เจ้าของตู้ปันสุข เปิดใจ วันเกิดเหตุฝนตกเลยยกตู้เข้าบ้าน แต่เจอคนมากดกริ่งวนเวียน ก่อนตะโกนด่าหยาบ ด้าน ท่าน ว.วชิรเมธี เผยคนรับของต้องรับรู้ด้วยจิตสำนึก หยิบไปแต่พอดี
รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.20-15.00 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (13 พฤษภาคม 2563) "ดร.เสรี วงษ์มณฑา" เปิดใจสัมภาษณ์ "ฉัตรฤดี สุขะจาติ โคพิทซ์" เจ้าของตู้ปันสุข กรณีดราม่าถูกคนตะโกนต่อว่า กดกริ่งและคุกคามหน้าบ้าน
"ส่วนใหญ่ที่มาน่ารัก หยิบกันพอเพียง ชิ้นสองชิ้น ส่วนคลิปที่เป็นต้นเหตุทำให้เรารู้สึกว่าเราควรทำหรือหยุดต่อ วันนั้นฝนตก เราเลยยกตู้ออกไปก่อน แล้วของหมด หนูไปทำธุระนอกบ้าน ก็ให้แม่บ้านยกตู้เข้าบ้าน อาจปากหนักไปนิดที่ไม่ได้บอกให้ย้ายป้ายเข้าบ้านไปก่อน"
"ก่อนหน้าที่เขากดกริ่ง เขาวนเวียนอยู่หลายรอบแล้ว มีทีมอื่นด้วย พอกดหลายรอบแม่บ้านก็ไม่ไหวแล้ว เลยโทร. มาบอกว่าเขาไม่ยอมไป นั่งรอหน้าบ้าน แล้วเหมือนชี้ไปชี้มาว่าให้ดูสิในรถมีคนแก่ คนพิการ แม่บ้าน 3 คนเขาเห็นไม่ตรงกัน แต่คนหนึ่งบอกว่าเห็นคนหนึ่งเขายกไม้เท้าขึ้นมาชี้ว่าเขาไม่มีขา"
ที่เขาแชร์ ๆ คือมีด่าทอต่อว่า ?
"ถ้าตะโกนแค่ว่าเมื่อไหร่จะเติมตู้ ก็ยังได้อยู่ แต่พอเริ่มด่า เขาบอกว่าไม่มีของแล้วจะติดป้ายไว้ทำไมโว้ย สำหรับหนู ถ้ามาถึงบ้านหนูหยาบแล้วค่ะ เราเข้าใจว่าเขาผิดหวัง อากาศร้อน เขาบอกว่าเขามาไกล ก็อยากได้อะไรกลับไปให้คุ้มค่ารถ"
เท่าที่ดูคลิป มีคนเอาไปพอเหมาะ มีคนเอาไปมากไป ท้อใจไหม ?
"ความเห็นหนูยังไงก็ได้ แต่ลูกชายบอกว่าถ้าเขาหยิบไปหมดจะทำยังไง แต่จริง ๆ มันคือความหงุดหงิดใจทำให้ใจเราเศร้าหมอง แต่เราทำอะไรไม่ได้ เราตั้งใจให้แล้ว แต่อย่างหนึ่งคือเรารู้ลิมิต ไม่ได้ขนซื้อมาเติมเรื่อย ๆ ไม่มีข้อจำกัด ไม่ได้หมายความว่าบ้านเราเป็นซูเปอร์มาร์เกตเราต้องเติมตลอด เรามีของเราเท่านั้นเราก็เติม เรามีงบประมาณจำกัดที่จะเติมเท่านี้"
มีความสุขแค่ไหนที่ได้ทำ ?
"ไม่ใช่ว่าเราไปวางแล้วเรามีความสุข เราไม่ใช่พระสูงส่งขนาดนั้น แต่คือมีความสุขเมื่อเราได้รับฟีดแบ็ก เห็นคนยกมือไหว้ เห็นคนมาเห็นตู้แล้วตื่นเต้น เขาเขียนข้อความขอบคุณ"
จะทำต่อ ?
"ทำค่ะ แต่จะไม่ทำหน้าบ้าน (หัวเราะ)"
คุยกับ "ท่าน ว.วชิรเมธี" เรื่องตู้เติมสุข บางคนยกพวกมาขนกัน รู้สึกยังไง ?
