หนึ่งวันสำคัญของคนเลิฟอาหารญี่ปุ่นนั่นก็คือ "วันซูชิสากล" ตรงกับวันที่ 18 มิถุนายน เพื่อเชิญชวนให้คนรักซูชิได้มากินซูชิอร่อย ๆ สร้างความสุขให้ตัวเองกัน
วันซูชิสากล (International Sushi Day) คือวันที่ 18 มิถุนายน ของทุกปี เกิดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 2009 หรือ พ.ศ. 2552 เพื่อเชิญชวนให้ผู้คนทั่วโลกลิ้มลองเมนูซูชิกันดู แม้ว่าจะเป็นเมนูมีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่นก็ตาม โดยประวัติของซูชิเริ่มจากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ผู้คนนิยมเอาปลามาหมักกับข้าว ซึ่งแรกเริ่มแพร่หลายในประเทศจีนและญี่ปุ่น ตามลำดับ
กิจกรรมวันซูชิสากล
1. สร้างสรรค์ซูชิด้วยตัวเอง
เริ่มจากการไปจ่ายตลาดซื้อส่วนผสมและอุปกรณ์สำหรับทำซูชิและทำกินเอง ไม่แน่ว่าอนาคตคุณอาจเป็นเชฟซูชิผู้มีชื่อเสียงก็เป็นได้
2. ให้ของขวัญเป็นซูชิ
ลองทำซูชิให้กับคนที่คุณรักหรือเพื่อนรักดูสิ รับรองว่าคุณจะมีความสุขกับการให้ และคนรับต้องยิ้มแก้มปริแน่นอนค่ะ
3. ไปนั่งกินซูชิให้มีความสุขกันเถอะ
ลองหาเวลาว่างไปนั่งกินซูชิในร้านอาหารสุดโปรด หรือไปซื้อซูชิมานั่งกินที่บ้านก็รู้สึกดีไม่น้อยเลยล่ะ
เหตุผลที่คนหลงรักซูชิ
1. หน้าหลากหลาย
ซูชิมีให้เลือกหลากหลายหน้าและรสชาติ โดยคุณสามารถเลือกทำหรือเลือกซื้อได้ มีทั้งหน้าซีฟู้ด ไข่ สาหร่าย และหน้าอื่น ๆ ราดซอสโชยุและจิ้มวาซาบิถ้าชอบ
2. เพื่อสุขภาพ
อาจพูดไมได้เต็มปากว่าซูชิเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ แต่เราสามารถเลือกกินซูชิปลา ซูชิทูน่า หรือซูชิไส้ผัก แม้ว่ามีส่วนผสมของข้าว แต่มันก็ให้พลังงานที่จำเป็นต่อร่างกาย
3. มีหลากหลายรสชาติ
สาวกซูชิเลิฟเว่อร์คงไม่มีวันเบื่อแน่นอน เพราะซูชิมีหลายรสชาติ รวมทั้งมีซอสหลากหลายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นโชยุ วาซาบิ มายองเนส เป็นต้น
ประวัติซูชิ
"ซูซิ" เป็นคำเรียกอาหารประเภทข้าวกับปลาของชาวญี่ปุ่น ที่ผ่านการหมักน้ำส้มสายชูเพื่อถนอมอาหารให้มีอายุได้นานขึ้น ซึ่งอาหารชนิดนี้ก็มีมาหลายร้อยปีแล้ว แถมยังมีข้อสันนิษฐานไว้อีกด้วยว่า เป็นสไตล์การกินของหมักจากชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างประเทศไทยและประเทศลาวนั่นเอง
แต่ถึงอย่างนั้นเหตุผลที่ซูซิเป็นอาหารยอดนิยมอย่างหนึ่งของคนทั้งโลกได้ก็เพราะรสชาติของ ข้าวญี่ปุ่น ที่เหนียวนุ่ม หมักกับน้ำส้มสายชู วางทับหน้าด้วยปลาดิบที่แล่มาสด ๆ ร้อน ๆ ซึ่งในยุคนั้นซูชิมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ
- ซูชิรูปแบบคันไซ (Kansai Style) มีต้นกำเนิดจากจังหวัดโอซากา ต้นแบบของ "โอชิซูชิ" ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
- ซูชิรูปแบบเอโดะ (Edo Style) มาจากโตเกียว ที่มาของ "นิงิริซูชิ" อันโด่งดังในทุกวันนี้นั่นเองค่ะ
จนเมื่อศตวรรษที่ 18 คุณโยเฮอิ (Yohei) พ่อครัวชาวญี่ปุ่น ได้คิดค้นซูซิรูปแบบใหม่ขึ้นมา โดยดัดแปลงให้มีความสด สะอาด และรสชาติถูกปากคนในยุคปัจจุบันมากขึ้น ส่งผลให้ซูชิเป็นหนึ่งในอาหารของครัวโลกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซูชิมีอะไรบ้าง ?
1. นิงิริซูชิ (Nigiri Sushi)
ข้าวปั้นเป็นรูปวงรี มีปลาดิบ ปลาหมึกสด วางอยู่ด้านบน และอาจจะมีสาหร่ายวางตกแต่งทับบนเนื้อปลาเพื่อเพิ่มรสชาติด้วยก็ได้ ซึ่งถือว่านิงิริซูชิเป็นซูชิยอดนิยมอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ค่ะ
2. มากิซูชิ (Maki Sushi)
ข้าวห่อสาหร่ายที่ฮอตไม่แพ้นิงิริซูชิ สามารถทำออกมาได้ถึง 3 แบบด้วยกัน คือ ห่อข้าวด้วยสาหร่าย กลับเอาสาหร่ายม้วนเข้าไปไว้ในข้าวปั้น หรือห่อสาหร่ายเป็นรูปกรวย แล้วสอดไส้ข้าวไว้ด้านใน
3. ชิราชิซูชิ (Chirashi Sushi)
ถือว่าเป็นซูชิที่ทำง่ายที่สุด เพียงแค่จัดปลาดิบ กุ้ง ปลาหมึกสด และผัก วางเรียงบนข้าวที่ใส่ในกล่องอย่างเรียบร้อย
4. โอชิซูชิ (Oshi Sushi)
ซูชิแบบดั้งเดิมที่ดัดแปลงเครื่องเล็กน้อย ซูชิสไตล์นี้จะอัดข้าวปั้นลงในพิมพ์รูปสี่เหลี่ยม จากนั้นจึงหั่นให้มีขนาดพอดีคำ แล้ววางเนื้อปลาดิบไว้ด้านบนสุด
5. อินะริซูชิ
หรือซูชิเต้าหู้ทอด ที่นำข้าวปั้นสอดไส้ไปในเต้าหู้ อาจจะกินแกล้มกับสาหร่ายและไข่ม้วนก็ได้
หากใครที่อยากลองทำซูชิกินเองที่บ้านสามารถเข้าไปดูส่วนผสมและวิธีทำได้ที่ 10 เมนูซูชิโฮมเมด ตำรับญี่ปุ่นทำง่ายดั่งใจอร่อยคำโต มีมากมายให้เลือกจิ้มเลยค่ะ
พอเอ่ยถึงซูชิก็น้ำลายไหลตาม ๆ กันไปเลยใช่ไหมคะ สำหรับใครที่รู้สึกอยากกินก็จัดเลยค่ะ จะแวะไปหาร้านซูชิสุดโปรดหรือจะไปหาซื้อวัตถุดิบมาทำกินเองก็ได้ ขอให้มีความสุขในวันซูชิสากลกันทุกคนเลยนะคะ
