สิงคโปร์จ่อสอบสวน หลังพบคนใจร้าย ทิ้งลิงจิ๋ว-งูหลามบอล หลังแอบเลี้ยงแบบผิดกฎหมาย อึ้งลิงจิ๋วอยู่ในสภาพย่ำแย่ ป่วยจนต้องการุณยฆาต ส่วนงูถูกยัดใส่ถุง โยนทิ้งลงถังขยะ
วันที่ 10 มิถุนายน 2563 เว็บไซต์มาเธอร์ชิป รายงานว่า สมาคมวิจัยและศึกษาสัตว์ที่อยู่ในภาวะเสี่ยง (ACRES) ของสิงคโปร์ ได้ออกมาขอให้หน่วยงานอุทยานแห่งชาติสิงคโปร์ ทำการสอบสวนกรณีสัตว์เลี้ยงเอ็กโซติก ที่ลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย ถูกนำมาทิ้งไว้ถึง 2 ตัวในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยพบว่าสัตว์ตัวหนึ่งอยู่ในสภาพอาการไม่สู้ดี จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่จำต้องทำการการุณยฆาตบนพื้นฐานของมนุษยธรรม
รายงานเผยว่า ทีมช่วยเหลือสัตว์ป่าของ ACRES ได้รับแจ้งเหตุพบสัตว์ถูกทิ้งครั้งแรก เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม โดยมีคนพบ ลิงมาร์โมเสท ซึ่งเป็นลิงจิ๋วสายพันธุ์เล็กที่สุดในโลก อยู่บนต้นไม้ข้างถนนเกลัง ซึ่งหลังจากมีการช่วยเหลือมันมา เจ้าหน้าที่ก็ได้ส่งตัวลิงจิ๋วนี้ไปยังเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าสิงคโปร์ (WRS) เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พบว่าลิงมาร์โมเสทเพศผู้ตัวนี้อยู่ในสภาพไม่สู้ดีนัก มันป่วยและมีเนื้องอก รวมถึงมีอาการของโรคฟันและเหงือกในระดับปานกลางถึงรุนแรง ซึ่งด้วยสภาพอาการที่ย่ำแย่ของมัน ทำให้เจ้าหน้าที่จำต้องทำการการุณยฆาตเพื่อให้มันหลุดพ้นจากความทรมาน
จากนั้นในวันที่ 1 มิถุนายน ทีมช่วยเหลือสัตว์ป่าของ ACRES ก็ได้รับแจ้งเหตุพบงูหลามบอลถูกทิ้ง โดยคนงานทำความสะอาดพบงูหลามบอลตัวเป็น ๆ อยู่ในถุงพลาสติกสีขาวที่มัดปากถุงไว้ ภายในจุดทิ้งขยะ คนทำความสะอาดจึงได้แจ้งเรื่องไปยังตำรวจและสภาเมือง ซึ่งได้แจ้งเรื่องมายัง ACRES อีกต่อหนึ่ง
ด้าน อันบาราซี บูปัล รองหัวหน้าฝ่ายบริหารของ ACRES เผยว่า งูหลามบอล ซึ่งเป็นสายพันธุ์จากแอฟริกาตัวนี้ อาจถูกทิ้งไปกับขยะอื่น ๆ แล้ว หากคนทำความสะอาดไม่เห็นเข้าเสียก่อน เขามองว่าเป็นเรื่องไร้เหตุผลและโหดร้ายอย่างยิ่ง ที่มีคนนำสัตว์ซึ่งยังมีชีวิตใส่ถุงพลาสติก แล้วนำมาทิ้งลงถังขยะเช่นนี้
ขณะนี้งูตัวดังกล่าวอยู่ในความดูแลของ ACRES ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าสังเกตอาการต่อไป พร้อมกันนั้นทาง ACRES ยังได้รายงานเรื่องไปยังหน่วยงานอุทยานแห่งชาติ เพื่อทำการสอบสวนเพิ่มเติม
อนึ่ง
ตามกฎหมายของสิงคโปร์ พบว่าใครก็ตามที่มีสัตว์ป่าสายพันธุ์ต่าง ๆ
ที่อยู่ภายใต้อนุสัญญาไซเตส (CITES) ซึ่งมีการนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย
อยู่ในครอบครองหรือจำหน่าย จะมีความผิดและต้องรับโทษปรับเป็นเงินสูงสุด
50,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 1.1 ล้านบาท หรือจำคุกสูงสุด 2 ปี
หรือทั้งจำทั้งปรับ
