สับเละ ! สแกนไทยชนะขึ้น-ลงรถเมล์ วันแรก (11 มิ.ย.) ลั่นแค่ยืนทรงตัวบนรถยังยาก ยิ่งชั่วโมงเร่งด่วน ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ขสมก. ยอมถอย ใครไม่สะดวก ไม่ต้องสแกนคิวอาร์โค้ดแล้ว
ภาพจาก PhuchayHYBRID / Shutterstock.com
ภาพจาก i am EM / Shutterstock.com
วันที่ 11 มิถุนายน 2563 อมรินทร์ ทีวี รายงานว่า ในวันนี้เป็นวันแรกสำหรับการใช้มาตรการ "ขึ้นรถเมล์ สแกนไทยชนะ" ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 โดยให้ผู้โดยสารทุกคนสแกนคิวอาร์โค้ด (QR Code) แอปพลิเคชันไทยชนะ ภายในรถโดยสาร ขสมก. ทุกคัน รวมถึงที่ทำการ ขสมก. และขอความร่วมมือจากประชาชนสแกนเข้า-ออก ทุกครั้งที่ใช้บริการ
โดยทีมข่าวได้ลองขึ้นรถเมล์ ขสมก. สายหนึ่ง พบว่า คนขับรถเมล์จะเปิดประตูด้านหน้าให้ประชาชนมาใช้บริการขึ้น-ลง เพียงประตูเดียวเท่านั้น ส่วนเบาะที่นั่ง จะนำเชือกฟางสีแดงกั้นตรงที่นั่งติดกับทางเดิน ซึ่งจะให้ประชาชนนั่งติดบริเวณหน้าต่างเท่านั้น ส่วนข้างหลังเบาะที่นั่งผู้โดยสารจะมีคิวอาร์โค้ดไทยชนะติดไว้ให้ทุกเบาะ และมีจุดเส้นสีแดงให้กับคนที่ยืน โดยมีคิวอาร์โค้ดติดอยู่บริเวณประตู และด้านข้างของตัวรถให้สแกนเช่นกัน
จากการสอบถามผู้โดยสารบางส่วน แสดงความคิดเห็นว่า ตนให้ความร่วมมือกับมาตรการ แต่เท่าที่สังเกตเห็น บางคนก็ไม่ได้สแกน เพราะเป็นชั่วโมงเร่งด่วน และบางคนที่ยืนก็ไม่สะดวกในการสแกนสักเท่าไร ส่วนความคิดเห็นจากผู้คนในสังคมออนไลน์ ต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่า มาตรการนี้ใช้ไม่ได้จริง เพราะแค่ยืนทรงตัวบนรถเมล์เฉย ๆ ยังทำได้ยาก ยิ่งในเวลาเร่งด่วน ยิ่งเป็นไปไม่ได้
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก ข่าวนวัตกรรมขนส่ง เดลินิวส์ ระบุว่า นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ ขสมก. เปิดเผยว่า ผลการขอความร่วมมือผู้โดยสารช่วยสแกนคิวอาร์โค้ดแอปพลิเคชันไทยชนะ ได้รับรายงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เนื่องจาก ขสมก. เข้าใจปัญหาของผู้โดยสารที่ร้องเรียนถึงข้อขัดข้องต่าง ๆ และน้อมรับทั้งหมด จึงไม่ได้บังคับเพียงขอความร่วมมือเท่านั้น ดังนั้น ใครไม่สะดวกก็ไม่ต้องสแกนคิวอาร์โค้ด
นายประยูร กล่าวต่อว่า เท่าที่ได้รับรายงาน พบว่า ผู้ที่สแกนคิวอาร์โค้ดส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ส่วนที่ไม่มีสมาร์ตโฟนหรืออินเทอร์เน็ตก็ไม่ได้บังคับให้ลงชื่อหรือเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ เพราะเข้าใจปัญหาและความไม่สะดวกหากต้องสแกนขณะโดยสารรถเมล์ รวมทั้งช่วงขึ้น-ลงจากรถ สำหรับยอดผู้สแกนคิวอาร์โค้ดวันนี้ จะประสานกับธนาคารกรุงไทย เจ้าของบัญชีแอปพลิเคชันนี้ เพื่อสรุปจำนวนที่ชัดเจนในวันถัดไป
ด้าน นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า สำหรับผู้ใช้บริการรถเมล์ของ ขสมก. ที่ถือบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (แบบรายเที่ยว), บัตรโดยสารล่วงหน้าอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท และบัตรโดยสารนักเรียน - นักศึกษาอิเล็กทรอนิกส์ ที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว สามารถสแกนไทยชนะผ่านการชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสด บนเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EDC ของพนักงานเก็บค่าโดยสารได้ทันที โดยไม่ต้องใช้โทรศัพท์แบบสมาร์ตโฟน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ
ดังนั้น ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการ เปลี่ยนมาชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสดผ่านบัตรดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (แบบรายเที่ยว) ไม่มีค่าใช้จ่ายในการออกบัตรแต่อย่างใด
นายสุระชัย กล่าวเสริมว่า ประชาชนที่ไม่มีโทรศัพท์แบบสมาร์ตโฟน และไม่มีบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัตรโดยสารล่วงหน้าอิเล็กทรอนิกส์ ยังสามารถใช้บริการรถเมล์ของ ขสมก. ได้ตามปกติ ทาง ขสมก. ไม่ได้บังคับให้สแกนคิวอาร์โค้ดเพียงขอความร่วมมือเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) อย่างเคร่งครัด ได้แก่ การสวมหน้ากากอนามัย ทุกครั้ง ขณะใช้บริการรถเมล์การนั่งและยืนตามจุดที่กำหนด ซึ่งรถเมล์ 1 คัน อนุญาตให้ผู้ใช้บริการยืนได้ไม่เกิน 10 คน กรณีผู้ใช้บริการเต็ม ต้องรอใช้บริการรถเมล์คันถัดไป เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค Covid 19
