หมอแจงข่าวหนุ่มตายแล้วฟื้น แท้จริงแค่หลับลึกเกิน เหตุเกิดจากนอนน้อยหลับเหมือนตาย

 

         แม่หนุ่มวัย 20 ตายแล้วฟื้น เชื่อพ่อปู่เขาใหญ่ ช่วยลูกกลับมามีลมหายใจอีกครั้ง เตรียมให้ลูกบวช 1 พรรษาทดแทนคุณ ด้าน ผอ.รพ.พหลพลพยุหเสนา แจงแพทย์ตรวจพลาด แค่อาการหลับลึกมากจนเหมือนตาย



          ล่าสุด วันที่ 13 สิงหาคม 2563 เดลินิวส์ออนไลน์ เผยสัมภาษณ์ นายรเมศ โดยเล่าว่า ในวันเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 13.30 น. ขณะที่ตนกวาดบ้านชั้นบนเสร็จ เกิดรู้สึกปวดท้องจึงเดินมาเข้าห้องน้ำตามปกติ แต่เกิดท้องผูกถ่ายไม่ออก นั่งอยู่นานเกือบ 30 นาที จนรู้สึกอ่อนเพลีย หมดแรง หายใจไม่สะดวก เลยเอาหัวไปพิงกับกำแพงห้องน้ำเพื่อจะพักสักครู่ แต่หลังจากนั้นก็หมดสติจำอะไรไม่ได้เลย มาเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่ได้ยินเสียงคนหลายคนตะโกนเอะอะโวยวาย แต่ตนก็ยังไม่สามารถลืมตาหรือพูดอะไรได้ ตนรับรู้ได้ทุกอย่าง ทั้งช่วงที่มีการพลิกตัวและยกตนใส่ผ้าห่อศพ

         นายรเมศ เล่าต่อว่า หลังจากนั้นตนก็สามารถลืมตาขึ้นได้ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังใช้ผ้าห่อตัวเตรียมจะนำตนไปเข้าห้องเย็น และรอส่งไปชันสูตร โชคดีที่ตำรวจหันมาเห็นตนลืมตาพอดี จึงแจ้งให้แพทย์ตรวจร่างกายตนอีกครั้ง เมื่อพบว่ามีชีพจรจึงรีบนำส่งโรงพยาบาล ทำให้ตนรอดชีวิตมาได้ ช่วงที่หมดสติไปนั้นไม่ได้ฝันหรือเห็นสิ่งใด เหมือนคนที่หลับลึกเท่านั้น ซึ่งตนไม่เคยมีอาการวูบเช่นนี้มาก่อน อาจจะมีอาการเหนื่อยล้าจนลืมตาไม่ขึ้นบ้าง แต่ครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุด และตนรู้สึกโชคดีมากที่ได้ฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

          ด้าน นางนุสรา จันทะโก แม่ของนายรเมศ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา ป้าของนายรเมศโทร. มาบอกว่าลูกชายเสียชีวิตอยู่ภายในห้องน้ำ เลยรีบขับรถออกจาก อ.สังขละบุรี เพื่อมาให้ทันได้กอดลูกเป็นครั้งสุดท้าย ระหว่างทางเข้าเมืองกาญจนบุรี ก็มีฝนตกลงมาอย่างหนัก เลยตั้งจิตอธิษฐานกับพ่อปู่เขาใหญ่ให้ช่วยเหลือลูกด้วย จากนั้นป้าก็โทร. มาบอกว่าลูกชายฟื้นกลับมาแล้ว ทำให้รู้สึกตกใจมาก ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งลูกมีอาการป่วยโรคผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่วตั้งแต่เกิด ทำให้มีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง การได้ลูกชายกลับมาเป็นของขวัญวันแม่ชิ้นใหญ่ จากนี้ไปก็เตรียมที่จะพาลูกไปตรวจร่างกายอย่างละเอียด และจะให้ลูกบวช 1 พรรษา เพราะอายุถึงเกณฑ์แล้ว


          นอกจากนี้ข่าว One31 ยังได้รายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า นายแพทย์สมเจตน์ เหล่าลือเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบทำให้ทราบว่า แท้จริงแล้วนายรเมศไม่ได้ตายแล้วฟื้นอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการที่แพทย์ไม่ได้ทำการตรวจสอบร่างกายของนายรเมศอย่างละเอียด โดยในวันเกิดเหตุทางโรงพยาบาลได้รับแจ้งว่ามีผู้พบศพชายวัย 20 ปี เสียชีวิตอยู่ภายในห้องน้ำ เมื่อเดินทางไปตรวจสอบก็พบกับญาติ ซึ่งเคยทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนามาก่อน ให้ข้อมูลกับแพทย์ที่ลงพื้นที่ว่าได้ตรวจชีพจรแล้วแต่ไม่พบชีพจรของนายรเมศ

          ประกอบกับทางแพทย์ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบเป็นแพทย์จบใหม่ ยังขาดประสบการณ์ จึงไม่ได้ทำการตรวจสอบรูม่านตาและตรวจสอบชีพจรอย่างละเอียด มีเพียงการถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานและตรวจวัดชีพจรเบื้องต้นเท่านั้น ในระหว่างที่กำลังจะเคลื่อนย้ายนายรเมศไปเก็บรักษาที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ปรากฏว่านายรเมศฟื้นคืนสติขึ้นมา ส่วนสาเหตุที่นายรเมศมีลักษณะคล้ายคนเสียชีวิตแน่นิ่งอยู่หลายชั่วโมงนั้น น่าจะมาจากอาการหลับลึก สาเหตุมาจากการไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ประกอบกับเคยมีประวัติการผ่าตัดบายพาสหัวใจ ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อรวมเข้ากับการที่นายรเมศทำงานจนดึกและไม่ได้พักผ่อน จึงอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการหลับลึกได้

           ทั้งนี้ สำหรับความผิดพลาดของแพทย์ในครั้งนี้ ทางโรงพยาบาลขอน้อมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และขอโทษที่ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งต่อจากนี้จะได้มีการเน้นย้ำแพทย์ผู้ปฏิบัติงานให้มีการตรวจสอบให้ละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำ และทำให้สังคมเข้าใจผิดเหมือนเช่นกรณีที่เกิดขึ้นนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์, One31