x close

สเปกไหนที่ใช่คุณ ! กับ 3 รุ่นมือถือน่าใช้ OPPO Reno3 Pro | Samsung Galaxy S20+ | iPhone 11

         เปรียบเทียบสเปก 3 รุ่นมือถือน่าใช้ Samsung Galaxy S20+, iPhone 11 และ OPPO Reno3 Pro ทั้งในแง่การดีไซน์ สเปกตัวเครื่อง ความลื่นไหล รวมถึงสมรรถนะของกล้องถ่ายรูปและวิดีโอ มาดูกันว่าแต่ละรุ่นนั้นแตกต่างกันอย่างไร

         ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มือถือที่ผลิตขึ้นมาใหม่ในแต่ละปีนั้นมาพร้อมกับเทคโนโลยีและฟีเจอร์รองรับการใช้งานที่แทบจะใกล้เคียงกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้และไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ วันนี้เรามีสมาร์ทโฟน 3 รุ่นฮอตมาแนะนำ นั่นก็คือ Samsung Galaxy S20+, iPhone 11 และ OPPO Reno3 Pro พร้อมเปรียบเทียบกันชัด ๆ แบบชอตต่อชอตไปเลยว่า รุ่นไหนที่จะคว้าใจคุณไปครอง

ดีไซน์ไหนที่เข้าตา

OPPO Reno3 Pro

         Samsung Galaxy S20+ เมื่อลองถือแล้ว น้ำหนักเบา (แต่อาจจะหนักกว่า OPPO ไปสักนิด (186 กรัม) วัสดุเป็นกระจกแต่ไม่โค้งมน ขอบเครื่องเงาแบบโครเมียม มี 3 สี คือ Cosmic Grey, Cloud Blue, Cosmic Black

         iPhone 11 ด้านหลังวัสดุเป็นกระจกแบบวาว น้ำหนักเบา แต่จะหนักที่สุดใน 3 เครื่อง (194 กรัม) กรอบด้านข้างเป็นอะลูมิเนียมโทนเดียวกับสีเครื่อง มีสีให้เลือกเยอะที่สุดถึง 6 สี คือ ม่วง, เหลือง, เขียว, ดำ, ขาว และแดง

         OPPO Reno3 Pro ตัวเครื่องบาง มีน้ำหนักเบาที่สุดจากทั้ง 3 เครื่อง เพียง 175 กรัม แต่เมื่อจับดูจะรู้สึกถึงความแข็งแรง ดีไซน์โค้งมน ถือจับได้ถนัด ด้านหลังเครื่องไล่เฉดสี เวลามีแสงตกกระทบจะมีประกายสวยงาม มี 3 สีให้เลือก คือ สีน้ำเงิน Auroral Blue, สีดำ Midnight Black และ สีขาว Sky White Limited Edition

จอแสดงผล

         Samsung Galaxy S20+ เป็นจอ Punch-hole Dynamic AMOLED 2X Infinity-O ขนาด 6.7 นิ้ว ฝังกล้องหน้าไว้ที่กึ่งกลางจอจนแทบมองไม่เห็น

         iPhone 11 เป็นจอ Liquid Retina HD ขนาด 6.1 นิ้ว แสดงผลได้เต็มจอน้อยกว่ารุ่นอื่น ๆ และมีรอยบากของกล้องหน้าอยู่กึ่งกลางจอ

         OPPO Reno3 Pro เป็นจอ Dual Punch-hole Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว แสดงผลเต็มจอ มีกล้องหน้าฝังอยู่ที่มุมซ้าย เรียบเสมอกับจอ ไม่รบกวนสายตา

OPPO Reno3 Pro

         และเมื่อเปิดการใช้งานหน้าจออย่างการดูคลิปวิดีโอ ทั้ง 3 รุ่น มีการแสดงผลของภาพที่แตกต่างกัน Samsung Galaxy S20+ เพลิดเพลินตากับการแสดงผลที่ค่อนข้างสดใส ชวนสะดุดตา ในขณะที่ iPhone 11 สีของภาพมีความสมจริง และ OPPO Reno3 Pro สีของหน้าจอมีความสดใส ไม่แสบตาจนเกินไป

