จากปากผู้รอดชีวิต เล่านาทีเครื่องบินตก-ไถลจากรันเวย์ ร่วงลงหุบเขาจนขาด 2 ท่อน ทุกอย่างอยู่ในความมืด มีเสียงกรีดร้องระงมของผู้โดยสาร ทางการเร่งสอบสวนอุบัติภัย
![ภาพข่าว เครื่องบินตก]( "ภาพข่าว เครื่องบินตก")
ภาพจาก Arunchandra BOSE / AFP
![ภาพข่าว เครื่องบินตก]( "ภาพข่าว เครื่องบินตก")
ภาพจาก Arunchandra BOSE / AFP
จากกรณีสลด เครื่องบินโดยสารสายการบินแอร์ อินเดีย เอ็กซ์เพรส ลื่นไถลออกนอกรันเวย์ตกหุบเขา ขณะลงจอดที่สนามบินโคชิโคด ในรัฐเกรละ ทางภาคใต้ของอินเดีย จนเครื่องบินหักเป็น 2 ท่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยพบว่าเครื่องบินลำดังกล่าวอยู่ระหว่างนำตัวพลเมืองอินเดียที่ตกค้างในนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เดินทางกลับประเทศหลังมีวิกฤตโควิด 19 (COVID-19)
คืบหน้า วันที่ 8 สิงหาคม 2563 เว็บไซต์เดลี่เมล มีรายงานคำบอกเล่าจากหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเที่ยวบินระทึกดังกล่าว เป็นช่างประปาที่ตัดสินใจเดินทางกลับอินเดีย หลังวิกฤตโควิด 19 ทำให้เขาตกงานจากบริษัทก่อสร้างในดูไบ
โดย เรนจิตห์ ปานานกัด ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากโรงพยาบาล
เผยว่า ในช่วงเวลานั้นเครื่องบินแกว่งไป-มา
ก่อนที่ทุกอย่างจะตกอยู่ในความมืด
"นักบินยังทำการประกาศตามปกติก่อนนำเครื่องลงจอด แต่จากนั้นเครื่องบินก็กระแทกกับรันเวย์ และไถลลงไปเบื้องล่าง มีเสียงดังสนั่นตอนเครื่องกระแทก และผู้คนก็เริ่มกรีดร้องระงม" เรนจิตห์ กล่าว
ทั้งนี้ พบว่าหลังจากเครื่องบินลำดังกล่าวลื่นไถลจากรันเวย์ จนตกลงไปยังหุบเขาลึกกว่า 9 เมตร แรงกระแทกทำให้เครื่องบินได้รับความเสียหายอย่างหนัก บริเวณลำตัวเครื่องบินฉีกออกเป็น 2 ท่อน มีผู้โดยสารหลายรายรวมถึงนักบิน 2 คน เสียชีวิต แต่ยังเคราะห์ดีที่มีผู้รอดชีวิตจำนวนมาก รวมถึงเรนจิตห์ ซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บหนัก
เรนจิตห์ เผยว่าเขาค่อย ๆ ตามผู้โดยสารคนอื่นที่คลานออกมาจากเครื่องบิน ผ่านประตูฉุกเฉิน ในตอนนั้นมีผู้โดยสารจำนวนมากที่มีเลือดไหล จริง ๆ แล้วเขาเองก็ยังไม่เข้าใจชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะแค่เขาพยายามจะนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ร่างกายของเขาก็สั่นเทาแล้ว
รายงานเผยว่า ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้น เป็นช่วงที่มีพายุลมมรสุมตกหนักจนทำให้อยู่ในสภาพทัศนวิสัยย่ำแย่ นักบินพยายามทำการลงจอดรอบแรก แต่ก็ไม่สำเร็จ จึงได้นำเครื่องบินวนอยู่เหนือสนามบินราว 20 นาที ก่อนจะลงจอดอีกครั้งที่รันเวย์ซึ่งอยู่บนยอดเขา แต่ปรากฏว่าเครื่องได้ลื่นไถลออกจากรันเวย์ และตกลงไปยังหุบเขา
ในบรรดาผู้ที่อยู่บนเครื่องบิน ประกอบด้วยผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ 174 คน ทารก 10 คน นักบิน 2 คน และลูกเรือ 4 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 120 คน ซึ่งชุดกู้ภัยและชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าวได้พยายามเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ
ด้าน อมิตาบห์ ข่าน หัวหน้าคณะกรรมการฝ่ายวางแผนของรัฐบาลอินเดีย ยอมรับว่ารันเวย์ของสนามบินดังกล่าวตั้งอยู่บนยอดเขา ในลักษณะที่ทั้ง 2 ฝั่งของรันเวย์มีเหวลึก ทำให้ยากแก่การลงจอด เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากฝนตกหนักและทัศนวิสัยย่ำแย่ นับเป็นหายนะอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปค้นหาบันทึกการบินแล้ว ขณะที่ฝ่ายสอบสวนอุบัติภัยทางเครื่องบินก็เร่งทำงานเพื่อค้นหาความจริงที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับทางสายการบินที่ส่งทีมงานมาช่วยเหลือและสนับสนุนครอบครัวของผู้ประสบเหตุ
ขณะที่ มาร์ มาร์ติน ที่ปรึกษาด้านการบินในนครดูไบ เผยว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะระบุสาเหตุที่แท้จริงของเครื่องบินตก แม้สภาพฝนมรสุมดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมก็ตาม โดยทั้งปัจจัยด้านทัศนวิสัยย่ำแย่ รันเวย์เปียก ฐานเมฆต่ำ ล้วนนำไปสู่การเบรกที่ไม่ดี
