วันที่ 24 สิงหาคม 2563 กองทัพเรือ แถลงข่าว ปมซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ 22,500 ล้านบาท โดยการจัดหาเรือดำน้ำของไทยมีครั้งแรกในปีงบประมาณ 2560 และจะเข้าประจำการในปี 2566 โดยกองทัพเรือได้เผยจำนวนเรือดำน้ำของประเทศเพื่อนบ้านให้ที่ประชุมอนุฯ รับทราบ และมองว่ากำลังทางเรือจำเป็นต่อการเจรจาพื้นที่อ้างสิทธิ์ ปัจจุบันสหรัฐฯ นำกำลังทางเรือเข้าสู่ทะเลจีนใต้มากขึ้น หากเกิดการปะทะ กองทัพเรือจะต้องทำหน้าที่ดูแลเส้นทางคมนาคมขนาดใหญ่ของไทย มูลค่า 24 ล้านล้านบาท
พร้อมกันนั้นยังมีการย้ำว่า เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของชาติ 24 ล้านล้านบาท กองทัพเรือจัดซื้อเรือดำน้ำ 22,500 บาท เท่ากับแค่ 0.093 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @duangtip_TPBS
สำหรับการจัดซื้อเรือดำน้ำ เป็นไปตามหลักการ มีขั้นตอน ทำโดยความรอบคอบ ยึดหลักความประหยัดและคุ้มค่าเป็นสำคัญ ตระหนักดีถึงคุณค่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เป็นงบประมาณของประเทศชาติ โดยการซื้อเรือดำน้ำ เป็นการผ่อนจ่าย เปรียบเหมือนประชาชนที่มีเงินน้อยที่ต้องการมีทีวี มีรถยนต์ ก็ต้องทยอยจัดหา ไม่ใช่ใช้เงินทั้งก้อนไปซื้อทั้งหมด
การซื้อเรือดำน้ำ เป็นรายการเสริมสร้างกำลังกองทัพที่ผูกพันเริ่มปี 2563-2569 เป็นการทยอยจ่ายจากการใช้งบรายปีของกองทัพเรือ ไม่ได้ขอรับงบเพิ่มเติม และรายการนี้อยู่ในงบปี 2563 รวม 3,375 ล้านบาท รวมทั้งหมดถึงปี 2569 จำนวน 22,500 ล้านบาท คือทยอยจ่ายปีละ 2,000-3,000 ล้านบาท
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @duangtip_TPBS
สำหรับการจัดซื้อเรือดำน้ำ ซึ่งมีการลงนามแบบจีทูจี ที่มี พล.ร.อ. ลือชัย รุดดิษฐ์ ลงนาม ไม่ส่อโมฆะตามที่พรรคการเมืองบอก เพราะได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทย
ยืนยันว่าประวัติศาสตร์กองทัพเรือไม่เคยพูดเท็จกับประชาชน พร้อมแสดงเอกสารลงนามในข้อตกลงฯ สร้างเรือดำน้ำ ลำที่ 1 เมื่อปี 2560 โดยตัวแทนรัฐบาลจีน คือ "CSOC" ขณะที่ตัวแทนรัฐบาลไทย คือ "กองทัพเรือ" เมื่อเป็นจีทูจี เราจึงไม่ใช้คำว่าสัญญา แต่ใช้คำว่า "ข้อตกลง" ยืนยันว่า เรือดำน้ำ ลำที่ 2-3 ต้องมี เพราะอยู่ใน พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2563 และกองทัพเรือ มีหน้าที่ต้องจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ซึ่งเจรจาจนได้ข้อยุติแล้ว
ทั้งนี้ วอนอย่านำประเด็นเรือดำน้ำมาหวังผลทางการเมือง ซึ่งจากผลโพล เนชั่นทีวี ประชาชนก็ยืนยันถึง 71 เปอร์เซ็นต์ เห็นด้วยให้มีการซื้อเรือดำน้ำ
ก่อนหน้านี้ ได้มีการจัดหาเรือดำน้ำ 1 ลำ ในปี 2560 มูลค่า 13,500 ล้านบาท ทยอยจ่าย 7 ปี โดยการจัดหาในครั้งนี้ จัดหาเพิ่มอีก 2 ลำ เพื่อให้ครบ 3 ลำ ซึ่งขอรับตามงบประมาณปี 2563 แล้ว ไม่ใช่โครงการผูกพันงบประมาณเริ่มใหม่ในปี 2564 ซึ่งในปี 2563 กองทัพเรือนำเงินที่ได้จากงบประมาณส่งคืนทั้งหมดเพื่อช่วยแก้ปัญหา โควิด19 แล้ว ซึ่งถือเป็นหน่วยแรกที่มีการคืนเงิน ตอนประเทศเดือดร้อนกองทัพเรือไปช่วยทุกครั้ง ตอนโควิดไปช่วยเป็นหน่วยแรก ทำจนสุดความสามารถ ใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่มีช่วยประชาชน
กรณีจีทูจีปลอมตามที่ฝ่ายการเมืองอ้าง ไม่เป็นความจริง
ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับจีนปรับข้อตกลงจีทูจีใหม่ภายในเดือนกันยายน
หลังคืนค่างวดแรกในงบปี 2563 แก้โควิด 19
ย้ำหากหาข้อยุติจีทูจีใหม่ไม่ได้จะกระทบสูญเสียเชิงพาณิชย์
ขอบคุณข้อมูลจาก ThaiPBS
ขอบคุณข้อมูลจาก ThaiPBS