ลุงพล เผชิญหน้า พ่อตา-แม่ยาย ท้าทุกคนสาบานให้ตายโหงตาม น้องชมพู่-เข้าเครื่องจับเท็จ ด้านแม่ยาย เคลียร์ปมแม่น้องชมพู่ไม่ขึ้นเขาหาลูก เพราะตัวเองเป็นคนสั่งห้าม
![ภาพข่าว คดีน้องชมพู่ ภาพข่าว คดีน้องชมพู่]()
รายการโหนกระแส วันที่ 9 กรกฎาคม 2563 "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 วันนี้ลงพื้นที่บ้านกกกอก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ด้วยตัวเอง เพื่อเคลียร์ข้อคาใจคดี "น้องชมพู่" กันพร้อมหน้า โดยเปิดใจสัมภาษณ์ ลุงพล, ป้าแต๋น เมียลุงพล, ตา-ยาย น้องชมพู่ และ นริน ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยอีกคน
วันนี้มุมลูกสาว แม่ชมพู่ สงสัยลุงพล มองยังไง ยายสงสัยไหม ?
ยาย : ไม่สงสัย ปกติ
ตา : จากใจเลย ไม่สงสัย
แล้วทำไมลูกสาวถึงสงสัย ?
ตา : อันนี้ไม่รู้
เขาบอกไทม์ไลน์คือเวลาลุงพลจากบ้านไปวัดไปรับพระ หายไปประมาณ 30-40 นาที ?
ลุงพล : ถ้าไทม์ไลน์ที่ออกสื่อไป ออกจากสวนยาง 09.22 น. ระหว่างผมเดินทางมาถึงบ้าน ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ระบุเวลาชัดเจนว่าใช้เวลาในการเดินทางเท่าไหร่ ผมบอกว่าน่าจะประมาณ 09.30 น. ถึงบ้าน หลังจากนั้นมีการตรวจเช็กของในบ้าน มีการเปลี่ยนเสื้อผ้า ดูโน่นนี่บ้าง เวลาต่าง ๆ อยู่ตรงนั้น แล้วเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ผมระบุเวลาให้ชัดเจน บอกให้หมด พูดง่าย ๆ ถ้าจำอะไรได้ให้บอกให้หมด ผมก็ระบุเวลาเพื่อเป็นสำนวนการให้ปากคำ ผมเชื่อว่าวันที่ผมอยู่ที่บ้าน ป้าแต๋นก็อยู่ กรณีที่แม่เขาสงสัยเรื่องเวลา ป้าแต๋นก็เป็นพยาน
ป้าแต๋นอยู่ด้วยไหม ?
ป้าแต๋น : จ้ะ เห็นอยู่จ้ะ
ลุงพล : ถ้าเป็นการอาบน้ำ 2 ขันตามที่แม่เขากล่าวอ้าง มาทำให้ดูหน่อยว่าอาบน้ำ 2 ขันเป็นยังไง เป็นไปไม่ได้หรอก อาบน้ำ 2 ขันจะทั่วตัวไหม ผมไปต่างจังหวัดรับพระ ฟันก็ต้องแปรง ทำอะไรบ้างต่าง ๆ
พระบอก 10 โมง ?
ลุงพล : พระอธิการบุญมายืนอยู่ที่ครัวกลาง ไม่มีมือถือ มือถือท่านอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ นาฬิกาข้อมือก็ไม่มี นาฬิกาดิจิทัลของท่านติดอยู่ศาลาการเปรียญ ใหญ่ขนาดไหนก็มองไม่เห็น เพราะอยู่คนละมุม
แล้วท่านพูดได้ไง ?
ลุงพล : ผมไม่ได้ลบหลู่ท่านนะครับ ถ้าเรื่องแบบนี้คอขาดบาดตาย การที่สื่อไปสัมภาษณ์ตามที่เจ้าหน้าที่ไปขอคำให้การ อะไรที่ท่านไม่แน่ใจ ท่านควรบอกว่าไม่แน่ใจ แต่ท่านยังยืนยันว่าผมรู้ว่าชมพู่หาย
วันที่ 11 เจอนายวัชรินทร์กี่โมง เพราะให้การไม่ตรงกัน ?
ลุงพล : ผมขอพูดตรงนี้เลยว่าผมเห็นเขาช่วงวันที่ 10 หรือ 11 ผมไม่แน่ใจ ผมเลยไม่ได้ให้ปากคำเจ้าหน้าที่ว่าเจอเขา พอผมไปถามนายวัชรินทร์ เขาบอกว่าได้คุยกับผม แต่ผมจำไม่ได้ว่าวันไหน แต่เป็นเวลาตอนเช้า ผมเจอเขา นายวัชรินทร์ไปให้ปากคำว่าผมใช้เวลาคุยกับเขา เวลา 09.20 น. ซึ่งเขาก็มีพยาน แต่นายวัชรินทร์เดินออกมาจากบ้าน ไม่ได้เดินออกมาจากสวนยาง วันนั้นนายวัชรินทร์คุยกับผม น้องโอมเอาโทรศัพท์มาให้ผมว่าหัวหน้ากล่อมให้ไปดูเครื่องหยอดข้าวให้ ซึ่งวันนั้นจำเวลา จำเหตุการณ์ไม่ได้ เลยไม่ได้ให้ปากคำเจ้าหน้าที่ ผมเจอนายวัชรินทร์ประมาณ 7 โมงกว่า
ตา ยายว่าไง ?
