พนักงานองค์การค้า สกสค. วอน พล.อ. ประยุทธ์ และผู้บริหาร ทบทวนคำสั่งเลิกจ้างพนักงาน 961 ราย ไม่เชื่อขาดทุน 15 ปี เผยปัญหาเกิดขึ้น หลังรัฐบาลส่งคนเข้ามาบริหารจัดการ
จากกรณี องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เลิกจ้างพนักงาน 961 คน ทำให้พนักงานเดือดร้อนกันอย่างมาก บางคนถึงขั้นเป็นลมแบบล้มทั้งยืน ไม่รู้จะเดินหน้าต่ออย่างไร โดยทาง สกสค. ให้เหตุผลว่า ประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลามากกว่า 15 ปีนั้น
อ่านข่าว : องค์การค้าของ สกสค. สั่งเลิกจ้างพนักงาน 961 ราย หลังขาดทุนต่อเนื่อง 15 ปี
อ่านข่าว : ลูกจ้าง สกสค. เป็นลมล้มทั้งยืน หลังถูกเลิกจ้างฟ้าผ่า 961 ราย กรีดร้องสุดเสียง
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
ล่าสุด (2 กรกฎาคม 2563) ข่าวช่องวัน รายงานว่า สหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา เปิดประชุมวิสามัญ โดยมีพนักงานที่ถูกเลิกจ้างหลายร้อยคนเดินทางมาร่วมการประชุมเพื่อขอมติว่า สหภาพแรงงานฯ จะดำเนินการขอให้บอร์ดบริหาร สกสค. และผู้บริหารขององค์การค้า สกสค. ยกเลิกคำสั่งเลิกจ้างพนักงาน และให้กลับไปทำหน้าที่ตามปกติ
ภาพจาก รัฐบาลไทย
โดย นายนิวัติชัย แจ้งไพร ประธานสหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา และนายอารีย์ สืบวงศ์ ที่ปรึกษาสหภาพแรงงานฯ ระบุว่า องค์การอ้างว่าขาดทุนสะสมมานานหลายปี แต่ข้อเท็จจริงที่ผู้ใหญ่ในประเทศทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ไม่เคยออกมาพูดคือ ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในองค์การ หลังรัฐบาลส่งคนเข้ามาบริหารจัดการ
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
ข้ออ้างที่บอกว่าองค์การขาดทุนนั้น ขอชี้แจงว่าองค์การค้ามีภารกิจและรายได้หลักจากการค้าสิ่งพิมพ์ และขายหนังสือแบบเรียนต้นฉบับของ สสวท. และ สพฐ. ซึ่งรายได้ตรงนี้ถือเป็นรายได้ที่แน่นอน ไม่ควรขาดทุน แต่มีปัญหาที่เกิดการนำงานไปว่าจ้างเอกชนภายนอกพิมพ์ โดยคิดค่าจ้างเป็น 2 เท่า แต่ส่งหนังสือขายในราคาต่ำกว่าทุน การกระทำลักษณะนี้เป็นการเปิดช่องว่างให้เกิดการทุจริต กระทั่งองค์การขาดสภาพคล่องทางการเงิน และแก้ไขปัญหาด้วยการเลิกจ้างพนักงานเกือบ 1,000 ชีวิต เพื่อลดค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ ประธานสหภาพแรงงานฯ มองว่าองค์การค้ายังสามารถไปต่อได้ หากมีผู้บริหารที่ดี จึงควรเปิดโอกาสให้พนักงานกลับไปทำงานเช่นเดิม พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง ทบทวนและตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ออกมาให้เหตุผลว่า องค์การค้าขาดทุนสะสมมาหลายปี จึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อให้อยู่รอด ไม่ให้กระทบกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูและองค์กรอื่น ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่องวัน
จากกรณี องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เลิกจ้างพนักงาน 961 คน ทำให้พนักงานเดือดร้อนกันอย่างมาก บางคนถึงขั้นเป็นลมแบบล้มทั้งยืน ไม่รู้จะเดินหน้าต่ออย่างไร โดยทาง สกสค. ให้เหตุผลว่า ประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลามากกว่า 15 ปีนั้น
อ่านข่าว : องค์การค้าของ สกสค. สั่งเลิกจ้างพนักงาน 961 ราย หลังขาดทุนต่อเนื่อง 15 ปี
อ่านข่าว : ลูกจ้าง สกสค. เป็นลมล้มทั้งยืน หลังถูกเลิกจ้างฟ้าผ่า 961 ราย กรีดร้องสุดเสียง
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
ล่าสุด (2 กรกฎาคม 2563) ข่าวช่องวัน รายงานว่า สหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา เปิดประชุมวิสามัญ โดยมีพนักงานที่ถูกเลิกจ้างหลายร้อยคนเดินทางมาร่วมการประชุมเพื่อขอมติว่า สหภาพแรงงานฯ จะดำเนินการขอให้บอร์ดบริหาร สกสค. และผู้บริหารขององค์การค้า สกสค. ยกเลิกคำสั่งเลิกจ้างพนักงาน และให้กลับไปทำหน้าที่ตามปกติ
ภาพจาก รัฐบาลไทย
โดย นายนิวัติชัย แจ้งไพร ประธานสหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา และนายอารีย์ สืบวงศ์ ที่ปรึกษาสหภาพแรงงานฯ ระบุว่า องค์การอ้างว่าขาดทุนสะสมมานานหลายปี แต่ข้อเท็จจริงที่ผู้ใหญ่ในประเทศทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ไม่เคยออกมาพูดคือ ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในองค์การ หลังรัฐบาลส่งคนเข้ามาบริหารจัดการ
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
ข้ออ้างที่บอกว่าองค์การขาดทุนนั้น ขอชี้แจงว่าองค์การค้ามีภารกิจและรายได้หลักจากการค้าสิ่งพิมพ์ และขายหนังสือแบบเรียนต้นฉบับของ สสวท. และ สพฐ. ซึ่งรายได้ตรงนี้ถือเป็นรายได้ที่แน่นอน ไม่ควรขาดทุน แต่มีปัญหาที่เกิดการนำงานไปว่าจ้างเอกชนภายนอกพิมพ์ โดยคิดค่าจ้างเป็น 2 เท่า แต่ส่งหนังสือขายในราคาต่ำกว่าทุน การกระทำลักษณะนี้เป็นการเปิดช่องว่างให้เกิดการทุจริต กระทั่งองค์การขาดสภาพคล่องทางการเงิน และแก้ไขปัญหาด้วยการเลิกจ้างพนักงานเกือบ 1,000 ชีวิต เพื่อลดค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ ประธานสหภาพแรงงานฯ มองว่าองค์การค้ายังสามารถไปต่อได้ หากมีผู้บริหารที่ดี จึงควรเปิดโอกาสให้พนักงานกลับไปทำงานเช่นเดิม พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง ทบทวนและตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ออกมาให้เหตุผลว่า องค์การค้าขาดทุนสะสมมาหลายปี จึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อให้อยู่รอด ไม่ให้กระทบกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูและองค์กรอื่น ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่องวัน