แม่ช็อก ลูก 4 ขวบ เจองูเหลือมในชักโครกพุ่งมากัด ทำใจแม่ร่วงลงตาตุ่ม

         แม่ช็อก ลูก 4 ขวบ เจองูเหลือมในชักโครกพุ่งมากัด ทำใจแม่ร่วงลงตาตุ่ม พร้อมเผยสิ่งที่ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ ย้ำ การดูดพิษออกเป็นความเชื่อที่ผิดมหันต์

           งูในชักโครก เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่มักจะมาพร้อม ๆ กับหน้าฝน ซึ่งก็ทำให้หลาย ๆ บ้านต่างหวาดระแวงว่า จะมีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาขดตัวอยู่ในส้วมหรือเปล่า แถมยังต้องลุ้นอีกว่า ถ้ามาแล้วมันจะเป็นงูมีพิษหรือเปล่า หลายบ้านก็เรียกกู้ภัยมาจับไปได้ทัน บางบ้านก็เจอพุ่งมากัด จนต้องสู้รัดฟัดเหวี่ยงเสียเลือดเสียกันทั้งคนทั้งงูอยู่ในห้องน้ำ ส่วนเรื่องราวที่จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นเหตุการณ์ที่หนูน้อยวัย 4 ขวบ ที่ต้องถูกงูในชักโครกกัดกลางดึก ซึ่งคุณแม่ของน้องก็ได้เล่าเรื่องราวเหตุการณ์วันเกิดเหตุไว้ทั้งหมด ทั้งหัวอกคนเป็นพ่อ-แม่ และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่รวดเร็วจนแทบจะตั้งตัวไม่ทัน

           โดยวันที่ 6 สิงหาคม 2563 เฟซบุ๊ก Audy Punnada Leung-Aram ของคุณแม่รายหนึ่ง ได้เล่าเรื่องราวที่น้องอลิซ ลูกสาววัย 4 ขวบ ถูกงูกัด

- น้องอลิซ ปวดอึกลางดึก

           น้องอลิซปวดอึ แบบท้องเสีย คุณแม่จึงพาไปอึในห้องน้ำโดยที่ไม่ได้เปิดไฟ ส่วนคุณแม่รออยู่หน้าห้องน้ำ เมื่อน้องนั่งอึไปสักพัก คุณแม่ก็เดินเข้าไปดูก็เห็นอึเหลว ๆ ออกมาจากก้นตามปกติเด็กท้องเสีย แต่ในโถส้วม เห็นมีอึที่มีสภาพดูยาวมาก จึงกดชักโครกไป เสร็จแล้วคุณแม่ก็เปิดไฟห้องน้ำ กำลังจะล้างก้นให้ แต่พอมองลงไปในชักโครก ก็ยังเห็นอึก้อนยาว ๆ ก้อนเดิม จึงอุ้มน้องออกมาเพื่อที่จะดูให้ชัด ๆ ว่าคืออะไร

- สิ่งที่คิดว่าเป็นอึยาว ๆ ที่แท้เป็นงูตัวเป็น ๆ

           เสี้ยววินาทีที่คุณแม่อุ้มน้องอลิซออกมาจากชักโครก ปรากฏว่างู พุ่งออกมาจากชักโครกฉกเข้าที่ก้นของน้อง ทันใดนั้นคุณแม่ก็ร้องกรี๊ด จนคุณพ่อรีบพุ่งตัวออกมาจากห้องนอนเพื่อมาช่วย ก่อนที่คุณแม่จะรีบคว้ากุญแจรถ ซับเลือด และเตรียมไปโรงพยาบาลทันที ส่วนคุณพ่อ รีบไปดูที่ห้องน้ำ เพื่อจะดูว่าเป็นงูชนิดไหน

- ความตกใจผสมปนเป และความเชื่อที่ผิด

           คุณแม่เล่าว่า ตอนนั้นกลัวมาก ๆ และตกใจมาก จึงให้คุณพ่อดูดพิษลูกออก ซึ่งคุณแม่เตือนว่า วิธีนี้ คือวิธีที่ผิด เพราะหากเป็นงูมีพิษ งานนี้คุณพ่อตายก่อนเพื่อน