ยาย : ก็ไม่รู้กับเขา เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เราไม่เห็นกับตา
ตา : เราไม่เห็นลุงพล ไม่เห็นวัชรินทร์คุยกัน
ลุงพล : เขาไม่เห็นไงครับ ก็ไม่สามารถเป็นพยานให้ได้
ป้าแต๋นอึดอัดไหม ?
ป้าแต๋น : ตอนนี้โล่งมากกว่า ทุกครั้งที่ตำรวจมาค้นบ้าน มาบ่อย ๆ เรามั่นใจทุกอย่างว่าไม่ได้ทำ ตำรวจมาบ้านเราบ่อย มาสอบปากคำบ่อย เล็งมาที่เรา มาถามยายอยู่ว่าทำไมตำรวจถึงมาที่เราบ่อย ๆ เป็นยังไง ยายก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน เราก็สงสัยไม่ไปค้นคนอื่นเหมือนบ้านเรา ผ้า กระสอบอะไรก็เอาไปหมด แล้วมาล้อมบ้านเรา คนอื่นที่เขาสงสัยไม่เห็นไปล้อมบ้าน เรากังวลและคิดอยู่ตลอดว่าทำไมเป็นแบบนั้น จนกระทั่งวันที่น้องบอกว่าสงสัยลุง แล้วทำไมเพิ่งมาบอกเรา มาบอกตอนนี้
ทำไมถอนใจ ท้อใจเหรอ ?
ป้าแต๋น : มันแย่
ลุงพล : เขาเป็นพี่สาวที่รักน้องมาก ยอมน้องทุกอย่าง ไม่ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรในครอบครัวเขาจะถอยก้าวหนึ่งเสมอ
ป้าแต๋น : ทุกครั้งที่ตำรวจมาสอบปากคำป้าที่บ้านหรือที่สถานีตำรวจ เขาจะพูดว่าสงสัยน้องไหม ทำไมขึ้นเขาไม่ขึ้น ทำไมต้องฝากกระเป๋าลุง ป้าเลยบอกว่าอะไรก็ตาม ป้าไม่มีทางคิดกับน้อง สงสัยก็สงสัยแต่ไม่มีทางคิดกับน้อง
ตำรวจถามว่าสงสัยน้องบ้างไหมเหรอ ?
ป้าแต๋น : ใช่ แต่ป้าให้คำคำเดียวว่าถึงจะสงสัยอะไร แต่ป้าไม่เคยพูดเลย (ร้องไห้) ไม่เคยสงสัยน้องเลย (ร้องไห้) ลุงทำทุกอย่างทั้งวิ่งเต้น ทุกอย่าง
ลุงพลสนิทกับชมพู่ไหม ?
ป้าแต๋น : สนิทกับป้ามากกว่า ป้ามารับชมพู่ น้องก็ไปกับป้า แต่เขาจะถามหาลุงก่อน แต่ไม่ได้มาเล่นกับลุงนะ แต่ที่ไปกับลุงเพราะลุงพาขับรถไปเที่ยว แล้วไม่ได้ไปคนเดียว เราไปกันเป็นครอบครัว สะดิ้งก็ไปด้วย ไม่เคยไปพลการเลย ที่ชอบลุงเพราะลุงพาไปเที่ยว
พ่อแม่ไม่พาไปเที่ยวเหรอ ?
ลุงพล : เขาไม่มีรถยนต์ครับ เราอยู่กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ลุงไปเที่ยวเขาก็ไปด้วยกัน
วันที่มาคุยกันที่ช่อง 3 ลุงบอกว่าลุงกำลังจะขึ้นไปหาน้อง แล้วปรากฏว่าพ่อน้องเอาเป้ฝากลุงไป มีตัวละครอีกตัวโผล่มาบอกว่าไม่ใช่ พ่อเขาฝากเขา แต่ลุงไปเอากับผู้ชายคนนั้น ?
ลุงพล : ถ้าดูตามสื่อที่พ่อไปออกรายการ เขาบอกว่าฝากให้นายเจริญ ซึ่งเป็นเพื่อนพ่อน้องชมพู่ ผมยังยืนยันว่าไม่ทันสังเกตเห็นนายเจริญอยู่จุดไหน แต่พ่อชมพู่นำกระเป๋าที่เตรียมไว้มายื่นให้ผม
ป้าแต๋น : ป้าอยู่ด้วย เขายื่นให้ลุงเลย
แล้วทำไมไปบอกแบบนั้น ?
ป้าแต๋น : ป้ายืนอยู่ข้าง ๆ ลุงตอนเขายื่นให้ บอกว่า ลุง ผมฝากกระเป๋าให้ลูกหน่อยเด้อ ป้าอยู่ข้าง ๆ
ตา ยาย ตอนมาถึงที่นี่ เห็นลุงยืนอยู่หน้าบ้านตา ยาย แล้วลุงจะเดินเข้าไปในบ้าน ยายบอกว่าไม่ต้องเข้ามา เดี๋ยวมีปัญหา คืออะไร ?
ยาย : ลูกชายไม่ถูกกับลุงไง ลุงพลยกโต๊ะหน้าบ้านใส่เขา ก็มีประเด็นกัน ก็บอกว่าอย่าเข้ามาเดี๋ยวมีปัญหา เลยไม่ให้เข้า
ไม่ใช่เรื่องอื่น ?
ยาย : ไม่ใช่
ยังไม่ได้เคลียร์กันเหรอ ?
