ชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย อัดรัฐบาลเละ
เอาสมองส่วนไหนคิดตัดงบบัตรทอง 2,400 ล้าน จี้ตัดงบซื้อรถยานเกราะล้อยาง
4,500 ล้าน แทน
จากกรณี นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา และรองประธานชมรมแพทย์ชนบทภาคใต้ แสดงความคิดเห็นกรณี ครม. มีมติตัดงบสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง จำนวน 2,400 ล้านบาท เพื่อนำไปเป็นงบสำรองฉุกเฉิน แก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 ว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเพี้ยนอย่างนี้
อ่านข่าว : หมอสุภัทร ซัด รัฐบาลเพี้ยน ตัดงบสาธารณสุข-บัตรทอง 3.6 พันล้าน ช่วงวิกฤตโควิด 19
ล่าสุด (23 เมษายน 2563) นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นดังกล่าวเช่นกัน ระบุว่า นอกจากตัดงบบัตรทอง 2,400 ล้านบาทแล้ว ยังตัดงบของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 1,200 ล้านบาท รวมจำนวน 3,600 ล้านบาท ถ้าไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ออกมาให้ข้อมูลต่อสาธารณะ ประชาชนทั่วไปไม่มีทางรู้ว่ามีเหตุการณ์ตัดงบประมาณเช่นนี้เกิดขึ้น รวมทั้งแต่ละโรงพยาบาลต้องช่วยตัวเองเป็นหลัก ฟังแล้วเกิดอะไรขึ้นกับการบริหารจัดการของรัฐบาล เอาสมองส่วนไหนคิดกับการดำเนินการดังกล่าว
ดังนั้น การควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงนับเป็นความสามารถอย่างเยี่ยมยอดของบุคลากรทางการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างแท้จริง ความจริงแล้วงบที่รัฐบาลควรตัดอย่างยิ่งคือ งบซื้อรถยานเกราะล้อยาง จำนวน 4,500 ล้าน จากประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะนี้บ้านเมืองเดือดร้อนแสนสาหัสด้านสุขภาพอนามัย เศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชน ถ้ารัฐบาลจัดลำดับความสำคัญด้านปัญหาไม่ถูกต้อง รัฐบาลจะแก้ไขปัญหาของประเทศชาติและพี่น้องประชาชนได้อย่างไร
และจะให้ประชาชนไว้วางใจการบริหารจัดการงบเงินกู้ตาม พ.ร.ก.เงินกู้ 3 ฉบับ จำนวนเกือบ 2 ล้านล้านบาทได้อย่างไร นับเป็นเรื่องที่สังคมต้องฉุกคิด เพราะเป็นเงินกู้ที่สูงที่สุดตั้งแต่มีการกู้เงินมา ถ้าบริหารจัดการไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหา รั่วไหล หรือส่อไปในทางทุจริต เคราะห์กรรมก็จะตกแก่ประชาชน
อย่างไรก็ตาม เพื่อบรรเทาความไม่สบายใจของบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน รัฐบาลควรคืนงบหลักประกันสุขภาพ หรือบัตรทอง จำนวน 2,400 ล้านบาท และงบในกระทรวงสาธารณสุข 1,200 ล้าน และควรตัดงบจัดซื้อรถยานเกราะล้อยาง 4,500 ล้านบาท แทน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Chavalit Vichayasuthi - ชวลิต วิชยสุทธิ์
จากกรณี นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา และรองประธานชมรมแพทย์ชนบทภาคใต้ แสดงความคิดเห็นกรณี ครม. มีมติตัดงบสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง จำนวน 2,400 ล้านบาท เพื่อนำไปเป็นงบสำรองฉุกเฉิน แก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 ว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเพี้ยนอย่างนี้
อ่านข่าว : หมอสุภัทร ซัด รัฐบาลเพี้ยน ตัดงบสาธารณสุข-บัตรทอง 3.6 พันล้าน ช่วงวิกฤตโควิด 19
ล่าสุด (23 เมษายน 2563) นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นดังกล่าวเช่นกัน ระบุว่า นอกจากตัดงบบัตรทอง 2,400 ล้านบาทแล้ว ยังตัดงบของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 1,200 ล้านบาท รวมจำนวน 3,600 ล้านบาท ถ้าไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ออกมาให้ข้อมูลต่อสาธารณะ ประชาชนทั่วไปไม่มีทางรู้ว่ามีเหตุการณ์ตัดงบประมาณเช่นนี้เกิดขึ้น รวมทั้งแต่ละโรงพยาบาลต้องช่วยตัวเองเป็นหลัก ฟังแล้วเกิดอะไรขึ้นกับการบริหารจัดการของรัฐบาล เอาสมองส่วนไหนคิดกับการดำเนินการดังกล่าว
ดังนั้น การควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงนับเป็นความสามารถอย่างเยี่ยมยอดของบุคลากรทางการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างแท้จริง ความจริงแล้วงบที่รัฐบาลควรตัดอย่างยิ่งคือ งบซื้อรถยานเกราะล้อยาง จำนวน 4,500 ล้าน จากประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะนี้บ้านเมืองเดือดร้อนแสนสาหัสด้านสุขภาพอนามัย เศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชน ถ้ารัฐบาลจัดลำดับความสำคัญด้านปัญหาไม่ถูกต้อง รัฐบาลจะแก้ไขปัญหาของประเทศชาติและพี่น้องประชาชนได้อย่างไร
และจะให้ประชาชนไว้วางใจการบริหารจัดการงบเงินกู้ตาม พ.ร.ก.เงินกู้ 3 ฉบับ จำนวนเกือบ 2 ล้านล้านบาทได้อย่างไร นับเป็นเรื่องที่สังคมต้องฉุกคิด เพราะเป็นเงินกู้ที่สูงที่สุดตั้งแต่มีการกู้เงินมา ถ้าบริหารจัดการไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหา รั่วไหล หรือส่อไปในทางทุจริต เคราะห์กรรมก็จะตกแก่ประชาชน
อย่างไรก็ตาม เพื่อบรรเทาความไม่สบายใจของบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน รัฐบาลควรคืนงบหลักประกันสุขภาพ หรือบัตรทอง จำนวน 2,400 ล้านบาท และงบในกระทรวงสาธารณสุข 1,200 ล้าน และควรตัดงบจัดซื้อรถยานเกราะล้อยาง 4,500 ล้านบาท แทน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Chavalit Vichayasuthi - ชวลิต วิชยสุทธิ์