- สรุปงูที่กัด คืองูเหลือม พร้อมบอกวิธีดูรอยเขี้ยวงูมีพิษหรือไม่มีพิษ

           เมื่อถึงโรงพยาบาล คุณหมอก็ล้างแผลให้ และดูรอยแผล พบว่าเป็นรอยกัดของงูเหลือม ไม่มีพิษ แต่อาจมีแบคทีเรีย และเชื้อโรคที่เป็นอันตราย ซึ่งวิธีการดูเขี้ยวงูคือ รอยกัดงูไม่มีพิษจะมาเป็นแผง ๆ แบบหลาย ๆ ซี่ ส่วนรอยกัดงูพิษจะมาเป็นสองรูใหญ่ ๆ ลึก ๆ

- หนูน้อยปลอดภัย แต่ยังมีอาการหวาดกลัวการนั่งชักโครก

           น้องอลิซ ปลอดภัย แต่มีไข้เพราะการอักเสบของแผล รวมทั้งอาการ PTSD (อาการหวาดกลัวหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ) ที่น้องยังหวาดกลัวการนั่งชักโครก ซึ่งคุณแม่ได้แนะนำวิธีแก้ไขที่น่าสนใจดังนี้

           1. พ่อแม่ต้องไม่แสดงอาการ กลัว กังวล ให้ลูกเห็น ให้ใช้ชีวิตปกติที่สุด

           2. กลับเข้าบ้านวันแรก ถามลูกก่อนเลย ว่า มีความกังวลมุมไหนของบ้านบ้าง ? พาลูกสำรวจบ้านทุกมุม เพื่อให้เค้าเห็นว่า ไม่มีอะไรแล้ว

           3. ทำให้ลูกรู้สึกว่าเขาเป็นคนพิเศษ ที่ผ่านเรื่องเหลือเชื่อมาได้อย่างฉลุย !! ต่อจากนี้ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว

           4. สร้างบรรยากาศดี ๆ ในบ้าน ลบความทรงจำร้าย ๆ เช่น family dinner / movie time with mom and dad / candy party / friends visiting

           5. คุณหมอและยาวิเศษ ข้อนี้ คุณหมอแนะนำและเสนอมาเองเลยค่ะ โดยการให้เครื่องมือขจัดความกลัว แบบใช้จินตนาการของเด็กค่ะ เพียงหยดยาวิเศษนี้ลงในโถส้วม แล้วงูจะไม่โผล่มาอีก *ข้อนี้เอามาใช้เพื่อให้น้องยอมขับถ่ายให้ปกติที่สุด*


- คุณแม่แนะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้

           1. ควรมีแอลกอฮอล์ขวดใหญ่ติดบ้าน เอาไว้ราดลงคอห่าน หรือราดเข้าปากงู งูจะเกลียด เพราะมันทำให้งูหายใจติดขัด

           2. กลางดึก อย่าเข้าห้องน้ำมืด ๆ ให้เปิดไฟตลอด

           3. งูเหลือม งูหลาม ไม่มีพิษ แต่จะกัดแบบไม่ปล่อยเหยื่อ กัดจนเนื้อเราฉีกขาดได้ ดึงยังไงก็จะดึงไม่ออก ให้ราดแอลกอฮอล์เข้าปากงู งูจะปล่อยเราทันที

           4. งูไม่มีพิษกัด ก็ต้องรีบไปโรงพยาบาลเช่นกัน เพราะอาจมีแบคทีเรียที่เป็นอันตรายมากได้

           5. การเอาเชือกมัดปากแผลที่งูกัด / เอาน้ำแข็งประคบ / เอาปากดูดพิษ คือความเชื่อที่ผิด ไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ควรทำแค่เอาน้ำล้างแผล ถูสบู่ แล้วรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด


ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Audy Punnada Leung-Aram