ลุงพล : วันนั้นเราเข้าใจผิดกัน ผมได้มาคุยกับพ่อตา แม่ยาย นายแต ปรึกษากันเรียบร้อย เข้าใจกันดี ผู้ใหญ่มาเป็นพยาน แต่ปรากฏว่านายแตชี้นิ้วไล่ผมออกจากบ้าน เขากินเบียร์ไป 2 ขวด เหมือนพยายามให้ผมออกไปจากบ้านหลายครั้ง ผมก็เลยโมโห งัดโต๊ะใส่เขา
ยาย : เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีปัญหามาก่อนเป็นปี
นรินไม่สงสัยลุงพลแล้ว ?
นริน : ไม่ได้สงสัยแล้วครับ วันนั้นพูดผิดครับ
เห็นมีข่าวว่าจะให้ดื่มน้ำสาบาน ?
ตา : แสดงความบริสุทธิ์ใจ
ยาย : ก็เป็นการพิสูจน์เท่าที่จะทำได้ ให้ดื่มน้ำสาบานว่าใครทำก็ให้มีอันเป็นไป ถ้าใครทำน้อง ถ้าไม่ได้ทำน้องก็ให้เจริญรุ่งเรือง
กล้าไหม ?
ลุงพล : ถ้าจะสาบานจริง ๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สุดคือพระแก้วมรกต ไปที่กรุงเทพฯ เลย ญาติพี่น้องทุกคนมา การสาบานต้องเอาจุดที่สำคัญที่สุดในประเทศไทย ไปสาบานเลย เอาให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย ผมกล้าสาบานอย่างนั้น ถ้าใครมีส่วนร่วมในการตายน้องชมพู่ ให้ครอบครัววิบัติ ให้ฉิบหาย ให้มันตายโหงไปพร้อมน้องชมพู่เลย ผมกล้าสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เอาแบบผมนี่ล้านเปอร์เซ็นต์ จะได้พ้นข้อครหาทุกอย่าง พี่น้องจะได้กลับมารักกันเหมือนเดิม
สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้ไหม ?
ลุงพล : ต้องให้เวลาครับ ผมไม่ใช่คนใจจืดใจดำ ผมมีแต่ให้กับให้
แม่คุยกับลูกสาวหรือยัง ?
ยาย : ยัง กลับมาบ่าย ๆ วันนี้
ลุงพล : นอกจากสาบาน ผมยินดีเข้าเครื่องจับเท็จ เข้าทุกคนครับ หลังสาบานแล้วเข้าเครื่องจับเท็จกันทุกคน เอาให้ชัวร์ ตรงไหนพ่อแม่ชมพู่สงสัย ผมยินดี
คิดว่ามีการปั่นให้เกิดเรื่องแบบนี้ไหม ?
ลุงพล : ผมเชื่อว่าวันนั้นผมพูดไปชัดเจนแล้วว่าสื่อบางสื่อเขาพูด เขาออกสื่อออกไป เราอย่าไปอ้างอิงสื่อมาก เอากลับมาคิด ผมเป็นคนง่าย ๆ ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวเท่าไหร่ ตรงไหนใช่ก็โอเค ไม่ใช่ก็ไม่ติดตาม
ลูกสาวเรา สาวิตรี กล้าเจอไหม ?
ยาย : ตั้งแต่น้องเสียไม่ได้เจอกัน
ลุงพล : หลังผมไปออกรายการโหนกระแส มีคนหนึ่งที่ผมอ้างอิงว่าบ้านติดกับชมพู่ ปรากฏว่ามาถึงแม่น้องให้ผมไปขอขมาเขา ผมไม่ได้บอกว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัย ผมไม่ได้บอกว่าแอ๋มเป็นคนทำ อยู่ ๆ พ่อแม่เขาไม่สบายใจที่ผมไปพูดชื่อลูกเขาผ่านสื่อ พ่อแม่ชมพู่ไปขอขมาแทนผม แล้วมาบอกให้ผมไปขอขมา แล้วผมจะไปทำไม ผมไม่ได้ว่าแอ๋ม แล้วมีเหตุการณ์ที่ไม่สบายใจอีกเรื่อง คือแม่ผม น้องสาวผม ป้า เขามาจากสกลนคร มาร่วมงานศพ แสดงความเสียใจ ตอนขากลับ ถูกพ่อชมพู่เมินใส่ เหมือนไม่พอใจที่ผมไปพาดพิงนายแอ๋ม ผมได้ยินจากป้าแต๋น ผมก็เกิดความไม่สบายใจ น้อยใจ อะไรประเด็นเล็ก ๆ แค่นี้เอามาให้ผมไม่สบายใจ
พร้อมเจอเขาไหม ?
ลุงพล : พร้อมเจอครับ ผมต้องการเคลียร์ใจไม่ให้ทะเลาะกัน
ทำไมบ้านอยู่ใกล้ ๆ เราไม่เดินไปเคลียร์กับเขา?
ลุงพล : ปกติผมเป็นคนแบบนี้ ง่าย ๆ ซอยนี้ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ขึ้นมา
ถ้าลูกสาวมาให้เคลียร์ได้ไหม ?
ยาย : ได้
ตา : ถ้าเขายอมคุยก่อนถึงมาได้
ลุงพล : ต้องคุยถึงจะจบ ผมต้องการให้ครอบครัวอบอุ่นเหมือนเดิม ไม่ใช่มาทะเลาะเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ป้าแต๋น : ป้าบอกว่าถ้าทะเลาะกันแบบนี้ ถ้าผู้ร้ายตัวจริงเห็นคงยิ้มแล้ว ถ้าไม่เชื่อมั่นในกันและกัน ผู้ร้ายคงทำอะไรบ่อย ๆ
วันนี้ถามจริง ๆ คิดว่าน้องจะถูกอุ้มขึ้นไปไหม ?