ขอบคุณข้อมูลจาก อมรินทร์ ทีวี, ข่าวนวัตกรรมขนส่ง เดลินิวส์
ภาพจาก PhuchayHYBRID / Shutterstock.com
ภาพจาก i am EM / Shutterstock.com
โดยทีมข่าวได้ลองขึ้นรถเมล์ ขสมก. สายหนึ่ง พบว่า คนขับรถเมล์จะเปิดประตูด้านหน้าให้ประชาชนมาใช้บริการขึ้น-ลง เพียงประตูเดียวเท่านั้น ส่วนเบาะที่นั่ง จะนำเชือกฟางสีแดงกั้นตรงที่นั่งติดกับทางเดิน ซึ่งจะให้ประชาชนนั่งติดบริเวณหน้าต่างเท่านั้น ส่วนข้างหลังเบาะที่นั่งผู้โดยสารจะมีคิวอาร์โค้ดไทยชนะติดไว้ให้ทุกเบาะ และมีจุดเส้นสีแดงให้กับคนที่ยืน โดยมีคิวอาร์โค้ดติดอยู่บริเวณประตู และด้านข้างของตัวรถให้สแกนเช่นกัน
จากการสอบถามผู้โดยสารบางส่วน แสดงความคิดเห็นว่า ตนให้ความร่วมมือกับมาตรการ แต่เท่าที่สังเกตเห็น บางคนก็ไม่ได้สแกน เพราะเป็นชั่วโมงเร่งด่วน และบางคนที่ยืนก็ไม่สะดวกในการสแกนสักเท่าไร ส่วนความคิดเห็นจากผู้คนในสังคมออนไลน์ ต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่า มาตรการนี้ใช้ไม่ได้จริง เพราะแค่ยืนทรงตัวบนรถเมล์เฉย ๆ ยังทำได้ยาก ยิ่งในเวลาเร่งด่วน ยิ่งเป็นไปไม่ได้
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก ข่าวนวัตกรรมขนส่ง เดลินิวส์ ระบุว่า นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ ขสมก. เปิดเผยว่า ผลการขอความร่วมมือผู้โดยสารช่วยสแกนคิวอาร์โค้ดแอปพลิเคชันไทยชนะ ได้รับรายงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เนื่องจาก ขสมก. เข้าใจปัญหาของผู้โดยสารที่ร้องเรียนถึงข้อขัดข้องต่าง ๆ และน้อมรับทั้งหมด จึงไม่ได้บังคับเพียงขอความร่วมมือเท่านั้น ดังนั้น ใครไม่สะดวกก็ไม่ต้องสแกนคิวอาร์โค้ด
นายประยูร กล่าวต่อว่า เท่าที่ได้รับรายงาน พบว่า ผู้ที่สแกนคิวอาร์โค้ดส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ส่วนที่ไม่มีสมาร์ตโฟนหรืออินเทอร์เน็ตก็ไม่ได้บังคับให้ลงชื่อหรือเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ เพราะเข้าใจปัญหาและความไม่สะดวกหากต้องสแกนขณะโดยสารรถเมล์ รวมทั้งช่วงขึ้น-ลงจากรถ สำหรับยอดผู้สแกนคิวอาร์โค้ดวันนี้ จะประสานกับธนาคารกรุงไทย เจ้าของบัญชีแอปพลิเคชันนี้ เพื่อสรุปจำนวนที่ชัดเจนในวันถัดไป
ด้าน นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า สำหรับผู้ใช้บริการรถเมล์ของ ขสมก. ที่ถือบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (แบบรายเที่ยว), บัตรโดยสารล่วงหน้าอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท และบัตรโดยสารนักเรียน - นักศึกษาอิเล็กทรอนิกส์ ที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว สามารถสแกนไทยชนะผ่านการชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสด บนเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EDC ของพนักงานเก็บค่าโดยสารได้ทันที โดยไม่ต้องใช้โทรศัพท์แบบสมาร์ตโฟน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ
ดังนั้น ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการ เปลี่ยนมาชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสดผ่านบัตรดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (แบบรายเที่ยว) ไม่มีค่าใช้จ่ายในการออกบัตรแต่อย่างใด
นายสุระชัย กล่าวเสริมว่า ประชาชนที่ไม่มีโทรศัพท์แบบสมาร์ตโฟน และไม่มีบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัตรโดยสารล่วงหน้าอิเล็กทรอนิกส์ ยังสามารถใช้บริการรถเมล์ของ ขสมก. ได้ตามปกติ ทาง ขสมก. ไม่ได้บังคับให้สแกนคิวอาร์โค้ดเพียงขอความร่วมมือเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) อย่างเคร่งครัด ได้แก่ การสวมหน้ากากอนามัย ทุกครั้ง ขณะใช้บริการรถเมล์การนั่งและยืนตามจุดที่กำหนด ซึ่งรถเมล์ 1 คัน อนุญาตให้ผู้ใช้บริการยืนได้ไม่เกิน 10 คน กรณีผู้ใช้บริการเต็ม ต้องรอใช้บริการรถเมล์คันถัดไป เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค Covid 19
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก อมรินทร์ ทีวี, ข่าวนวัตกรรมขนส่ง เดลินิวส์