รัฐบาล ถังแตกจริง ไฟเขียวกู้เงินเพิ่ม 2.14 แสนล้าน เหตุเงินคงคลังไม่พอ เก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า

          ครม. ไฟเขียวให้กู้เงินเพิ่ม 2.14 แสนล้านบาท เนื่องจากเงินคงคลังไม่พอใช้จ่าย รับปีนี้เก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า 3 แสนล้านทำกระทบหมด ส่วนโครงการเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ตอนนี้กู้ไปแล้ว 3.18 แสนล้าน



          วันที่ 20 สิงหาคม 2563 สปริงนิวส์ รายงานว่า นางแพตริเซีย มงคลวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยมติในที่ประชุม ครม. ว่า ล่าสุดมีความเห็นชอบให้กระทรวงการคลัง กู้เงินปีงบประมาณ 2563 อีก 2.14 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้กรณีที่รายจ่ายมากกว่ารายได้

          ทั้งนี้ คาดว่า รัฐจะสามารถเก็บรายได้ต่ำกว่า 9% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ ตีเป็นจำนวนเงินคือ 3 แสนล้านบาท และเงินคงคลังอาจจะไม่เพียงพอในการใช้จ่ายของประเทศ เนื่องจากเงินคงคลังเหลือน้อยแล้ว

          เบื้องต้น สบน. จะประเดิมกู้ส่วนแรก 5 หมื่นล้านบาท โดยการออกเป็นพันธบัตรออมทรัพย์ขายให้ประชาชนทั่วไป ส่วนวงเงินกู้ 2.14 แสนล้านบาท เป็นคนละส่วนของการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 2563 จำนวน 4.69 แสนล้านบาท ซึ่งกู้เต็มไปหมดแล้ว

          สำหรับการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ สามารถกู้ได้ 20% ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย บวกกับอีก 80% ของต้นชำระเงินกู้ ทำให้ปี 2563 สามารถกู้ได้ 6.38 ล้านบาท เป็นการกู้เงินเพื่อชดเชยขาดดุล และกู้กรณีรายจ่ายมากกว่ารายได้

          ขณะเดียวกัน การกู้เงินมาแนวนี้ ไม่ได้ทำเป็นครั้งแรก เคยทำสมัยที่จะเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์มาแล้ว เนื่องจากตอนนั้น รายจ่ายมากกว่ารายได้ที่เก็บเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การกู้เงินแบบนี้ ไม่ได้ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะมีปัญหา ล่าสุดอยู่ที่ 45.83% ของจีดีพี และสิ้นปีงบประมาณนี้จะอยู่ที่ 51-52% ของจีดีพี สิ้นปีงบประมาณ 2564 จะอยู่ที่ 57-58% ของจีดีพี

          ส่วนเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ตอนนี้คลังกู้ไปแล้ว 3.18 แสนล้านบาท ส่วนที่เหลือคาดว่าน่าจะกู้ในปีงบประมาณ 2564 ตามความต้องการใช้เงินของโครงการต่าง ๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก สปริงนิวส์