ยาย : อุ้มขึ้นไปแน่นอน ร้อยเปอร์เซ็นต์
สงสัยใคร ?
ยาย : ไม่รู้จะสงสัยใคร พี่น้องกันทั้งนั้น
กลัวหลานตายฟรีไหม ?
ยาย : กลัว
ลุงพล : ถ้าครอบครัวแตกแยกก็กลัวมากว่าหลานจะตายฟรี ถ้าเหตุการณ์วนอยู่แค่ครอบครัว จริง ๆ ผมไม่อยากแสดงความคิดเห็น พ่อแม่ชมพู่ต้องย้อนกลับไปดูว่าอดีตถึงปัจจุบันเขาขัดแย้งอะไรกันบ้าง ไม่ใช่วนอยู่แค่คนในหมู่บ้าน ตอนนี้คนในหมู่บ้านไม่ทำมาหากินกันแล้ว หวาดระแวงกันหมดเลย
ฟ้องไหม ?
ลุง : ไม่ฟ้อง
ป้า : อยากให้คิดใหม่ ถึงความจริง ที่เราทำกับน้อง คิดถึงความรักที่เรามีให้หลาน คิดถึงความเป็นพี่น้อง คิดถึงว่าเหตุผลอะไรเรานักหนาถึงขั้นมาสงสัยว่าลุงมีส่วนทำให้หลานเสียชีวิต คิดหนัก ๆ คิดจากใจจริง ๆ เปิดหัวใจออก
ป้าแต๋นเคยคิดไหมเกิดอะไรขึ้น ทำไมน้องคิดว่าสามีทำน้องชมพู่ ?
ป้า : ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่แรกเขาไม่ได้สงสัยเรา วันที่เขาบอกป้าไม่รู้เลยว่าคำนั้นจะออกมา อึ้งมากกว่า (ร้องไห้)
ลุงพล : อย่าว่าแต่ป้าแต๋นเลย พ่อตา แม่ยายก็อึ้ง ผมก็อึ้งเหมือนกัน
ตาอึ้งไหม ?
ตา : อึ้ง ตายอมรับเลย
ลุงพล : คนในครอบครัวทั้งนั้น อาจไม่สนิทใจกันมาก แต่ไม่เคยทอดทิ้งกัน
ตัวพ่อน้องชมพู่ ก่อนหน้านี้วันที่น้องหายไป เขาออกไปไหน พ่อน้องบอกว่าไปไถนา 8 โมงกว่า ถึง 10 โมง แต่มีคนเห็นรถแกตรงกกกอก แกจะไปไถนาได้ยังไง ?
ยาย : อันนี้มีคนเห็นว่าไปไถนา กี่โมงไม่รู้ แต่มีพยานอยู่
ลุงพล : มีอีกไทม์ไลน์ที่แม่น้องฝากถามว่าบ่าย 2 โมง ถึง 4 โมง ผมไปอยู่ไหน ผมยังยืนยันว่าวันนั้นบ่าย 2 โมงผมยังกลับไม่ถึงบ้าน ผมถึงบ้านป้าถอนบ่าย 2 กว่า แต่ไม่แน่ใจว่ากี่นาที ผมจอดปุ๊บเห็นชาวบ้าน เห็นรถมอเตอร์ไซค์จอดตามหาน้องชมพู่ก็ใจคอไม่ค่อยดี เลยจอดรถหน้าบ้านป้าถอน เอาของลงจากรถบ้าง อยู่ในรถบ้าง ผมก็ให้การเจ้าหน้าที่ไป ผมก็ไปหาน้องชมพู่ มีพยานที่เห็นผมออกหาวันนั้นว่าผมไปจุดไหนบ้าง ผมก็ทำแผนให้เจ้าหน้าที่ดูแล้ว
วันที่ 14 ไปเจอศพน้องชมพู่ ลุงพลบอกว่าแม่เขาไม่ยอมขึ้นไป ทางนี้บอกว่าเขาพากันไปไหว้พระ จริงไหม ?
ยาย : ไม่ ตอนพบศพน้อง 14 ค่ำ ๆ มีคนมาบอกว่าพบรองเท้าน้องแล้ว อยู่ที่ไหน ใครพูด
ทำไมแม่ไม่ขึ้นไป ?
ยาย : แม่ช็อก ยายนี่แหละบอกไม่ให้ขึ้นไป ขึ้นไปใครจะหามลงมาอีก นอกจากหามน้อง แล้วหามพ่อกับแม่ลงมาอีก
สิ้นข้อสงสัยนะ ?