อนึ่ง ทางรัฐมนตรีสาธารณสุขประจำรัฐเกรละ ได้ขอให้ประชาชนในพื้นที่ซึ่งเข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ เข้ารับการกักตัวเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด 19 และจะมีการตรวจหาเชื้อในกลุ่มผู้รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก
เว็บไซต์เดลี่เมล
.jpg "ภาพข่าว เครื่องบินตก")
ภาพจาก Arunchandra BOSE / AFP
ภาพจาก Arunchandra BOSE / AFP
คืบหน้า วันที่ 8 สิงหาคม 2563 เว็บไซต์เดลี่เมล มีรายงานคำบอกเล่าจากหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเที่ยวบินระทึกดังกล่าว เป็นช่างประปาที่ตัดสินใจเดินทางกลับอินเดีย หลังวิกฤตโควิด 19 ทำให้เขาตกงานจากบริษัทก่อสร้างในดูไบ
"นักบินยังทำการประกาศตามปกติก่อนนำเครื่องลงจอด แต่จากนั้นเครื่องบินก็กระแทกกับรันเวย์ และไถลลงไปเบื้องล่าง มีเสียงดังสนั่นตอนเครื่องกระแทก และผู้คนก็เริ่มกรีดร้องระงม" เรนจิตห์ กล่าว
ทั้งนี้ พบว่าหลังจากเครื่องบินลำดังกล่าวลื่นไถลจากรันเวย์ จนตกลงไปยังหุบเขาลึกกว่า 9 เมตร แรงกระแทกทำให้เครื่องบินได้รับความเสียหายอย่างหนัก บริเวณลำตัวเครื่องบินฉีกออกเป็น 2 ท่อน มีผู้โดยสารหลายรายรวมถึงนักบิน 2 คน เสียชีวิต แต่ยังเคราะห์ดีที่มีผู้รอดชีวิตจำนวนมาก รวมถึงเรนจิตห์ ซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บหนัก
เรนจิตห์ เผยว่าเขาค่อย ๆ ตามผู้โดยสารคนอื่นที่คลานออกมาจากเครื่องบิน ผ่านประตูฉุกเฉิน ในตอนนั้นมีผู้โดยสารจำนวนมากที่มีเลือดไหล จริง ๆ แล้วเขาเองก็ยังไม่เข้าใจชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะแค่เขาพยายามจะนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ร่างกายของเขาก็สั่นเทาแล้ว
รายงานเผยว่า ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้น เป็นช่วงที่มีพายุลมมรสุมตกหนักจนทำให้อยู่ในสภาพทัศนวิสัยย่ำแย่ นักบินพยายามทำการลงจอดรอบแรก แต่ก็ไม่สำเร็จ จึงได้นำเครื่องบินวนอยู่เหนือสนามบินราว 20 นาที ก่อนจะลงจอดอีกครั้งที่รันเวย์ซึ่งอยู่บนยอดเขา แต่ปรากฏว่าเครื่องได้ลื่นไถลออกจากรันเวย์ และตกลงไปยังหุบเขา
ในบรรดาผู้ที่อยู่บนเครื่องบิน ประกอบด้วยผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ 174 คน ทารก 10 คน นักบิน 2 คน และลูกเรือ 4 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 120 คน ซึ่งชุดกู้ภัยและชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าวได้พยายามเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ
ด้าน อมิตาบห์ ข่าน หัวหน้าคณะกรรมการฝ่ายวางแผนของรัฐบาลอินเดีย ยอมรับว่ารันเวย์ของสนามบินดังกล่าวตั้งอยู่บนยอดเขา ในลักษณะที่ทั้ง 2 ฝั่งของรันเวย์มีเหวลึก ทำให้ยากแก่การลงจอด เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากฝนตกหนักและทัศนวิสัยย่ำแย่ นับเป็นหายนะอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปค้นหาบันทึกการบินแล้ว ขณะที่ฝ่ายสอบสวนอุบัติภัยทางเครื่องบินก็เร่งทำงานเพื่อค้นหาความจริงที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับทางสายการบินที่ส่งทีมงานมาช่วยเหลือและสนับสนุนครอบครัวของผู้ประสบเหตุ
ขณะที่ มาร์ มาร์ติน ที่ปรึกษาด้านการบินในนครดูไบ เผยว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะระบุสาเหตุที่แท้จริงของเครื่องบินตก แม้สภาพฝนมรสุมดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมก็ตาม โดยทั้งปัจจัยด้านทัศนวิสัยย่ำแย่ รันเวย์เปียก ฐานเมฆต่ำ ล้วนนำไปสู่การเบรกที่ไม่ดี
อนึ่ง ทางรัฐมนตรีสาธารณสุขประจำรัฐเกรละ ได้ขอให้ประชาชนในพื้นที่ซึ่งเข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ เข้ารับการกักตัวเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด 19 และจะมีการตรวจหาเชื้อในกลุ่มผู้รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก
เว็บไซต์เดลี่เมล