ว.วชิรเมธี : ถือว่าเขาเป็นครู ถ้าเขาไม่มาทำแบบนั้น จะไม่รู้ว่าตู้ปันสุขใช้ได้จริงไหมในทางปฏิบัติ อาตมามองว่าการทำดีไม่โรแมนติกเสมอไปนะ ต้องมีเรื่องบ้างอะไรบ้าง แต่ทุกครั้งที่มีเรื่องทำให้เราฉลาดขึ้นใช่ไหม ฉะนั้นอย่าเพิ่งโกรธเขา มองดี ๆ ครูใหญ่เลยนะนั่น (หัวเราะ) เขามาสอนเรา ว่าถ้าทำอย่างนี้จะต้องเตรียมรับมือยังไง วางใจยังไง วางแผนยังไง หลังเขาสอนเราให้ฉลาด เขาก็เป็น Case study ให้กับเรา คราวหน้ามันจะไม่มีปัญหาพวกนี้มากวนใจเลย อาตมาก็มองว่าไม่เป็นไร เราทำดีใหม่ ๆ เรายังไม่มีประสบการณ์ พูดสั้น ๆ ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน อยากบอกว่าคนทำดีต้องพร้อมรับทั้งดอกไม้และก้อนอิฐนะ
มีอะไรอยากบอกคนขนเอา ๆ บ้างไหม ?
ว.วชิรเมธี : อยากบอกว่าขนครั้งเดียวเถอะโยม ให้คิดถึงหัวอกหัวใจคนอื่นบ้าง โยมไม่ได้ลำบากอยู่คนเดียว เขาลำบากกันทั้งบ้านทั้งเมือง ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา คนอื่นตั้งตู้ปันสุขเพราะเขาคิดถึงเรา เรารับไปแล้วก็ให้คิดถึงคนตั้งใจทำด้วยว่าเขาไม่ได้จะให้เราคนเดียว เขาต้องการแบ่งให้คนอื่นด้วย ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา ขนแบบนี้ทำครั้งเดียวพอ ทำครั้งเดียวคนยกโทษให้ แต่ทำครั้งต่อไปไม่แน่ (หัวเราะ) เจริญพร
คนเสนอว่าให้เขียนว่าบริจาค ?
ว.วชิรเมธี : อาตมาว่าไม่ต้องเขียน ให้ฝึกสามัญสำนึกของคน เหมือนเข้าวัด คุณต้องรู้โดยสามัญสำนึกว่าคุณไม่ควรดื่มเหล้า ใช่ไหม แล้วนี่คุณก็รู้ว่าเขาตั้งใจบริจาค ไม่ควรเอาไปขายด้วยประการทั้งปวง มันเป็นการฝึกให้เรายกจิตสำนึกให้สูงขึ้น
ถ้าคนบางคนยกไม่ได้ ทำให้คนบริจาคเริ่มท้อ มีอะไรจะบอกคนบริจาคไม่ให้ท้อ ?
ว.วชิรเมธี : การทำความดีเหมือนขั้นบันได ทำใหม่ ๆ เราก็มีท้อบ้าง แต่ถ้าเราหยุด เราก็จะไม่ได้ขยับไปทำดีที่สูงขึ้น ให้ฝึกอย่างนี้ว่าปัญหามาเพื่อมอบปัญญาให้กับเรา อย่าคิดว่าทำดีแล้วอะไร ๆ จะดีไปเสียหมด เหมือนที่นักปราชญ์บอกว่าอย่าคิดว่าเป็นคนดี เข้าป่าแล้วยุงจะไม่กัด ท่านก็เตือนว่าอย่าคิดว่าทำดีแล้วทุกอย่างจะราบรื่น โลกต้องเลือกข้างฉันเสมอ อย่าคิดไร้เดียงสาอย่างนั้น ทำดีก็มีปัญหาอย่างนี้แหละ แต่มีปัญหาแล้วอย่าท้อ ให้พัฒนาไปพร้อม ๆ กับการทำดี มองว่าการทำดีเป็นวิถีการยกจิตใจเราพร้อม ๆ กับการช่วยเหลือคนอื่น
ไม่ควรท้อและทำต่อไป แม้จะมีพวกมาโกย ?
