เผยคลิปเสียงเพื่อนทหาร เล่าวินาทีก่อนตายในค่าย - ทร. แจง ไม่ไปงานศพเพราะโควิด 19

        เผยคลิปเสียงเพื่อนพลทหาร ตายคาค่าย น้ำลายฟูมปาก คาดโดนพิษ ยันชัดไม่เคยมีเรื่องกับใคร ส่วนกองทัพเรือ แจง สาเหตุไม่ไปงานศพเพราะติด COVID-19 ด้านครอบครัวพลทหาร เปลี่ยนใจไม่เผาศพ จนกว่าความจริงจะกระจ่าง

          จากกรณีที่พลทหาร เจษฎากร เนตรแสงสี หรือก็อต สังกัดกองพันสารวัตรทหารเรือที่ 2 กรมสารวัตรทหารเรือ วัย 21 ปี เสียชีวิต ในสภาพศพมีรอยผุพองที่ปาก บริเวณเพดานปากด้านบน มีรอยจ้ำสีม่วง ใบหน้าดำคล้ำ ไม่มีร่องรอยทำร้ายร่างกาย พร้อมกับมีการตีข่าวว่า พบสารพิษในกระเพาะอาหารผู้ตาย รวมถึงไม่มีกำลังพลไปร่วมในงานศพผู้ตายที่ จ.พิษณุโลกด้วย

           ล่าสุด วันที่ 4 พฤษภาคม 2563 ทุบโต๊ะข่าว รายงานว่า พล.ร.ท. ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ และโฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ในนามกองทัพเรือ เสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง ในส่วนของผู้บังคับบัญชาระดับสูงนั้น ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงสั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงด่วน ตั้งแต่ทราบเหตุการณ์แล้ว เนื่องจากเป็นการตายผิดธรรมชาติ ดังนั้น จึงอยากให้ทุกฝ่ายที่นำเสนอข่าว อย่าเพิ่งละเมิดสิทธิของผู้ป่วย ต้องรอผลการตรวจยืนยันตามมาตรฐานนิติเวช

           สำหรับเหตุผลที่ไม่ได้ร่วมฟังสวดศพวันที่ 29 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2563 เป็นเพราะข้อจำกัดของหน่วย แต่ว่าก็ได้ช่วยเหลือเบื้องต้นด้วยการจัดจ้างรถมูลนิธิเคลื่อนศพไปยัง จ.พิษณุโลก จัดพวงหรีดในนามหน่วย และตั้งใจจะเดินทางไปในวันฌาปนกิจวันที่ 2 พฤษภาคมนั้น ก็ไม่ได้ไป เนื่องจากมีข้อจำกัดการเดินทางไปต่างพื้นที่ในห้วงสถานการณ์ ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19 ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อครอบครัวและญาติผู้เสียชีวิตได้

           นอกจากนี้ การเดินทางไปร่วมงาน ต้องมีการทำหนังสือรับรองการกักกันตัวในหน่วย คัดเลือกกำลังพล ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจโรค มีใบรับรองแพทย์ รวมถึงต้องเสนอหนังสือขออนุญาตถึงฐานทัพเรือสัตหีบ ในการไปราชการจำเป็นกรณีพิเศษในช่วงเวลาเคอร์ฟิวด้วย

เบื้องต้น ขอชี้แจงถึงลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ ดังนี้

           - วันเกิดเหตุคือ 27 เมษายน 2563 เวลา 22.30 น. พลทหาร เจษฎากร กลับเข้ากรมกอง หลังเสร็จภารกิจเข้าเวรจุดตรวจ และเข้านอนเวลา 00.30 น. หลังรับประทานอาหารในช่วงดึกกับเพื่อน ๆ ซึ่งก็คือเมนูอ่อมไก่

           - เวลา 01.50 น. เพื่อนนอนเตียงติดกันไปห้องน้ำ และพบว่า พลทหารเจษฎากร มีน้ำลายฟูมปาก จึงแจ้งนายเวรและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ก่อนเสียชีวิตในเวลา 02.24 น. จึงได้รีบแจ้งให้ทางบ้าน พลทหาร เจษฎากร รับทราบ

           ส่วนผลชันสูตรเบื้องต้น พบผลปัสสาวะไม่มีสารเสพติด ผลเลือดและผลน้ำในกระเพาะ อยู่ระหว่างส่งไปตรวจแล็บภายนอก รอคอยเวลาแจ้งผลกลับมาไม่เกิน 1 สัปดาห์ ซึ่งถือว่าขัดแย้งกับข่าวที่นำเสนอเรื่องสารฆ่าแมลง จึงขอให้มีความชัดเจนกับผลชันสูตรอีกครั้ง หากพบว่าเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ ทางกองทัพเรือจะได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสาเหตุ และแจ้งข่าวให้ทราบต่อไป