ลุงพล : ประเด็นพ่อแม่เขา หลังพาชมพู่ลงมา วันนั้นเราก็ได้ออกค้นหาเสื้อที่หายไป หาหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ด้วย ก็สงสัยว่าทำไมพ่อแม่เขาไม่ออกมาตามหาเสื้อ ต้องให้พ่อแม่เขาออกมาตอบกับสื่อด้วยว่าทำไมไม่ออกตามหาเสื้อ เขากลัวอะไรหรือเปล่า กลัวเจอเสื้อหรืออะไร เพราะเสื้อมันสำคัญมาก เจ้าหน้าที่ต้องการมาก
ตา : ตาตอบแทนได้ไหม ตอนนั้นมีคนเข้ามาเยอะ เข้ามาที่บ้านมาไหว้ศพมาอะไร เอาเงินเอาทองมา แม่กับพ่อชมพู่เลยไม่ได้ขึ้นไป
![ภาพข่าว คดีน้องชมพู่ ภาพข่าว คดีน้องชมพู่]()
![ภาพข่าว คดีน้องชมพู่ ภาพข่าว คดีน้องชมพู่]()
![ภาพข่าว คดีน้องชมพู่ ภาพข่าว คดีน้องชมพู่]()
![ภาพข่าว คดีน้องชมพู่ ภาพข่าว คดีน้องชมพู่]()
![ภาพข่าว คดีน้องชมพู่ ภาพข่าว คดีน้องชมพู่]()
![ภาพข่าว คดีน้องชมพู่ ภาพข่าว คดีน้องชมพู่]()

รายการโหนกระแส วันที่ 9 กรกฎาคม 2563 "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 วันนี้ลงพื้นที่บ้านกกกอก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ด้วยตัวเอง เพื่อเคลียร์ข้อคาใจคดี "น้องชมพู่" กันพร้อมหน้า โดยเปิดใจสัมภาษณ์ ลุงพล, ป้าแต๋น เมียลุงพล, ตา-ยาย น้องชมพู่ และ นริน ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยอีกคน
วันนี้มุมลูกสาว แม่ชมพู่ สงสัยลุงพล มองยังไง ยายสงสัยไหม ?
ยาย : ไม่สงสัย ปกติ
ตา : จากใจเลย ไม่สงสัย
ตา : อันนี้ไม่รู้
เขาบอกไทม์ไลน์คือเวลาลุงพลจากบ้านไปวัดไปรับพระ หายไปประมาณ 30-40 นาที ?
ลุงพล : ถ้าไทม์ไลน์ที่ออกสื่อไป ออกจากสวนยาง 09.22 น. ระหว่างผมเดินทางมาถึงบ้าน ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ระบุเวลาชัดเจนว่าใช้เวลาในการเดินทางเท่าไหร่ ผมบอกว่าน่าจะประมาณ 09.30 น. ถึงบ้าน หลังจากนั้นมีการตรวจเช็กของในบ้าน มีการเปลี่ยนเสื้อผ้า ดูโน่นนี่บ้าง เวลาต่าง ๆ อยู่ตรงนั้น แล้วเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ผมระบุเวลาให้ชัดเจน บอกให้หมด พูดง่าย ๆ ถ้าจำอะไรได้ให้บอกให้หมด ผมก็ระบุเวลาเพื่อเป็นสำนวนการให้ปากคำ ผมเชื่อว่าวันที่ผมอยู่ที่บ้าน ป้าแต๋นก็อยู่ กรณีที่แม่เขาสงสัยเรื่องเวลา ป้าแต๋นก็เป็นพยาน
ป้าแต๋นอยู่ด้วยไหม ?
ป้าแต๋น : จ้ะ เห็นอยู่จ้ะ
ลุงพล : ถ้าเป็นการอาบน้ำ 2 ขันตามที่แม่เขากล่าวอ้าง มาทำให้ดูหน่อยว่าอาบน้ำ 2 ขันเป็นยังไง เป็นไปไม่ได้หรอก อาบน้ำ 2 ขันจะทั่วตัวไหม ผมไปต่างจังหวัดรับพระ ฟันก็ต้องแปรง ทำอะไรบ้างต่าง ๆ
พระบอก 10 โมง ?
ลุงพล : พระอธิการบุญมายืนอยู่ที่ครัวกลาง ไม่มีมือถือ มือถือท่านอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ นาฬิกาข้อมือก็ไม่มี นาฬิกาดิจิทัลของท่านติดอยู่ศาลาการเปรียญ ใหญ่ขนาดไหนก็มองไม่เห็น เพราะอยู่คนละมุม
แล้วท่านพูดได้ไง ?
ลุงพล : ผมไม่ได้ลบหลู่ท่านนะครับ ถ้าเรื่องแบบนี้คอขาดบาดตาย การที่สื่อไปสัมภาษณ์ตามที่เจ้าหน้าที่ไปขอคำให้การ อะไรที่ท่านไม่แน่ใจ ท่านควรบอกว่าไม่แน่ใจ แต่ท่านยังยืนยันว่าผมรู้ว่าชมพู่หาย
วันที่ 11 เจอนายวัชรินทร์กี่โมง เพราะให้การไม่ตรงกัน ?
ลุงพล : ผมขอพูดตรงนี้เลยว่าผมเห็นเขาช่วงวันที่ 10 หรือ 11 ผมไม่แน่ใจ ผมเลยไม่ได้ให้ปากคำเจ้าหน้าที่ว่าเจอเขา พอผมไปถามนายวัชรินทร์ เขาบอกว่าได้คุยกับผม แต่ผมจำไม่ได้ว่าวันไหน แต่เป็นเวลาตอนเช้า ผมเจอเขา นายวัชรินทร์ไปให้ปากคำว่าผมใช้เวลาคุยกับเขา เวลา 09.20 น. ซึ่งเขาก็มีพยาน แต่นายวัชรินทร์เดินออกมาจากบ้าน ไม่ได้เดินออกมาจากสวนยาง วันนั้นนายวัชรินทร์คุยกับผม น้องโอมเอาโทรศัพท์มาให้ผมว่าหัวหน้ากล่อมให้ไปดูเครื่องหยอดข้าวให้ ซึ่งวันนั้นจำเวลา จำเหตุการณ์ไม่ได้ เลยไม่ได้ให้ปากคำเจ้าหน้าที่ ผมเจอนายวัชรินทร์ประมาณ 7 โมงกว่า
ตา ยายว่าไง ?