         สำหรับใครที่กังวลว่าการใช้งานมือถือ 3 รุ่นนี้ในช่วงเวลากลางคืนจะเป็นอย่างไร ต้องบอกว่า เป็นจอถนอมสายตาทั้ง 3 รุ่น สำหรับ Samsung Galaxy S20+ หน้าจอถนอมสายตา ด้วยการลบแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายที่ระดับพิกเซล และคงความสีสดคมชัดของภาพ iPhone 11 มีฟีเจอร์หน้าจอแบบ Night Shift ปรับหน้าจอให้เป็นโทนสีอบอุ่นสบายตาได้อัตโนมัติ และ OPPO Reno3 Pro มีโหมดถนอมสายตา ลดแสงสีฟ้าลง ช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาเวลาจ้องหน้าจอเป็นเวลานานได้ด้วย

วัดประสิทธิภาพของกล้องหน้า

OPPO Reno3 Pro

         Samsung Galaxy S20+ กล้องหน้า 1 ตัว Dual Pixel ความละเอียดน่ารัก ๆ อยู่ที่ 10MP รูรับแสง f/2.2 ถือว่าน้อยที่สุดในบรรดา 3 เครื่อง

         ต่อมาเป็น
iPhone 11 มีกล้องหน้า 1 ตัว ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/2.2 มีเลนส์ Wide ในตัว และยังมาพร้อมกับ Retina Flash สำหรับถ่าย Selfie เพิ่มความสว่างได้มากขึ้น

         และสุดท้ายคือ OPPO Reno3 Pro เป็นสมาร์ทโฟนกล้องหน้าคู่ Dual Punch-hole Camera มีความละเอียดสูงถึง 44MP เรียกได้ว่าค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว รูรับแสงกว้างสูงสุด f/2.4 และเลนส์ Depth of Field ความละเอียด 2MP รูรับแสง f/2.4 ที่สามารถปรับ Bokeh ละลายพื้นหลังขณะเซลฟี่ได้แบบเป็นธรรมชาติ ด้วยความละเอียดขนาดนี้เลยทำให้ภาพเซลฟี่มีความคมชัดมากขึ้นไปด้วย

ภาพเซลฟี่ตอนกลางวัน

         ด้านของความคมชัดในแต่ละรุ่นเมื่อถ่ายด้วยกล้องหน้าโหมดปกติ Samsung Galaxy S20+ ถ่ายเซลฟี่ออกมาได้เรียบเนียน ขณะที่ iPhone 11 ภาพเซลฟี่จะเน้นความสมจริง ปรากฏรายละเอียดต่าง ๆ ของใบหน้า ส่วน OPPO Reno3 Pro มีการปรับและตกแต่งผิวให้ดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ และสะดุดตาด้วยสีสันสดใสของรูปถ่าย

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

         โหมดภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ ทั้ง 3 รุ่น ยังมีโหมดปรับโบเก้อย่างเนียนสมจริงได้พอ ๆ กัน โดย Samsung Galaxy S20+ มีให้เลือกปรับได้โดยเลือกที่ “ไลฟ์โฟกัส” หลังจากนั้นจะมีให้เลือกปรับระดับความหน้าชัดหลังเบลอได้ตามใจชอบ ในส่วนของ iPhone 11 จะเป็นการปรับโบเก้ให้อัตโนมัติ และ OPPO Reno3 Pro สามารถเลือกปรับระดับโบเก้ได้ตั้งแต่ 0-100% ถ้าอยากให้วัตถุโดดเด่นขึ้นมาทันตาเห็น ก็เลือกปรับได้เลยเช่นกัน อย่างในภาพเราปรับระดับโบเก้ไว้ที่ประมาณ 50% ทำให้ภาพที่ได้ออกมาเนียนสวยดูสมจริง 
OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

         ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น สำหรับภาพเซลฟี่กลางวันของทั้ง Samsung Galaxy S20+ และ OPPO Reno3 Pro มีโหมด AI Beauty เป็นตัวช่วยให้การเซลฟี่ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น สังเกตได้ว่ารูปที่ได้หน้านางแบบจะดูเรียบเนียนเป็นพิเศษ แชะออกมาแล้วสวยดูเป็นธรรมชาติ จะแตกต่างก็เพียงในเรื่องของสีสัน โหมด AI Beauty ของ Samsung Galaxy S20+ สามารถปรับความเรียบเนียน, สีผิว, แนวกราม และดวงตา และโหมด AI Beauty ของ OPPO Reno3 Pro สามารถปรับความเรียบเนียน, ใบหน้าเรียว, ตาโต, จมูกเล็กลง, คาง, ใบหน้าเล็กลง, เสริมแต่ง และสามมิติ ในขณะที่ iPhone 11 ไม่มีโหมดดังกล่าว

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

ภาพเซลฟี่ตอนกลางคืน

         ภาพเซลฟี่ตอนกลางคืนของ Samsung Galaxy S20+ รูปเซลฟี่กลางคืนยังคงมีความเรียบเนียนของใบหน้าอยู่ หากแต่รายละเอียดของพื้นหลังอาจจะไม่คมชัดเหมือนอย่างที่สายตาเห็น ในส่วนของ iPhone 11 ก็ยังสามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้เช่นกัน แต่อาจจะต้องอาศัยการปรับแสงให้สว่างเพิ่มขึ้นอีกนิดเท่านั้น และ OPPO Reno3 Pro มีความคมชัด ไม่แตก และแทบจะไม่มี Noise เก็บรายละเอียดได้ถึงฉากหลังด้วย

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

         หรือแม้แต่การถ่ายเซลฟี่กลางคืนในโหมดโบเก้ แน่นอนว่าทั้ง Samsung Galaxy S20+, iPhone 11 และ OPPO Reno3 Pro ก็ทำได้ดีเช่นกัน ถึงแม้แสงน้อยก็ไม่เป็นอุปสรรคที่จะทำให้รูปของคุณโดดเด่นไม่แพ้ช่วงกลางวัน

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

         และทั้ง Samsung Galaxy S20+ และ OPPO Reno3 Pro ก็มีโหมด AI Beauty ที่พร้อมเป็นตัวช่วยให้คุณสามารถเซลฟี่ตอนกลางคืนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องกังวลสภาพของแสง เพราะมีโหมดนี้มาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย เลือกปรับได้เลยตามใจชอบ ในขณะที่ iPhone 11 ไม่มีโหมดนี้

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

ภาพถ่ายย้อนแสง

         สำหรับภาพถ่ายย้อนแสงของทั้ง 3 รุ่น สามารถเก็บรายละเอียดภาพได้ครบถ้วน ตัวแบบไม่มืดดำ โดย Samsung Galaxy S20+ ตอนถ่ายอาจจำเป็นต้องเพิ่มความสว่างของใบหน้านางแบบขึ้นอีกนิด หากในส่วนรายละเอียดแวดล้อมของภาพเก็บได้อย่างคมชัดและเรียบเนียน ขณะที่ iPhone 11 ภาพถ่ายย้อนแสงมีสีสันที่เน้นความสมจริง แต่ถ้าดูให้ดี ๆ หน้านางแบบอาจจะยังไม่สว่างมากนัก แต่ก็มีฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มความสว่างให้กับใบหน้าได้ และ OPPO Reno3 Pro แม้จะถ่ายย้อนแสง ก็ยังคงถ่ายทอดสีสันและรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน และดูสมจริง

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

ส่องความเทพของกล้องหลัง

OPPO Reno3 Pro

         มาดูในส่วนของกล้องหลัง Samsung Galaxy S20+ ก็มีกล้องหลัง 4 ตัวเช่นเดียวกัน ประกอบไปด้วย เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/1.2, เลนส์ Wide ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/1.4 และเลนส์ Telephoto ความละเอียด 64 MP และเซ็นเซอร์ TOF (Time Of Flight) ละลายฉากหลังได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

         iPhone 11 มีกล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด 12MP ทั้งคู่ เป็นเลนส์ Wide รูรับแสงขนาด f/1.8 และเลนส์ Ultra Wide รูรับแสงขนาด f/2.4