ว.วชิรเมธี : ยิ่งถูกท้าทาย ยิ่งต้องตั้งใจให้มากขึ้น มารไม่มี บารมีไม่เกิด
พระอาจารย์จะพูดกับคนที่เป็นผู้บริจาคในยามนี้อย่างไร ?
ว.วชิรเมธี : ตู้ปันสุข หรือการให้ เป็นสิ่งที่ดีงามมาก ๆ คุณทำถูกต้องและมาถูกทาง จงทำต่อไป อย่าได้ท้อ
พวกโกย ขอคำคมสำหรับพวกโกย ?
ว.วชิรเมธี : ถ้าทำเพราะไม่รู้ก็น่าให้อภัย แต่ถ้ารู้แล้วยังทำ ก็บอกได้เลยว่าคุณกำลังดูถูกตัวเองอย่างยิ่ง เวลาเช่นนี้ไม่ใช่เวลามานั่งเห็นแก่ตัว อย่าดูถูกตัวเองโดยการทำสิ่งไม่ดีไม่งามเช่นนั้นเลย เห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์จะดีกว่า
มีหลายคนบอกว่าประเทศไทย ทำอย่างนี้ไม่ได้ เลิกเหอะ มีหลายคนอยากให้เลิก พระอาจารย์มองยังไง ?
ว.วชิรเมธี : ถ้าเราคนไทยหมดหวังจากคนไทยด้วยกันเอง แล้วเราหวังจะให้ใครมาช่วยเรา
หลายคนลำบาก ตกงาน ขายของไม่ได้ บางคนเจ็บป่วย เราถูกสอนว่าให้ใช้ธรรมะเข้าข่ม พระอาจารย์จะให้กำลังใจอย่างไร ?
ว.วชิรเมธี : ประการที่หนึ่ง ให้รู้เท่าทันสัจธรรมของโลก ไวรัสโควิด 19 มันมาเยี่ยม มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เดี๋ยวก็ดับไป ต้องมีวันที่โควิดลาโรงแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ ไข้หวัดใหญ่สเปน ไข้หวัดนก ซาร์ส มันเคยเกิดขึ้นและมันอยู่ค้ำฟ้าไหม อดทนและรอคอยให้เป็น สอง อย่ารอรับความช่วยเหลือแต่จากคนอื่น จงลุกขึ้นพึ่งตนเอง ทางไหนที่ไม่ผิดกฎหมายทำเถอะ ถ้ารอรับการช่วยเหลือมันก็ช้า ไม่ทันกิน มาก็ไม่ทันกาล แต่ถ้าเราลุกขึ้นพึ่งตัวเอง ทำเดี๋ยวนี้ ที่นี่ มันเห็นผลทันตา สาม จมให้ลง อย่าใช้ชีวิตกินหรู อยู่หรูเหมือนยามปกติ เวลาจะซื้ออะไรก็ตาม ให้เน้นจับจ่ายใช้สอย อย่าเน้นจับจ่ายใช้สวย เจริญพร
หลายคนกลัวอดตาย เรียกร้องให้เปิดโน่นนี่ พระอาจารย์ว่าไง ?
ว.วชิรเมธี : ชีวิตไม่ใช่ของเล่น ชีวิตเป็นสิ่งหายาก ถ้าดับไปมันเรียกคืนไม่ได้ เราต้องรักษา ทะนุถนอมชีวิตนี้ให้ดี บางคนกลัวอดตาย ไม่ฟังแพทย์ ไม่ฟังพยาบาล ไม่ฟังรัฐบาล ปรากฏว่าเอาชีวิตไปแตกดับอย่างง่าย ๆ ถ้าคุณเหลือชีวิตอยู่ ลมหายใจยังอยู่ ถึงคุณสูญเสียอะไรไป แต่คุณเริ่มใหม่ได้ทั้งหมด
คุณบิณฑ์ออกมาช่วยเหลือชาวบ้าน แล้วมีนักร้องชื่อดัง "แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์" ออกมารับของบริจาคด้วย มองภาพนี้ยังไง ?