           ด้านนางพยอม บุรีรัมย์ มารดาของพลทหาร เจษฎากร กล่าวว่า ตนมีลูก 2 คน คนโตเป็นลูกสาว พลทหาร เจษฎากร เป็นคนเล็ก และเป็นเสาหลักของครอบครัว ในวันเผาศพนั้น ตนตัดสินใจไม่เผา และติดต่อไปยังโรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก เพื่อขอผ่าชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตของลูกให้ชัดเจนอีกครั้ง และจะขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานต้นสังกัดของลูกชายให้ความจริงกระจ่างว่าลูกตายเพราะอะไรกันแน่ เพราะตั้งแต่วันที่ตนรับศพลูก ก็ไม่เคยมีทหารมาร่วมงานศพลูกเลยแม้แต่คนเดียว

           ตนพยายามติดต่อกลับไป ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ว่าง ติดงาน ติดเคอร์ฟิว พอตนติดต่อกับเพื่อนลูก ก็ตอบไม่ตรงกันสักคนว่า ลูกตนเป็นอะไรกันแน่

           "ก็มันเขียวช้ำด้านบนนะ แต่ด้านหลังพี่ไม่ได้ดู แต่ก็มีบางครั้งที่แม่โทรศัพท์ไป ก็มีเสียงพี่ในค่ายที่จะขู่ ๆ ดุ ๆ ดัง ๆ หน่อย" นางพยอมกล่าว

         เวลาเกณฑ์ทหารก็จัดรถอย่างดี 2 ชั้น ติดแอร์ไปรับอย่างสมเกียรติ ปลูกฝังให้ภูมิใจรับใช้ชาติ แต่พอตายเงินช่วยเหลือแค่ 3 หมื่นบาท แถมให้ญาติเอาศพมาเอง โลงที่ได้ก็เป็นโลงบริจาค ตนเสียใจมากที่ไม่มีใครตอบได้ว่าเป็นอะไรตาย เรื่องสารพิษ คนอื่นก็กินกันหลายคน แต่กลับไม่มีใครเป็นอะไร มีเพียงลูกชายตนเท่านั้นที่เป็น ซึ่งตนก็จะไม่เผาศพลูก จนกว่าความจริงจะปรากฏ

         ด้าน นางสาวชฏาพร บัวแย้ม ภรรยาผู้ตาย วัย 22 ปี กล่าวว่า สามีตนเป็นคนดี ไม่เคยทะเลาะกับใคร ยิ่งกับตนยิ่งไม่เคยทะเลาะ ปกติคุยโทรศัพท์วันละหลายรอบ วันเกิดเหตุประมาณ 12.00 น. ตนนอนหลับไปแล้ว แฟนก็แชตทิ้งไว้ว่าหลับฝันดี กระทั่ง 05.00 น. ก็มีจ่าเวรติดต่อมาว่าสามีเสียชีวิตแล้ว ให้ติดต่อญาติมารับศพ ตนพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่ากินอ่อมไก่ แล้วแยกย้ายกันเข้านอน เพื่อนข้างเตียงมาปลุก ปรากฏว่าแฟนหยุดหายใจไปแล้ว

         ในงานศพ ก็ไม่มีทหารมาสักคน ถ้าไม่เป็นข่าวก็ไม่ติดต่อมา ทำให้แม่สามีบอกว่า ปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ ต้องร้องขอความเป็นธรรม ตายในหน้าที่กลับไม่มีใครเหลียวแล งานศพก็ไม่มาร่วม ต้องหาความจริงว่าสามีเป็นอะไรตาย

         ส่วนวันนี้ (4 พฤษภาคม) ตนและแม่สามีจะเดินทางไปโรงพยาบาล จ.ชลบุรี เพื่อขอรับทราบผลการตรวจสารพิษในกระเพาะอาหารว่าเป็นสารอะไรกันแน่ และจะไป สภ.พลูตาหลวง และ สภ.สัตหีบ เพื่อขอให้ตำรวจสืบสวนความจริงว่าเป็นอะไรตาย หากไม่มีความจริงยืนยันก็ยังไม่เผาศพสามี

         นอกจากนี้ ยังมีคลิปเสียงของเพื่อนทหาร ระบุว่า ตอน 5 ทุ่มครึ่ง ทหารคนนี้กับผู้ตายได้ไปรับอาหารจากผู้บังคับหมวดซึ่งเป็นรุ่นพี่ เป็นคนทำอาหาร แล้วก็กินข้าวด้วยกันสองคน เบื้องต้นผู้ตายกินต่อจากผู้บังคับหมวด เมนูคือ อ่อมไก่ กระทั่งตอนเที่ยงคืน ผู้ตายก็เล่นโทรศัพท์อยู่ พอเกือบตี 2 น้ำลายกลับฟูมปาก เรื่องนี้ยืนยันว่า ผู้ตายไม่เคยมีเรื่องกับใคร และไม่น่าฆ่าตัวตายในค่ายทหาร เพราะค่ายทหารไม่มียาฆ่าหญ้า



ขอบคุณข้อมูลจาก ทุบโต๊ะข่าว