พานาโซนิค จ่อปิดโรงงานผลิตตู้เย็น-เครื่องซักผ้า ในไทย
ย้ายฐานการผลิตไปเวียดนาม ลดต้นทุน
โดยจะเริ่มหยุดการผลิตในเดือนกันยายน-ตุลาคม

ภาพจาก 1278551431_testing / shutterstock.com
วันที่ 21 พฤษภาคม 2563 เว็บไซต์ Nikkei Asian Review รายงานว่า บริษัท พานาโซนิค
ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่จากญี่ปุ่น
เตรียมปิดโรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ในประเทศไทย ภายในปีนี้
และจะย้ายฐานการผลิตไปรวมกับโรงงานซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าในประเทศเวียดนาม
เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
โดยสำหรับโรงงานในประเทศไทย จะหยุดการผลิตเครื่องซักผ้าในเดือนกันยายนนี้ และหยุดการผลิตตู้เย็นในเดือนตุลาคม ขณะที่อาคารโรงงานจะปิดตัวลงในเดือนมีนาคม 2564 พร้อมกับปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเช่นกัน
โดยสำหรับโรงงานในประเทศไทย จะหยุดการผลิตเครื่องซักผ้าในเดือนกันยายนนี้ และหยุดการผลิตตู้เย็นในเดือนตุลาคม ขณะที่อาคารโรงงานจะปิดตัวลงในเดือนมีนาคม 2564 พร้อมกับปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเช่นกัน
ทั้งนี้ สำหรับการย้ายฐานการผลิตไปเวียดนาม พานาโซนิคพยายามจะลดต้นทุนในส่วนการจัดหาชิ้นส่วน โดยโรงงานซึ่งตั้งอยู่นอกกรุงฮานอย จัดเป็นศูนย์การผลิตตู้เย็นและเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัทในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีกำลังการผลิตเกินอัตรา
สำหรับการเคลื่อนไหวที่จะเกิดขึ้นนี้ สะท้อนให้เห็นบทใหม่ของภาคการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่น ได้ย้ายฐานการผลิตจากในญี่ปุ่น ไปยังสิงคโปร์และมาเลเซีย เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนถูกปล่อยลอยตัว จนส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคาในญี่ปุ่น
จากนั้นเมื่อค่าแรงในสิงคโปร์สูงขึ้น ก็มีการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย โดย พานาโซนิค เริ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนขนาดใหญ่ในไทย ตั้งแต่ปี 2522 แต่ขณะนี้บริษัทต่าง ๆ กำลังมองหาแหล่งการผลิตที่มีต้นทุนต่ำกว่า และหวังจะตอบสนองความต้องการซื้อตู้เย็น เครื่องซักผ้า และไมโครเวฟ ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีจำนวนประชากรมาก เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
ขณะนี้ พานาโซนิค มีพนักงานในเวียดนาม ราว 8,000 คน โดยนอกจากการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่แล้ว ก็ยังมีหน่วยการผลิตในท้องถิ่นอื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ โทรศัพท์ไร้สาย รวมถึงอุปกรณ์ในภาคอุตสาหกรรม
อนึ่ง พานาโซนิคอยู่ระหว่างพยายามปรับโครงสร้าง โดยมีเป้าหมายลดต้นทุนให้ได้ 1 แสนล้านเยน (ราว 2.9 หมื่นล้านบาท) ภายในปีงบประมาณซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2565 และกำลังพิจารณาจะเปลี่ยนแปลงการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก Nikkei Asian Review