ว.วชิรเมธี : อาตมามองว่า COVID-19 ทำให้เราทุกคนเสมอภาคกัน ไม่เลือกที่รัก ไม่มักที่ชัง เป็นคนธรรมดา เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง พอโควิดมาก็ได้รับผลกระทบทุกคน ฉะนั้นให้เตือนตัวเองว่าไม่ใช่แค่เราที่ได้รับผลกระทบอยู่คนเดียว อย่ามานั่งทุกข์ตรมอยู่คนเดียว แต่ให้มองว่าเพื่อนร่วมทุกข์ของเรามีอยู่ทั่วทุกแห่งบนโลก คิดอย่างนี้จะได้ไม่ท้อ
มีนิทานอะไรสักเรื่อง ที่เทียบได้กับโควิด-19 ตอนนี้ ?
ว.วชิรเมธี : อยากเล่าสั้น ๆ ว่ามีมหาเศรษฐีคนหนึ่ง มีสมบัติมากมาย ต่อมามหาเศรษฐีเสียชีวิตไป ทิ้งสมบัติไว้เต็มหีบ พี่ชาย 2 คน พี่กับน้องแบ่งสมบัติกัน พี่เปิดหีบเจอแหวน 2 วง มีแหวนเพชรกับแหวนเงิน พี่โลภมาก ก็โยนแหวนเงินให้น้อง น้องได้แหวนเงินมาก็ไม่เสียใจ ลูบคลำไปมาก็เจออักษรจารึกอยู่ในแหวนเงิน ข้อความนั้นบอกว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป
น้องเอาแหวนเงินนั้นมาสวมใส่ หลังจากนั้นไม่ว่าเจอวิกฤตกี่ครั้ง น้องคนนี้ไม่เคยเป็นโรคประสาท ไม่เคยเป็นบ้า สามารถรับมือกับความขึ้นสูงลงต่ำได้ทุกครั้งไป เพราะเตือนตัวเองว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ส่วนพี่ที่ได้แหวนเพชร เอาเพชรไปขาย มีเงินไม่ถึงปีก็หมดเนื้อหมดตัว และจบชีวิตด้วยพิษสุราเรื้อรัง จบชีวิตน่าอนาถ เพราะเขาไม่มีภูมิคุ้มกัน นิทานเรื่องนี้สอนว่า ภูมิคุ้มกันที่ดีของชีวิตคือคาถาที่ว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป เจอวิกฤต ความทุกข์ ผันผวนปรวนแปรต่าง ๆ ยังไงก็อย่าท้อ มันไม่อยู่กับเราตลอดไปหรอก เดี๋ยวมันก็ผ่านไป
รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.20-15.00 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (13 พฤษภาคม 2563) "ดร.เสรี วงษ์มณฑา" เปิดใจสัมภาษณ์ "ฉัตรฤดี สุขะจาติ โคพิทซ์" เจ้าของตู้ปันสุข กรณีดราม่าถูกคนตะโกนต่อว่า กดกริ่งและคุกคามหน้าบ้าน
"ส่วนใหญ่ที่มาน่ารัก หยิบกันพอเพียง ชิ้นสองชิ้น ส่วนคลิปที่เป็นต้นเหตุทำให้เรารู้สึกว่าเราควรทำหรือหยุดต่อ วันนั้นฝนตก เราเลยยกตู้ออกไปก่อน แล้วของหมด หนูไปทำธุระนอกบ้าน ก็ให้แม่บ้านยกตู้เข้าบ้าน อาจปากหนักไปนิดที่ไม่ได้บอกให้ย้ายป้ายเข้าบ้านไปก่อน"
"ก่อนหน้าที่เขากดกริ่ง เขาวนเวียนอยู่หลายรอบแล้ว มีทีมอื่นด้วย พอกดหลายรอบแม่บ้านก็ไม่ไหวแล้ว เลยโทร. มาบอกว่าเขาไม่ยอมไป นั่งรอหน้าบ้าน แล้วเหมือนชี้ไปชี้มาว่าให้ดูสิในรถมีคนแก่ คนพิการ แม่บ้าน 3 คนเขาเห็นไม่ตรงกัน แต่คนหนึ่งบอกว่าเห็นคนหนึ่งเขายกไม้เท้าขึ้นมาชี้ว่าเขาไม่มีขา"
ที่เขาแชร์ ๆ คือมีด่าทอต่อว่า ?
