แฉหลักฐานกล้องวงจรปิด - เทปบันทึกเสียง พล.ต.อ. ช่วย บอส วรยุทธ ให้รอดคดี ด้วยการเปลี่ยนความเร็ว เปลี่ยนวันที่สอบปากคำ ด้านตำรวจแถลง เรียก พล.ต.อ. สมยศ มาสอบปากคำไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว และในสำนวนของวิชา มหาคุณ ก็ไม่ได้ระบุชื่อ
จากกรณีที่ นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ได้แถลงข้อเท็จจริงว่า มีพนักงานอัยการและบุคคลจำนวนหนึ่งได้จัดพาให้รองศาสตราจารย์ ส. พบกับตำรวจยศ พ.ต.ท. ชื่อย่อ ธ. เพื่อนำเสนอวิธีการคำนวณความเร็วใหม่ และแก้ไขวันที่สอบปากคำเป็นวันที่ 26 กุมภาพันธ์ และ 2 มีนาคม 2559
ล่าสุด วันที่ 3 กันยายน 2563 กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่า พนักงานอัยการที่ถูกกล่าวอ้าง ตอนนี้เป็นอัยการอาวุโส เคยพัวพันกับคดีใหญ่คดีหนึ่ง ที่ผู้ต้องหาเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ส่วนวันที่คุยกันคือ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 เดินทางไปพร้อมกับตำรวจยศ พล.ต.อ. นายหนึ่ง โดยมีภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด และเทปบันทึกการสนทนาเป็นหลักฐาน ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ตามที่รายงานแต่อย่างใด
ส่วนทางตำรวจ พล.ต.ท. จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ได้แถลงความคืบหน้าในส่วนของตัวเองว่า พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เห็นควรให้จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการสอบสวน เพราะผู้กระทำผิดอยู่ในหลายสังกัด โดยเฉพาะ พล.ต.ท. เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นคนที่ไม่มีความเห็นแย้งกับสำนวนอัยการ
ขณะที่เรื่องการดำเนินการด้านวินัยกับตำรวจ 11 นายแรก ทาง ป.ป.ช. ได้ส่งเรื่องกลับมาว่าเป็นวินัยไม่ร้ายแรง เว้นแต่ว่าพบความผิดใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง ก็จะส่งให้กองวินัยพิจารณาลงทัณฑ์ และถ้าหากพบความผิดมาตรา 157 ก็ต้องส่ง ป.ป.ช. ตามขั้นตอนต่อไป ส่วนตำรวจ 10 นายหลังที่ถูกตั้งกรรมการสอบวินัย หากพบเป็นคดีอาญา ก็ต้องส่งให้ ป.ป.ช. ด้วย
สำหรับกรณีเรื่องการแก้วันที่จากวันที่ 29 เป็น 26 กุมภาพันธ์ 2559 ทางคณะกรรมการชุดของตนก็มีการเก็บรายละเอียดไว้หมดแล้ว และจะเอามาเปรียบเทียบกับชุดนายวิชา ว่าเหตุใดข้อมูลไม่ตรงกันต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ
