซื้อที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำแควน้อย ประมาณ 10 ไร่ สร้างเป็นบ้านพักท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งตนรับทราบข้อมูลจากชาวบ้านว่าที่ดินของตนจะมีลำแสงสีฟ้า และสีแดงพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน เมื่อตนไปเฝ้าสังเกตก็พบว่ามีจริง ๆ

          นายเชิดพงษ์ เล่าอีกว่า ต่อมา ได้เจอกับนายอึ่ง ซึ่งเป็นคนที่หลงใหลในเรื่องราวประวัติศาสตร์ ได้มาเที่ยวที่ที่ดินของตนก็เกิดนิมิตเห็นภาพทหารญี่ปุ่น และทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลที่ฝังอยู่ใต้ดิน จึงมาขออนุญาตตนที่จะทำการขุดพื้นที่บริเวณจุดที่มีการพบแสงขึ้นมาจากพื้นดิน ซึ่งตนก็ไม่ได้ขัดข้องและปล่อยให้มีการขุดไป แต่ตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวในการขุดค้นแต่อย่างใด เมื่อเริ่มขุดลึกลงไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มมีการสร้างศาลเพื่อระลึกถึงดวงวิญญาณของทหารญี่ปุ่น และเหล่าเชลยศึกที่เสียชีวิตจากการสร้างทางรถไฟสายมรณะ


          การขุดค้นผ่านไป 15 ปี ก็ยังไม่เคยพบสมบัติ ซึ่งตนไม่ทราบรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร มีเพียงนายอึ่งและเพื่อนอีก 2 คน ช่วยกันขุดเท่านั้น จึงมีความคิดที่จะเอาเครื่องจักรมาช่วยในการขุด แต่ยังไม่ได้มีการขออนุญาตอย่างถูกต้อง จึงทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น

          นายเชิดพงษ์ ระบุถึงอาวุธปืนที่ถูกจับกุมว่าไม่ได้เป็นอาวุธสงคราม เป็นเพียงปืนลูกกรด กับปืนลูกซอง ซึ่งชาวบ้านก็มีไว้ป้องกันตัวกันหมด หลังจากเกิดเรื่องตนก็รู้สึกเฉย ๆ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด เชื่อว่าสมบัติมีจริงจึงนำรถแบ็กโฮเข้ามาขุดร่วมด้วย


          ขณะที่ นายบุญส่ง มะนาวทอง อายุ 60 ปี ผู้ที่รับจ้างขุดให้นายอึ่ง ได้พาทีมข่าวเดินดูจุดที่มีการขุดเจาะ และสังเกตได้ว่ามีการตั้งศาลเอาไว้ โดยบอกว่า ศาลดังกล่าวนายอึ่งตั้งเอาไว้จำนวน 2 ศาล ซึ่งศาลที่ 1 คล้ายสัญลักษณ์หลุมฝังศพ มีไม้กางเขนปักด้านบน เขียนข้อความภาษาอังกฤษว่า "The court wovships I braver" (เป็นการสรรเสริญความกล้าหาญ)


          ศาลที่ 2 เป็นรูปปั้นชายแก่ ด้านข้างมีภาพวาด เขียนระบุว่า "พ่อปู่โสม" และมีรูปธงชาติญี่ปุ่นวาดไว้ข้างตัวหนังสือด้วย ด้านหน้าศาลมีกระถางธูปและมีธูปไว้สำหรับจุดบูชาด้วย ซึ่งจุดประสงค์ในการสร้างศาลขึ้นมา เนื่องจากเป็นความเชื่อของนายอึ่ง เพื่อสรรเสริญถึงความกล้าหาญของทหารญี่ปุ่นที่มาตายอยู่ในที่แห่งนี้ ในสมัยที่สงครามโลกครั้งที่ 2 (ปี พ.ศ. 2482-2488)


          ส่วนการใช้รถแบ็กโฮขุดโพรงนั้น เพื่อต้องการปรับหน้าดินและเพิ่งเริ่มขุดเข้าไปได้ไม่กี่เมตร ซึ่งมีการเกลี่ยหน้าดินเพื่อจะสร้างกระต๊อบเท่านั้น และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบสมบัติอะไร ส่วนอีก 2 หลุม ที่มีการขุดทิ้งเอาไว้ เป็นหลุมที่อายุมากกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งนายอึ่งบอกว่าเห็นนิมิตเกี่ยวกับสมบัติใต้ดิน

          สำหรับเรื่องความเชื่อว่าจะมีสมบัติหรือไม่นั้น ในใจลึก ๆ คิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่หากมองความเป็นไปได้ก็คิดว่าอาจจะมีสมบัติอยู่จริง ส่วนล่าสุดหลังเกิดเรื่องนายอึ่งและเพื่อนอีก 1 คน ได้หลบหนีไปจากพื้นที่ทันที โดยทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาสอบปากคำ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ขุดถ้ำหาสมบัติทหารญี่ปุ่น เชื่อมีมหาศาล รวยเละแน่ เห็นจากนิมิต ขุดมือ 15 ปีไม่เจอ อัปเดตล่าสุด 15 เมษายน 2563 เวลา 17:23:27 30,830 อ่าน
TOP