"ถ้าตะโกนแค่ว่าเมื่อไหร่จะเติมตู้ ก็ยังได้อยู่ แต่พอเริ่มด่า เขาบอกว่าไม่มีของแล้วจะติดป้ายไว้ทำไมโว้ย สำหรับหนู ถ้ามาถึงบ้านหนูหยาบแล้วค่ะ เราเข้าใจว่าเขาผิดหวัง อากาศร้อน เขาบอกว่าเขามาไกล ก็อยากได้อะไรกลับไปให้คุ้มค่ารถ"
เท่าที่ดูคลิป มีคนเอาไปพอเหมาะ มีคนเอาไปมากไป ท้อใจไหม ?
"ความเห็นหนูยังไงก็ได้ แต่ลูกชายบอกว่าถ้าเขาหยิบไปหมดจะทำยังไง แต่จริง ๆ มันคือความหงุดหงิดใจทำให้ใจเราเศร้าหมอง แต่เราทำอะไรไม่ได้ เราตั้งใจให้แล้ว แต่อย่างหนึ่งคือเรารู้ลิมิต ไม่ได้ขนซื้อมาเติมเรื่อย ๆ ไม่มีข้อจำกัด ไม่ได้หมายความว่าบ้านเราเป็นซูเปอร์มาร์เกตเราต้องเติมตลอด เรามีของเราเท่านั้นเราก็เติม เรามีงบประมาณจำกัดที่จะเติมเท่านี้"
มีความสุขแค่ไหนที่ได้ทำ ?
"ไม่ใช่ว่าเราไปวางแล้วเรามีความสุข เราไม่ใช่พระสูงส่งขนาดนั้น แต่คือมีความสุขเมื่อเราได้รับฟีดแบ็ก เห็นคนยกมือไหว้ เห็นคนมาเห็นตู้แล้วตื่นเต้น เขาเขียนข้อความขอบคุณ"
จะทำต่อ ?
"ทำค่ะ แต่จะไม่ทำหน้าบ้าน (หัวเราะ)"
คุยกับ "ท่าน ว.วชิรเมธี" เรื่องตู้เติมสุข บางคนยกพวกมาขนกัน รู้สึกยังไง ?
ว.วชิรเมธี : ถือว่าเขาเป็นครู ถ้าเขาไม่มาทำแบบนั้น จะไม่รู้ว่าตู้ปันสุขใช้ได้จริงไหมในทางปฏิบัติ อาตมามองว่าการทำดีไม่โรแมนติกเสมอไปนะ ต้องมีเรื่องบ้างอะไรบ้าง แต่ทุกครั้งที่มีเรื่องทำให้เราฉลาดขึ้นใช่ไหม ฉะนั้นอย่าเพิ่งโกรธเขา มองดี ๆ ครูใหญ่เลยนะนั่น (หัวเราะ) เขามาสอนเรา ว่าถ้าทำอย่างนี้จะต้องเตรียมรับมือยังไง วางใจยังไง วางแผนยังไง หลังเขาสอนเราให้ฉลาด เขาก็เป็น Case study ให้กับเรา คราวหน้ามันจะไม่มีปัญหาพวกนี้มากวนใจเลย อาตมาก็มองว่าไม่เป็นไร เราทำดีใหม่ ๆ เรายังไม่มีประสบการณ์ พูดสั้น ๆ ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน อยากบอกว่าคนทำดีต้องพร้อมรับทั้งดอกไม้และก้อนอิฐนะ
มีอะไรอยากบอกคนขนเอา ๆ บ้างไหม ?
ว.วชิรเมธี : อยากบอกว่าขนครั้งเดียวเถอะโยม ให้คิดถึงหัวอกหัวใจคนอื่นบ้าง โยมไม่ได้ลำบากอยู่คนเดียว เขาลำบากกันทั้งบ้านทั้งเมือง ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา คนอื่นตั้งตู้ปันสุขเพราะเขาคิดถึงเรา เรารับไปแล้วก็ให้คิดถึงคนตั้งใจทำด้วยว่าเขาไม่ได้จะให้เราคนเดียว เขาต้องการแบ่งให้คนอื่นด้วย ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา ขนแบบนี้ทำครั้งเดียวพอ ทำครั้งเดียวคนยกโทษให้ แต่ทำครั้งต่อไปไม่แน่ (หัวเราะ) เจริญพร
คนเสนอว่าให้เขียนว่าบริจาค ?
