แพทย์ เผยชนวนเหตุสงสัย น้องอิ่มบุญ อาการดีขึ้นผิดหูผิดตา หลังห้ามครอบครัวเข้าเยี่ยม ชี้อาการเด็กทั้ง 2 คน คล้ายผู้ป่วยดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ พร้อมแฉแม่ปุ๊กใช้สิทธิบัตรทองรักษาลูก จ่ายเงินตัวเองไม่กี่หมื่น
หลังจากนั้นน้องอิ่มบุญก็ได้รับการดูแลอยู่ที่หอผู้ป่วยพิเศษ จนสามารถที่จะรับประทานอาหารได้บางส่วน จนเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2563 น้องก็ได้มีอาการปวดท้องกะทันหันอาเจียนเป็นเลือด ปากบวม อุจจาระเหลวดำ แพทย์จึงย้ายตัวไปรักษาที่ห้องไอซียู ก่อนทำการส่องกล้องตรวจซ้ำและพบว่ามีอาการอักเสบรุนแรงที่กระเพาะอาหาร แพทย์จึงสงสัยว่าอาจได้รับสารที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ทางแพทย์จึงทำการรักษาน้องอิ่มบุญอย่างใกล้ชิดในห้องไอซียูตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 จนน้องเริ่มมีอาการดีขึ้น แต่ยังคงมีอาการแทรกซ้อนอยู่ จากแผลในหลอดอาหาร และอาการอักเสบรุนแรงของปอด
จากนั้นเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 แพทย์จึงได้อนุญาตให้น้องอิ่มบุญออกจากโรงพยาบาลได้ พร้อมกับประสานกับทางให้เจ้าหน้าที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) รับไปอยู่ในความดูแลเนื่องจากแพทย์มีความสงสัยเกี่ยวกับอาการป่วยของน้องบางอย่าง ว่าอาการป่วยของน้องอาจมีการกระทำขึ้น ไม่ได้ป่วยจากโรคที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
ทั้งนี้ อาการที่ใกล้เคียงกับที่น้องอิ่มบุญมารักษานั้น ส่วนใหญ่จะพบในผู้ป่วยที่ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำเข้าไป ปากและกระเพาะอาหารจะถูกกัดกร่อน ส่วนกรณีน้องอิ่มบุญนั้นทางแพทย์ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด ส่วนสารเคมีที่เด็กทั้งสองคนได้รับขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ จึงอยากจะให้รอผลที่ชัดเจนจากพนักงานสอบสวน เนื่องจากหลายประเด็นมีผลกระทบต่อรูปคดี
รศ. นพ.พฤหัส กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีสิทธิ์การรักษาพยาบาลที่ครอบคลุม ไม่ต้องกังวลว่าจะมีประชาชนที่ไม่ได้รับสิทธิ์การรักษา จนได้รับความลำบากและต้องมีการขอรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือ โดยในการรักษาอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในบางกรณีเท่านั้น เช่นในกรณีน้องอิ่มบุญนั้นก็ได้ใช้สิทธิบัตรทองในการรักษา และส่วนเกินต่าง ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในสิทธิก็ได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนเด็กช่วยเหลือเกี่ยวกับค่ารักษากว่า 5 หมื่นบาท โดยผู้เป็นแม่ได้ใช้เงินจ่ายเองจำนวนไม่กี่หมื่นบาทเท่านั้น
ด้าน ดร.ขนิษฐา บูรณพันศักดิ์ หัวหน้านักสังคมสงเคราะห์ ได้เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางแพทย์ได้จำกัดการเยี่ยม พบว่าน้องมีอาการแข็งแรงไม่มีอาการผิดปกติเหมือนแต่ก่อน ทำให้แพทย์มีข้อสงสัยอยู่หลายประเด็น นอกจากนี้จากการซักประวัติผู้ป่วยของน้องยังพบว่ามีหลายประเด็นที่เชื่อไม่ได้ และเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องทางคดี โดยหลังจากแพทย์อนุญาตให้น้องกลับบ้านได้ น้องกลับมาอาการแบบเดิมทันที หลังจากติดต่อให้แม่มารับตัวกลับบ้าน ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลมากกว่านี้ได้ในขณะนี้