         OPPO Reno3 Pro มี 4 ตัว กล้องหลักความคมชัดสูงสุดถึง 64MP รูรับแสงกว้าง f/1.8 และมีเลนส์ Telephoto ความละเอียด 13MP, เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8MP และเลนส์ Mono ความละเอียด 2MP ถือว่าค่อนข้างหลากหลายสำหรับการใช้งานมากเลยทีเดียว

ภาพถ่ายแสงธรรมชาติ

         เมื่อลองถ่ายภาพวิวในโหมดปกติ ความคมชัดและการเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วนพอ ๆ กัน แต่จะแตกต่างในเรื่องของโทนสี

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

         เช่นเดียวกับภาพถ่ายคน Samsung Galaxy S20+, iPhone 11 และ OPPO Reno3 Pro ถ่ายออกมาได้สวยสมบูรณ์แบบ คมชัด และเก็บรายละเอียดได้ดี แต่แตกต่างกันในดีเทลเฉดสีแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

ภาพถ่ายมุมกว้างกับเลนส์ Wide

         ทั้ง 3 รุ่นล้วนมีเลนส์ Wide เหมือนกันทั้งหมด iPhone 11 และ Samsung Galaxy S20+ มีความละเอียดเท่ากันอยู่ที่ 12MP ส่วนของ OPPO Reno3 Pro เป็นเลนส์ Ultra Wide-Angle ความละเอียดอยู่ที่ 8MP

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

         รวมถึงในส่วนของการถ่าย Portrait ด้วยเลนส์ Wide Samsung Galaxy S20+, iPhone 11 และ OPPO Reno3 Pro ก็ถ่ายออกมาได้สวยแบบสูสี โดยโทนสีของแต่ละแบรนด์ก็จะให้อารมณ์แตกต่างกันไป

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

ภาพถ่ายบุคคล (Portrait)

         ในส่วนของ Samsung Galaxy S20+ เน้นที่สีสันสดใสของภาพถ่าย สังเกตได้จากสีท้องฟ้าที่ดูจะสดใสกว่า และ iPhone 11 ถ่ายเบลอพื้นหลังได้เนียน ดูเป็นธรรมชาติ และ OPPO Reno3 Pro มีฟีเจอร์ AI Beauty ที่จะช่วยปรับความเรียบเนียนของใบหน้า และมีฟิลเตอร์สีให้เลือกใช้ 6 แบบ คุมโทนเสร็จ พร้อมลงโซเชียล

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

ภาพถ่ายซูมระยะไกล

         เพื่อเป็นการทดสอบประสิทธิภาพการซูมของมือถือทั้ง 3 รุ่น เราจึงทดสอบด้วยการซูมตึกจากระยะไกลสายตา โดยเริ่มถ่ายด้วยฟังก์ชันการซูมระยะปกติ 1 เท่า ต่อด้วยการซูมภาพ 5 เท่า 10 เท่า และ 20 เท่า มาดูกันว่าจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

Zoom 1x

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

Zoom 5x

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

Zoom 10x (iPhone 11 ไม่มีฟังก์ชันนี้)

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

Zoom 20x (iPhone 11 ไม่มีฟังก์ชันนี้)

         มือถือทั้ง 3 รุ่น สามารถซูมในระยะ 1 เท่า และ 5 เท่า ได้เหมือนกัน Samsung Galaxy S20+ ซูมได้สูงสุด 30 เท่า ขณะที่ iPhone 11 สามารถซูมได้สูงสุดเพียง 5 เท่า เท่านั้น แต่ใน OPPO Reno3 Pro มีเลนส์ซูม Telephoto สามารถซูมแบบ Hybrid ได้ 5 เท่า และซูมแบบ Digital ได้ 20 เท่า

ภาพถ่าย Macro

         สำหรับการถ่ายภาพระยะใกล้ หรือ Macro มือถือทั้ง 3 รุ่น มีความสามารถในการ Close Up ในระยะประชิดได้มาก และมีกำลังขยายที่สูง โดยแต่ละรุ่นก็จะมีสไตล์และความอิ่มของสีที่ได้แตกต่างกันไป