ว.วชิรเมธี : อาตมาว่าไม่ต้องเขียน ให้ฝึกสามัญสำนึกของคน เหมือนเข้าวัด คุณต้องรู้โดยสามัญสำนึกว่าคุณไม่ควรดื่มเหล้า ใช่ไหม แล้วนี่คุณก็รู้ว่าเขาตั้งใจบริจาค ไม่ควรเอาไปขายด้วยประการทั้งปวง มันเป็นการฝึกให้เรายกจิตสำนึกให้สูงขึ้น
ถ้าคนบางคนยกไม่ได้ ทำให้คนบริจาคเริ่มท้อ มีอะไรจะบอกคนบริจาคไม่ให้ท้อ ?
ว.วชิรเมธี : การทำความดีเหมือนขั้นบันได ทำใหม่ ๆ เราก็มีท้อบ้าง แต่ถ้าเราหยุด เราก็จะไม่ได้ขยับไปทำดีที่สูงขึ้น ให้ฝึกอย่างนี้ว่าปัญหามาเพื่อมอบปัญญาให้กับเรา อย่าคิดว่าทำดีแล้วอะไร ๆ จะดีไปเสียหมด เหมือนที่นักปราชญ์บอกว่าอย่าคิดว่าเป็นคนดี เข้าป่าแล้วยุงจะไม่กัด ท่านก็เตือนว่าอย่าคิดว่าทำดีแล้วทุกอย่างจะราบรื่น โลกต้องเลือกข้างฉันเสมอ อย่าคิดไร้เดียงสาอย่างนั้น ทำดีก็มีปัญหาอย่างนี้แหละ แต่มีปัญหาแล้วอย่าท้อ ให้พัฒนาไปพร้อม ๆ กับการทำดี มองว่าการทำดีเป็นวิถีการยกจิตใจเราพร้อม ๆ กับการช่วยเหลือคนอื่น
ไม่ควรท้อและทำต่อไป แม้จะมีพวกมาโกย ?
ว.วชิรเมธี : ยิ่งถูกท้าทาย ยิ่งต้องตั้งใจให้มากขึ้น มารไม่มี บารมีไม่เกิด
พระอาจารย์จะพูดกับคนที่เป็นผู้บริจาคในยามนี้อย่างไร ?
ว.วชิรเมธี : ตู้ปันสุข หรือการให้ เป็นสิ่งที่ดีงามมาก ๆ คุณทำถูกต้องและมาถูกทาง จงทำต่อไป อย่าได้ท้อ
พวกโกย ขอคำคมสำหรับพวกโกย ?
ว.วชิรเมธี : ถ้าทำเพราะไม่รู้ก็น่าให้อภัย แต่ถ้ารู้แล้วยังทำ ก็บอกได้เลยว่าคุณกำลังดูถูกตัวเองอย่างยิ่ง เวลาเช่นนี้ไม่ใช่เวลามานั่งเห็นแก่ตัว อย่าดูถูกตัวเองโดยการทำสิ่งไม่ดีไม่งามเช่นนั้นเลย เห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์จะดีกว่า
มีหลายคนบอกว่าประเทศไทย ทำอย่างนี้ไม่ได้ เลิกเหอะ มีหลายคนอยากให้เลิก พระอาจารย์มองยังไง ?
ว.วชิรเมธี : ถ้าเราคนไทยหมดหวังจากคนไทยด้วยกันเอง แล้วเราหวังจะให้ใครมาช่วยเรา
หลายคนลำบาก ตกงาน ขายของไม่ได้ บางคนเจ็บป่วย เราถูกสอนว่าให้ใช้ธรรมะเข้าข่ม พระอาจารย์จะให้กำลังใจอย่างไร ?
