ศบค. ไม่รู้เรื่อง เครื่องบินทหารอียิปต์เข้าไทย ไม่ผ่านส่วนกลางจนพาเชื้อมาแพร่

          เป็นเรื่องขึ้นมาทันที เมื่อประเทศไทยพบผู้ติดโรคโควิด-19  เป็นเด็กหญิง 9 ขวบ จากครอบครัวของคณะทูต  ที่เข้าพักในคอนโดแห่งหนึ่งใน กทม. และกลุ่มนายทหารอียิปต์ที่นำเครื่องบินลงจอดสนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง และได้เข้าพักโรงแรมแห่งหนึ่ง รวมถึงไปเดินเที่ยวห้างในระยอง ต่อมาพบว่ามีนายทหารติดโควิด 19 โดยทั้ง 2 กลุ่ม ได้รับการยกเว้นไม่ต้องกักตัว 14 วัน จนเกิดเสียงวิจารณ์อย่างหนักเพราะรัฐย้ำให้ประชาชนอย่าการ์ดตก แต่เป็นรัฐที่การ์ดตกเสียเองนั้น

          อ่านข่าว : หัวร้อนถ้วนหน้า ! จวกรัฐยับจน #โควิด19 ติดอันดับ ตั้งการ์ดแทบตาย จะพังเพราะ VIP
          ล่าสุด วันที่ 14 กรกฎาคม 2563  กรุงเทพธุรกิจ ได้รับรายงานจากแหล่งข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยว่า กลุ่มทหารอียิปต์เดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยเครื่องบิน 2 ลำ แวะลงสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเติมน้ำมันและปรนนิบัติบำรุงเครื่อง และได้ค้าง 1 คืน ภายในโรงแรมพื้นที่ จ.ระยอง ซึ่งโรงแรมเเห่งนี้อยู่ระหว่างติดต่อขอเข้าเป็นสถานที่เฝ้าระวังทางเลือก (Alternative state quarantine)
          แหล่งข่าวระบุว่า การนำเครื่องมาลง ไม่ต้องเข้าระบบ ศบค. และทาง ศบค. ก็ไม่ทราบมาก่อนว่าจะมีทหารกลุ่มนี้ จากนี้ก็ต้องเร่งสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป ซึ่งการเดินทางมาแบบนี้ เข้าข่ายข้อกําหนดตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 12 (5) คือ ผู้ควบคุมยานพาหนะ หรือเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะ ซึ่งจําเป็นต้องเดินทางเข้ามาตามภารกิจ และมีกําหนดเวลาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรชัดเจน ซึ่งแม้ไม่ต้องกักตัว 14 วัน แต่ห้ามไปสัมผัสบุคคลภายนอก

          การลงจอดเครื่องบินครั้งนี้ เป็นการติดต่อกับทางสนามบินโดยตรง ไม่ได้ผ่าน ศบค. ซึ่งเป็นแบบนี้ในหลาย ๆ สนามบิน ที่สามารถบริหารจัดการกับเครื่องบินต่าง ๆ ที่บินเข้า-ออก ทั้งนี้ ศบค. คุมเข้มภาพรวมเพื่อให้การดำเนินการต่าง ๆ ผ่านไปได้ แต่ยอมรับว่าบางเรื่องยังมีช่องว่าง จนทำให้เกิดปัญหาตามมา จากนี้ก็ต้องวางมาตรการกันต่อไป


ขอบคุณข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ, สำนักข่าวไทย