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

ภาพถ่ายย้อนแสง

         ภาพถ่ายย้อนแสงในส่วนของภาพคนของทั้ง 3 รุ่น จะเห็นว่าสีท้องฟ้าไม่ต่างกันมากนัก Samsung Galaxy S20+ และ iPhone 11 อาจจะต้องปรับแสงให้สว่างขึ้นอีกนิด ขณะที่ OPPO Reno3 Pro ค่อนข้างทำได้ดี และสังเกตได้ว่า ตัวนางแบบแทบจะไม่มืดเลยสักนิดเดียว

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

         เมื่อเราลองเลือกถ่ายภาพวิวย้อนแสง ในช่วงเวลาที่มีแสงแดดจัด ทั้ง 3 รุ่น มีความใกล้เคียง ถ่ายออกมาได้สวยคมชัดเช่นเดียวกัน

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

ภาพถ่ายกลางคืน

         การถ่ายภาพกลางคืนก็เป็นอีกหนึ่งโจทย์ท้าทายสำหรับมือถือยุคใหม่ ซึ่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ช่วยทำให้เรื่องแสงอันจำกัดไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป โดย Samsung Galaxy S20+ ภาพที่ได้ดูสว่างกว่า สำหรับ iPhone 11 ให้ความสว่างที่พอเหมาะ แสดงสีและความละเอียดคมชัด มี Noise ให้เห็นประปราย และ OPPO Reno3 Pro มี Ultra Dark Mode ที่สามารถถ่ายภาพคมชัดแม้ในที่มืดหรือแสงน้อย เก็บรายละเอียดของภาพได้ค่อนข้างคมชัด ลองสังเกตจากดวงไฟที่ยังคงกลมชัด โบเก้ไม่กระจาย

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

OPPO Reno3 Pro

ถ่าย VDO

         นอกเหนือไปจากการทดสอบถ่ายภาพนิ่งแล้ว การถ่ายวิดีโอก็เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่น่าสนใจของมือถือทั้ง 3 รุ่นนี้ โดยทั้ง Samsung Galaxy S20+iPhone 11 และ OPPO Reno3 Pro มาพร้อมกับโหมดกันสั่น ซึ่งช่วยให้การถ่ายนิ่งขึ้น ให้คุณถ่ายวิดีโอได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น

         เมื่อเทียบคลิปวิดีโอให้เห็นชัด ๆ จะพบว่า Samsung Galaxy S20+ มีโหมดกันสั่นเช่นเดียวกัน ถ่ายคลิปออกมานิ่งในระดับที่น่าพอใจ ด้วยเพราะมี AI ระบบกันสั่น เทียบเท่ากล้องแอคชั่นแคม เซนเซอร์ขนาดที่ใหญ่ขึ้น ทำงานร่วมกับระบบกันสั่น anti-rolling stabilizer ปรับสมดุลการสั่นของกล้องในองศาที่มากขึ้น ให้คุณได้วีดีโอที่คมชัด ลดการสั่นไหว และไหลลื่นสมจริง

         iPhone 11 มาพร้อมจุดเด่นด้านความคมชัดแบบ 4K และมี QuickTake สลับเปลี่ยนระหว่างโหมดถ่ายรูปกับโหมดถ่ายวิดีโอได้ด้วย สามารถเลือกถ่ายได้ทั้งเลนส์ Wide แบบปกติ และเลนส์ Ultra wide นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น การตัดต่อ การปรับเอียงวิดีโอ และการใส่ฟิลเตอร์ เป็นต้น

         OPPO Reno3 Pro มีจุดเด่นอยู่ที่ Ultra Steady Video 2.0 หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “กันสั่น” ช่วยให้การถ่ายวิดีโอนิ่งขึ้นมาก มีฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ สามารถปรับ Bokeh Effect ละลายฉากหลังเพิ่มได้ และยังมี Ultra Wide Angle ถ่ายคลิปได้มุมที่กว้างมากขึ้นอีกด้วย

Charging Speed

         ปัจจุบันมือถือรุ่นใหม่ ๆ ที่เปิดตัวออกมานอกจากการปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้เข้ากับยุคสมัยแล้ว เทคโนโลยีเพิ่มความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่ที่เรียกว่า Quick Charge หรือ Fast Charging ก็ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย เพราะไลฟ์สไตล์ของคนนั้นติดอยู่กับมือถือมากขึ้น เราได้ลองทดสอบการชาร์จแบตเตอรี่ของทั้ง 3 รุ่นไปพร้อม ๆ กัน โดยเริ่มต้นที่ 0%
OPPO Reno3 Pro

