อธิบดีกรมทางหลวง แจงปมดราม่า ศาลาริมทาง 518 ล้าน ชี้ปรับปรุงถนนใหม่ ไม่เหลือที่ว่างสร้างศาลา จึงกลายเป็นเหมือนป้ายรถเมล์ สั่งให้แก้ไขแล้ว

ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมทางหลวง
จากกรณีข่าวร้อนที่ตกเป็นที่วิจารณ์ไปทั่วประเทศ กรณีที่ชาวบ้านใน จ.ศรีสะเกษ ร้องเรียนเรื่องการสร้าง ศาลาริมทาง ที่มีขนาดเล็กกว่าเดิมที่เป็นอาคาร ไม่สามารถใช้กันแดดกันฝนได้ เพราะรูปร่างหน้าตาเหมือนกับ ป้ายรถเมล์ โดยสังคมได้วิจารณ์อย่างหนัก เพราะศาลาริมทางนี้ ใช้งบประมาณมากถึง 518 ล้านบาท !
(อ่านข่าว - ชาวบ้านศรีสะเกษวิจารณ์หนัก ศาลาริมทาง งบ 518 ล้าน แต่ใช้หลบแดด-ฝนไม่ได้)

ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมทางหลวง
จากการตรวจสอบข้อมูลจากสำนักก่อสร้างทางที่ 2 ทราบว่า ศาลาริมทางดังกล่าวอยู่ในโครงการก่อสร้างขยายทางเป็น 4 ช่องจราจร ทางหลวงหมายเลข 220 จริง โดยงานก่อสร้างเริ่มต้นสัญญาตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 งานแล้วเสร็จในวันที่ 12 มิถุนายน 2563 (เสร็จก่อนสัญญา) และได้ส่งมอบพื้นที่ให้แขวงทางหลวงศรีสะเกษที่ 1 ดูแลรักษาต่อไป

ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมทางหลวง
ส่วนสาเหตุที่มีการก่อสร้างศาลาริมทางในลักษณะดังกล่าว มีการชี้แจงว่า ถนนสายดังกล่าวแบ่งรูปแบบการก่อสร้างเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่มีเขตทาง 30 เมตร และ 40 เมตร โดยช่วงเขตทาง 30 เมตร เมื่อก่อสร้างเป็นทางหลวง 4 ช่องจราจร เกาะกลางแบบยกกว้าง 3 เมตร แล้ว จะเหลือพื้นที่จากไหล่ทางจนถึงเขตทางหลวงเพียง 4 เมตรพื้นที่เพียง 4 เมตร ไม่สามารถก่อสร้างช่องจอดรถ และศาลาทางหลวงแบบเดิมที่มีความกว้างประมาณ 6.25 เมตร ได้ จึงจำเป็นต้องก่อสร้างที่พักผู้โดยสารเป็นรูปแบบตามที่ปรากฏอยู่ โดยมีความกว้างประมาณ 2.50 เมตร เท่านั้น เพื่อให้ไม่เลยออกนอกเขตทาง
ส่วนช่วงเขตทาง 40 เมตร เมื่อขยายถนนเป็น 4 ช่องจราจร เกาะกลางแบบยกกว้าง 4.2 เมตร พร้อมช่องจอดรถโดยสาร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการจอดรับผู้โดยสารแล้ว จะเหลือพื้นที่ก่อสร้างที่พักผู้โดยสารกว้างประมาณ 4.4 เมตร ซึ่งก็ไม่สามารถก่อสร้างศาลาทางหลวงแบบเดิมที่มีความกว้างประมาณ 6.25 เมตร ได้เช่นกัน
นายสราวุธ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้แก้ไขปรับปรุงแล้ว เพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยให้มีการทำกันสาดเพิ่มเติมทั้งด้านหน้า ด้านหลัง เพื่อกันแดดกันฝน รวมทั้งการปรับปรุงพื้นที่โดยรอบให้ดูร่มรื่นขึ้น
ส่วนประเด็นที่มีการแชร์ภาพศาลา จุดรอรถโดยสารของหมู่บ้าน ที่มีการก่อสร้างใหม่นั้น จุดดังกล่าวเดิมมีศาลาที่ใช้งานมานานกว่า 10 ปี แต่ช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 ศาลาหลังเดิมของชาวบ้านโดนลมพายุพัดพังลงมา ชาวบ้านจึงร่วมกันสร้างศาลาขึ้นมาใหม่แทนหลังเดิมที่พังลง
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก กรมทางหลวง