ยาย : ก็ไม่รู้กับเขา เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เราไม่เห็นกับตา
ตา : เราไม่เห็นลุงพล ไม่เห็นวัชรินทร์คุยกัน
ลุงพล : เขาไม่เห็นไงครับ ก็ไม่สามารถเป็นพยานให้ได้
ป้าแต๋นอึดอัดไหม ?
ป้าแต๋น : ตอนนี้โล่งมากกว่า ทุกครั้งที่ตำรวจมาค้นบ้าน มาบ่อย ๆ เรามั่นใจทุกอย่างว่าไม่ได้ทำ ตำรวจมาบ้านเราบ่อย มาสอบปากคำบ่อย เล็งมาที่เรา มาถามยายอยู่ว่าทำไมตำรวจถึงมาที่เราบ่อย ๆ เป็นยังไง ยายก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน เราก็สงสัยไม่ไปค้นคนอื่นเหมือนบ้านเรา ผ้า กระสอบอะไรก็เอาไปหมด แล้วมาล้อมบ้านเรา คนอื่นที่เขาสงสัยไม่เห็นไปล้อมบ้าน เรากังวลและคิดอยู่ตลอดว่าทำไมเป็นแบบนั้น จนกระทั่งวันที่น้องบอกว่าสงสัยลุง แล้วทำไมเพิ่งมาบอกเรา มาบอกตอนนี้
ทำไมถอนใจ ท้อใจเหรอ ?
ป้าแต๋น : มันแย่
ลุงพล : เขาเป็นพี่สาวที่รักน้องมาก ยอมน้องทุกอย่าง ไม่ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรในครอบครัวเขาจะถอยก้าวหนึ่งเสมอ
ป้าแต๋น : ทุกครั้งที่ตำรวจมาสอบปากคำป้าที่บ้านหรือที่สถานีตำรวจ เขาจะพูดว่าสงสัยน้องไหม ทำไมขึ้นเขาไม่ขึ้น ทำไมต้องฝากกระเป๋าลุง ป้าเลยบอกว่าอะไรก็ตาม ป้าไม่มีทางคิดกับน้อง สงสัยก็สงสัยแต่ไม่มีทางคิดกับน้อง
ตำรวจถามว่าสงสัยน้องบ้างไหมเหรอ ?
ป้าแต๋น : ใช่ แต่ป้าให้คำคำเดียวว่าถึงจะสงสัยอะไร แต่ป้าไม่เคยพูดเลย (ร้องไห้) ไม่เคยสงสัยน้องเลย (ร้องไห้) ลุงทำทุกอย่างทั้งวิ่งเต้น ทุกอย่าง
ลุงพลสนิทกับชมพู่ไหม ?
ป้าแต๋น : สนิทกับป้ามากกว่า ป้ามารับชมพู่ น้องก็ไปกับป้า แต่เขาจะถามหาลุงก่อน แต่ไม่ได้มาเล่นกับลุงนะ แต่ที่ไปกับลุงเพราะลุงพาขับรถไปเที่ยว แล้วไม่ได้ไปคนเดียว เราไปกันเป็นครอบครัว สะดิ้งก็ไปด้วย ไม่เคยไปพลการเลย ที่ชอบลุงเพราะลุงพาไปเที่ยว
พ่อแม่ไม่พาไปเที่ยวเหรอ ?
ลุงพล : เขาไม่มีรถยนต์ครับ เราอยู่กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ลุงไปเที่ยวเขาก็ไปด้วยกัน
วันที่มาคุยกันที่ช่อง 3 ลุงบอกว่าลุงกำลังจะขึ้นไปหาน้อง แล้วปรากฏว่าพ่อน้องเอาเป้ฝากลุงไป มีตัวละครอีกตัวโผล่มาบอกว่าไม่ใช่ พ่อเขาฝากเขา แต่ลุงไปเอากับผู้ชายคนนั้น ?
ลุงพล : ถ้าดูตามสื่อที่พ่อไปออกรายการ เขาบอกว่าฝากให้นายเจริญ ซึ่งเป็นเพื่อนพ่อน้องชมพู่ ผมยังยืนยันว่าไม่ทันสังเกตเห็นนายเจริญอยู่จุดไหน แต่พ่อชมพู่นำกระเป๋าที่เตรียมไว้มายื่นให้ผม
ป้าแต๋น : ป้าอยู่ด้วย เขายื่นให้ลุงเลย
แล้วทำไมไปบอกแบบนั้น ?
ป้าแต๋น : ป้ายืนอยู่ข้าง ๆ ลุงตอนเขายื่นให้ บอกว่า ลุง ผมฝากกระเป๋าให้ลูกหน่อยเด้อ ป้าอยู่ข้าง ๆ
ตา ยาย ตอนมาถึงที่นี่ เห็นลุงยืนอยู่หน้าบ้านตา ยาย แล้วลุงจะเดินเข้าไปในบ้าน ยายบอกว่าไม่ต้องเข้ามา เดี๋ยวมีปัญหา คืออะไร ?
ยาย : ลูกชายไม่ถูกกับลุงไง ลุงพลยกโต๊ะหน้าบ้านใส่เขา ก็มีประเด็นกัน ก็บอกว่าอย่าเข้ามาเดี๋ยวมีปัญหา เลยไม่ให้เข้า
ไม่ใช่เรื่องอื่น ?
ยาย : ไม่ใช่
ยังไม่ได้เคลียร์กันเหรอ ?