ว.วชิรเมธี : ประการที่หนึ่ง ให้รู้เท่าทันสัจธรรมของโลก ไวรัสโควิด 19 มันมาเยี่ยม มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เดี๋ยวก็ดับไป ต้องมีวันที่โควิดลาโรงแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ ไข้หวัดใหญ่สเปน ไข้หวัดนก ซาร์ส มันเคยเกิดขึ้นและมันอยู่ค้ำฟ้าไหม อดทนและรอคอยให้เป็น สอง อย่ารอรับความช่วยเหลือแต่จากคนอื่น จงลุกขึ้นพึ่งตนเอง ทางไหนที่ไม่ผิดกฎหมายทำเถอะ ถ้ารอรับการช่วยเหลือมันก็ช้า ไม่ทันกิน มาก็ไม่ทันกาล แต่ถ้าเราลุกขึ้นพึ่งตัวเอง ทำเดี๋ยวนี้ ที่นี่ มันเห็นผลทันตา สาม จมให้ลง อย่าใช้ชีวิตกินหรู อยู่หรูเหมือนยามปกติ เวลาจะซื้ออะไรก็ตาม ให้เน้นจับจ่ายใช้สอย อย่าเน้นจับจ่ายใช้สวย เจริญพร
หลายคนกลัวอดตาย เรียกร้องให้เปิดโน่นนี่ พระอาจารย์ว่าไง ?
ว.วชิรเมธี : ชีวิตไม่ใช่ของเล่น ชีวิตเป็นสิ่งหายาก ถ้าดับไปมันเรียกคืนไม่ได้ เราต้องรักษา ทะนุถนอมชีวิตนี้ให้ดี บางคนกลัวอดตาย ไม่ฟังแพทย์ ไม่ฟังพยาบาล ไม่ฟังรัฐบาล ปรากฏว่าเอาชีวิตไปแตกดับอย่างง่าย ๆ ถ้าคุณเหลือชีวิตอยู่ ลมหายใจยังอยู่ ถึงคุณสูญเสียอะไรไป แต่คุณเริ่มใหม่ได้ทั้งหมด
คุณบิณฑ์ออกมาช่วยเหลือชาวบ้าน แล้วมีนักร้องชื่อดัง "แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์" ออกมารับของบริจาคด้วย มองภาพนี้ยังไง ?
ว.วชิรเมธี : อาตมามองว่า COVID-19 ทำให้เราทุกคนเสมอภาคกัน ไม่เลือกที่รัก ไม่มักที่ชัง เป็นคนธรรมดา เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง พอโควิดมาก็ได้รับผลกระทบทุกคน ฉะนั้นให้เตือนตัวเองว่าไม่ใช่แค่เราที่ได้รับผลกระทบอยู่คนเดียว อย่ามานั่งทุกข์ตรมอยู่คนเดียว แต่ให้มองว่าเพื่อนร่วมทุกข์ของเรามีอยู่ทั่วทุกแห่งบนโลก คิดอย่างนี้จะได้ไม่ท้อ
มีนิทานอะไรสักเรื่อง ที่เทียบได้กับโควิด-19 ตอนนี้ ?
ว.วชิรเมธี : อยากเล่าสั้น ๆ ว่ามีมหาเศรษฐีคนหนึ่ง มีสมบัติมากมาย ต่อมามหาเศรษฐีเสียชีวิตไป ทิ้งสมบัติไว้เต็มหีบ พี่ชาย 2 คน พี่กับน้องแบ่งสมบัติกัน พี่เปิดหีบเจอแหวน 2 วง มีแหวนเพชรกับแหวนเงิน พี่โลภมาก ก็โยนแหวนเงินให้น้อง น้องได้แหวนเงินมาก็ไม่เสียใจ ลูบคลำไปมาก็เจออักษรจารึกอยู่ในแหวนเงิน ข้อความนั้นบอกว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป
น้องเอาแหวนเงินนั้นมาสวมใส่ หลังจากนั้นไม่ว่าเจอวิกฤตกี่ครั้ง น้องคนนี้ไม่เคยเป็นโรคประสาท ไม่เคยเป็นบ้า สามารถรับมือกับความขึ้นสูงลงต่ำได้ทุกครั้งไป เพราะเตือนตัวเองว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ส่วนพี่ที่ได้แหวนเพชร เอาเพชรไปขาย มีเงินไม่ถึงปีก็หมดเนื้อหมดตัว และจบชีวิตด้วยพิษสุราเรื้อรัง จบชีวิตน่าอนาถ เพราะเขาไม่มีภูมิคุ้มกัน นิทานเรื่องนี้สอนว่า ภูมิคุ้มกันที่ดีของชีวิตคือคาถาที่ว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป เจอวิกฤต ความทุกข์ ผันผวนปรวนแปรต่าง ๆ ยังไงก็อย่าท้อ มันไม่อยู่กับเราตลอดไปหรอก เดี๋ยวมันก็ผ่านไป