คลิปอึ้ง นาทีมนุษย์ป้า ไอใส่หน้าเด็ก 1 ขวบ แม่ช็อกรับไม่ได้ ลูกฉันทำอะไรผิด

          เปิดคลิปช็อก นาทีมนุษย์ป้าเหยียดเชื้อชาติ ถอดแมสก์ ไอใส่หน้าเด็ก 1 ขวบ แม่เด็กตะลึงรับไม่ได้ เชื่อทำไปเพราะไม่พอใจที่ได้ยินพูดภาษาสเปน

         เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2563 เอ็นบีซี รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐอเมริกากำลังเร่งติดตามล่าตัว หญิงผิวขาว อายุประมาณ 60 ปี หลังจากกระทำการสุดช็อก ถอดหน้ากากอนามัยแล้วไอใส่หน้าเด็ก 1 ขวบ ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร

         เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ร้านขายโยเกิร์ตชื่อดังแห่งหนึ่ง ริมถนนคอตเทิล ในเมืองซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยในวันที่ 21 มิถุนายน มิเรยา โมรา พาลูกชาย วัย 1 ขวบ เข้าไปใช้บริการ และรอต่อแถวโดยเว้นระยะห่างตามกฎ Social Distancing เธอสวมใส่หน้ากากอนามัย ส่วนลูกชายอยู่ในรถเข็นเด็ก คนที่ยืนรอต่อคิวอยู่ข้างหน้าเธอคือกลุ่มคนผิวขาว ส่วนเธอและลูกมีเชื้อสายละตินอเมริกา

         มิเรยา เปิดเผยกับ เอบีซี อีกว่า ตอนแรกทุกอย่างก็ปกติ จนกระทั่งตนพูดกับยายเป็นภาษาสเปน ป้ารายนี้ก็หันขวับมาแล้วแสดงท่าทางรังเกียจ บอกให้ตนถอยออกไปห่าง ๆ พร้อมกับเริ่มพูดจาหยาบคาย

         ป้ายังพูดอีกว่า "แกไม่รู้หรอกว่าฉันพูดอะไร เพราะแกคงพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ด้วยซ้ำ" และหลังจากพูดจบ มนุษย์ป้ารายนี้ก็เดินเข้ามาใกล้รถเข็นลูกชายของมิเรยา ถอดหน้ากากออกและก้มลงไอใส่หน้าเด็กแรงมาก 3 ครั้ง ก่อนจะรีบเดินหนีไป

         มิเรยาตกใจมาก รีบปิดฝากั้นรถเข็นลูกของเธอทันที แต่ละอองน้ำลายของป้าลงมาเต็มหน้าลูกของเธอไปแล้ว

          "ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ป้าเดินมาถอดหน้ากากแล้วไอใส่หน้าลูกฉันแรง ๆ 3 ครั้ง แล้วรีบเดินออกไป ฉันเชื่อว่าป้าเป็นคนเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติค่ะ เพราะฉันกับยายมีเชื้อสายคนละตินอเมริกา ป้าคงไม่พอใจที่ได้ยินฉันพูดภาษาสเปน เลยมาลงที่เด็ก ซึ่งฉันบอกได้เลยว่าตั้งใจทำ ไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอน" มิเรยา กล่าว

          คุณแม่ยังสาวเปิดเผยทั้งน้ำตาอีกว่า หลังเกิดเหตุ ตนเองและลูกเครียดมาก นอนไม่หลับมาตลอดระยะเวลา 10 วัน ลูกชายมีอาการตกใจและหวาดผวา ร้องไห้ตอนกลางดึกทุกคืน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แค่เคราะห์ดีที่เธอและลูกไม่มีอาการป่วยใด ๆ ที่เข้าข่ายว่าเป็นโรคโควิด 19
 
          ล่าสุดตำรวจได้เผยแพร่คลิปจากกล้องวงจรปิด พร้อมวอนประชาชนให้ช่วยตามหาหญิงรายนี้ เพราะเป็นการกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้และผิดกฎหมาย


ขอบคุณข้อมูลจาก NBC Bay Area, ABC