ลุงพล : วันนั้นเราเข้าใจผิดกัน ผมได้มาคุยกับพ่อตา แม่ยาย นายแต ปรึกษากันเรียบร้อย เข้าใจกันดี ผู้ใหญ่มาเป็นพยาน แต่ปรากฏว่านายแตชี้นิ้วไล่ผมออกจากบ้าน เขากินเบียร์ไป 2 ขวด เหมือนพยายามให้ผมออกไปจากบ้านหลายครั้ง ผมก็เลยโมโห งัดโต๊ะใส่เขา
ยาย : เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีปัญหามาก่อนเป็นปี
นรินไม่สงสัยลุงพลแล้ว ?
นริน : ไม่ได้สงสัยแล้วครับ วันนั้นพูดผิดครับ
เห็นมีข่าวว่าจะให้ดื่มน้ำสาบาน ?
ตา : แสดงความบริสุทธิ์ใจ
ยาย : ก็เป็นการพิสูจน์เท่าที่จะทำได้ ให้ดื่มน้ำสาบานว่าใครทำก็ให้มีอันเป็นไป ถ้าใครทำน้อง ถ้าไม่ได้ทำน้องก็ให้เจริญรุ่งเรือง
กล้าไหม ?
ลุงพล : ถ้าจะสาบานจริง ๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สุดคือพระแก้วมรกต ไปที่กรุงเทพฯ เลย ญาติพี่น้องทุกคนมา การสาบานต้องเอาจุดที่สำคัญที่สุดในประเทศไทย ไปสาบานเลย เอาให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย ผมกล้าสาบานอย่างนั้น ถ้าใครมีส่วนร่วมในการตายน้องชมพู่ ให้ครอบครัววิบัติ ให้ฉิบหาย ให้มันตายโหงไปพร้อมน้องชมพู่เลย ผมกล้าสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เอาแบบผมนี่ล้านเปอร์เซ็นต์ จะได้พ้นข้อครหาทุกอย่าง พี่น้องจะได้กลับมารักกันเหมือนเดิม
สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้ไหม ?
ลุงพล : ต้องให้เวลาครับ ผมไม่ใช่คนใจจืดใจดำ ผมมีแต่ให้กับให้
แม่คุยกับลูกสาวหรือยัง ?
ยาย : ยัง กลับมาบ่าย ๆ วันนี้
ลุงพล : นอกจากสาบาน ผมยินดีเข้าเครื่องจับเท็จ เข้าทุกคนครับ หลังสาบานแล้วเข้าเครื่องจับเท็จกันทุกคน เอาให้ชัวร์ ตรงไหนพ่อแม่ชมพู่สงสัย ผมยินดี
คิดว่ามีการปั่นให้เกิดเรื่องแบบนี้ไหม ?
ลุงพล : ผมเชื่อว่าวันนั้นผมพูดไปชัดเจนแล้วว่าสื่อบางสื่อเขาพูด เขาออกสื่อออกไป เราอย่าไปอ้างอิงสื่อมาก เอากลับมาคิด ผมเป็นคนง่าย ๆ ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวเท่าไหร่ ตรงไหนใช่ก็โอเค ไม่ใช่ก็ไม่ติดตาม
ลูกสาวเรา สาวิตรี กล้าเจอไหม ?
ยาย : ตั้งแต่น้องเสียไม่ได้เจอกัน
ลุงพล : หลังผมไปออกรายการโหนกระแส มีคนหนึ่งที่ผมอ้างอิงว่าบ้านติดกับชมพู่ ปรากฏว่ามาถึงแม่น้องให้ผมไปขอขมาเขา ผมไม่ได้บอกว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัย ผมไม่ได้บอกว่าแอ๋มเป็นคนทำ อยู่ ๆ พ่อแม่เขาไม่สบายใจที่ผมไปพูดชื่อลูกเขาผ่านสื่อ พ่อแม่ชมพู่ไปขอขมาแทนผม แล้วมาบอกให้ผมไปขอขมา แล้วผมจะไปทำไม ผมไม่ได้ว่าแอ๋ม แล้วมีเหตุการณ์ที่ไม่สบายใจอีกเรื่อง คือแม่ผม น้องสาวผม ป้า เขามาจากสกลนคร มาร่วมงานศพ แสดงความเสียใจ ตอนขากลับ ถูกพ่อชมพู่เมินใส่ เหมือนไม่พอใจที่ผมไปพาดพิงนายแอ๋ม ผมได้ยินจากป้าแต๋น ผมก็เกิดความไม่สบายใจ น้อยใจ อะไรประเด็นเล็ก ๆ แค่นี้เอามาให้ผมไม่สบายใจ
พร้อมเจอเขาไหม ?
ลุงพล : พร้อมเจอครับ ผมต้องการเคลียร์ใจไม่ให้ทะเลาะกัน
ทำไมบ้านอยู่ใกล้ ๆ เราไม่เดินไปเคลียร์กับเขา?
ลุงพล : ปกติผมเป็นคนแบบนี้ ง่าย ๆ ซอยนี้ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ขึ้นมา
ถ้าลูกสาวมาให้เคลียร์ได้ไหม ?
ยาย : ได้
ตา : ถ้าเขายอมคุยก่อนถึงมาได้
ลุงพล : ต้องคุยถึงจะจบ ผมต้องการให้ครอบครัวอบอุ่นเหมือนเดิม ไม่ใช่มาทะเลาะเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ป้าแต๋น : ป้าบอกว่าถ้าทะเลาะกันแบบนี้ ถ้าผู้ร้ายตัวจริงเห็นคงยิ้มแล้ว ถ้าไม่เชื่อมั่นในกันและกัน ผู้ร้ายคงทำอะไรบ่อย ๆ
วันนี้ถามจริง ๆ คิดว่าน้องจะถูกอุ้มขึ้นไปไหม ?