         หลังจากชาร์จไปประมาณ 20 นาที ระดับแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น ดังนี้

         - Samsung Galaxy S20+ ระดับแบตเตอรี่ 29%

         - iPhone 11 ระดับแบตเตอรี่เพียง 14%

         - OPPO Reno3 Pro ระดับแบตเตอรี่ได้มาถึง 50%

         และเมื่อระยะเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง…

OPPO Reno3 Pro

         OPPO Reno3 Pro ชาร์จได้ 100% เต็ม อาจด้วย “30W VOOC Flash Charge 4.0” เทคโนโลยีชาร์จไวอันเลื่องชื่อของ OPPO จึงทำให้การชาร์จแบตเตอรี่เร็วกว่าเครื่องอื่น ๆ ในขณะที่ Samsung Galaxy S20+ ระดับแบตเตอรี่ได้มาที่ 62% และ iPhone 11 ระดับแบตเตอรี่อยู่ที่ 34% เท่านั้นเอง

ขนาดแบตเตอรี่

  • Samsung Galaxy S20+ แบตเตอรี่ใหญ่ที่สุด ขนาด 4,500mAh รองรับชาร์จไว 25W ทั้งแบบมีสายและไร้สาย และมาพร้อมฟีเจอร์ Wireless Power Share
  • iPhone 11 แบตเตอรี่ขนาด 3,110mAh แบตฯ อึดกว่า iPhone XR ด้วยชิป A13 Bionic ที่ช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้น
  • OPPO Reno3 Pro ใช้แบตเตอรี่ขนาด 4,025mAh และเร่งความเร็วในการชาร์จที่ไวขึ้น

สเปกอื่น ๆ

OPPO Reno3 Pro

         หลังจากทดสอบการใช้งานทั้ง 3 รุ่น ขอสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ สั้น ๆ คือ Samsung Galaxy S20+ มีจุดเด่นในเรื่องของหน้าจอที่สวยคมชัดแบบเต็มตา การสัมผัสหน้าจอรวดเร็ว แม่นยำ รวมถึงคุณสมบัติของการถ่ายวิดีโอที่นิ่งและคมชัดไม่แพ้กับภาพถ่าย สีสันที่ได้คล้ายกับที่ตาเห็น น่าสนใจไม่แพ้กัน

         ขณะที่ iPhone 11 ที่มีดีกรีด้านดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของไอโฟน ถือว่าจัดเต็มในด้านประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล แบตเตอรี่ และกล้อง ใช้งานสะดวกไม่ว่าจะในส่วนของการถ่ายวิดีโอและกล้องถ่ายรูป ที่ถ่ายออกมาได้สวยงาม สีสด และคมชัดเป็นธรรมชาติ

         ทางด้าน OPPO Reno3 Pro มีดีไซน์ที่ทันสมัย โค้งมน จับถนัดมือ หน้าจอใหญ่คมชัด มองเห็นเต็มตา ภาพที่ถ่ายออกมาโดดเด่นในเรื่องของการให้สีสันที่สวยคมและเรียบเนียน ไม่ว่าจะแสงมากแสงน้อย ก็ไม่เป็นอุปสรรค การถ่ายวิดีโอมีความนิ่ง และทีเด็ดอยู่ที่ชาร์จแบตเตอรี่ค่อนข้างไว

         เรียกได้ว่าน่าสนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียวสำหรับมือถือทั้ง 3 รุ่นนี้ หากคุณกำลังมองหามือถือเครื่องใหม่ หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้การตัดสินใจง่ายขึ้นนะคะ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สเปกไหนที่ใช่คุณ ! กับ 3 รุ่นมือถือน่าใช้ OPPO Reno3 Pro | Samsung Galaxy S20+ | iPhone 11 อัปเดตล่าสุด 20 พฤษภาคม 2563 เวลา 11:21:14 18,096 อ่าน
TOP