ยาย : อุ้มขึ้นไปแน่นอน ร้อยเปอร์เซ็นต์
สงสัยใคร ?
ยาย : ไม่รู้จะสงสัยใคร พี่น้องกันทั้งนั้น
กลัวหลานตายฟรีไหม ?
ยาย : กลัว
ลุงพล : ถ้าครอบครัวแตกแยกก็กลัวมากว่าหลานจะตายฟรี ถ้าเหตุการณ์วนอยู่แค่ครอบครัว จริง ๆ ผมไม่อยากแสดงความคิดเห็น พ่อแม่ชมพู่ต้องย้อนกลับไปดูว่าอดีตถึงปัจจุบันเขาขัดแย้งอะไรกันบ้าง ไม่ใช่วนอยู่แค่คนในหมู่บ้าน ตอนนี้คนในหมู่บ้านไม่ทำมาหากินกันแล้ว หวาดระแวงกันหมดเลย
ฟ้องไหม ?
ลุง : ไม่ฟ้อง
ป้า : อยากให้คิดใหม่ ถึงความจริง ที่เราทำกับน้อง คิดถึงความรักที่เรามีให้หลาน คิดถึงความเป็นพี่น้อง คิดถึงว่าเหตุผลอะไรเรานักหนาถึงขั้นมาสงสัยว่าลุงมีส่วนทำให้หลานเสียชีวิต คิดหนัก ๆ คิดจากใจจริง ๆ เปิดหัวใจออก
ป้าแต๋นเคยคิดไหมเกิดอะไรขึ้น ทำไมน้องคิดว่าสามีทำน้องชมพู่ ?
ป้า : ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่แรกเขาไม่ได้สงสัยเรา วันที่เขาบอกป้าไม่รู้เลยว่าคำนั้นจะออกมา อึ้งมากกว่า (ร้องไห้)
ลุงพล : อย่าว่าแต่ป้าแต๋นเลย พ่อตา แม่ยายก็อึ้ง ผมก็อึ้งเหมือนกัน
ตาอึ้งไหม ?
ตา : อึ้ง ตายอมรับเลย
ลุงพล : คนในครอบครัวทั้งนั้น อาจไม่สนิทใจกันมาก แต่ไม่เคยทอดทิ้งกัน
ตัวพ่อน้องชมพู่ ก่อนหน้านี้วันที่น้องหายไป เขาออกไปไหน พ่อน้องบอกว่าไปไถนา 8 โมงกว่า ถึง 10 โมง แต่มีคนเห็นรถแกตรงกกกอก แกจะไปไถนาได้ยังไง ?
ยาย : อันนี้มีคนเห็นว่าไปไถนา กี่โมงไม่รู้ แต่มีพยานอยู่
ลุงพล : มีอีกไทม์ไลน์ที่แม่น้องฝากถามว่าบ่าย 2 โมง ถึง 4 โมง ผมไปอยู่ไหน ผมยังยืนยันว่าวันนั้นบ่าย 2 โมงผมยังกลับไม่ถึงบ้าน ผมถึงบ้านป้าถอนบ่าย 2 กว่า แต่ไม่แน่ใจว่ากี่นาที ผมจอดปุ๊บเห็นชาวบ้าน เห็นรถมอเตอร์ไซค์จอดตามหาน้องชมพู่ก็ใจคอไม่ค่อยดี เลยจอดรถหน้าบ้านป้าถอน เอาของลงจากรถบ้าง อยู่ในรถบ้าง ผมก็ให้การเจ้าหน้าที่ไป ผมก็ไปหาน้องชมพู่ มีพยานที่เห็นผมออกหาวันนั้นว่าผมไปจุดไหนบ้าง ผมก็ทำแผนให้เจ้าหน้าที่ดูแล้ว
วันที่ 14 ไปเจอศพน้องชมพู่ ลุงพลบอกว่าแม่เขาไม่ยอมขึ้นไป ทางนี้บอกว่าเขาพากันไปไหว้พระ จริงไหม ?
ยาย : ไม่ ตอนพบศพน้อง 14 ค่ำ ๆ มีคนมาบอกว่าพบรองเท้าน้องแล้ว อยู่ที่ไหน ใครพูด
ทำไมแม่ไม่ขึ้นไป ?
ยาย : แม่ช็อก ยายนี่แหละบอกไม่ให้ขึ้นไป ขึ้นไปใครจะหามลงมาอีก นอกจากหามน้อง แล้วหามพ่อกับแม่ลงมาอีก
สิ้นข้อสงสัยนะ ?
ลุงพล : ประเด็นพ่อแม่เขา หลังพาชมพู่ลงมา วันนั้นเราก็ได้ออกค้นหาเสื้อที่หายไป หาหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ด้วย ก็สงสัยว่าทำไมพ่อแม่เขาไม่ออกมาตามหาเสื้อ ต้องให้พ่อแม่เขาออกมาตอบกับสื่อด้วยว่าทำไมไม่ออกตามหาเสื้อ เขากลัวอะไรหรือเปล่า กลัวเจอเสื้อหรืออะไร เพราะเสื้อมันสำคัญมาก เจ้าหน้าที่ต้องการมาก
ตา : ตาตอบแทนได้ไหม ตอนนั้นมีคนเข้ามาเยอะ เข้ามาที่บ้านมาไหว้ศพมาอะไร เอาเงินเอาทองมา แม่กับพ่อชมพู่เลยไม่ได้ขึ้นไป












