สปสช. แถลงปมยกเลิกบัตรทอง หลังพบมีการทุจริต 188 แห่ง ทั่ว กทม. ใช้สิทธิประชาชนแอบอ้างเบิกค่าใช้จ่ายไม่ถูกต้อง ชี้กระทบประชาชนกว่า 2 ล้านคน เสียหาย 195 ล้านบาท แค่ปี 62 ปีเดียว จ่อตรวจสอบย้อนหลังตั้งแต่เริ่มโครงการ
จากกรณีที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยรายชื่อคลินิกชุมชนอบอุ่น และโรงพยาบาลเอกชน ที่ถูกยกเลิกสัญญา จำนวน 64 แห่ง โดยการยกเลิกสัญญาดังกล่าวจะกระทบประชาชนประมาณ 800,000 คน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลรัฐที่ใดก็ได้ใน กทม. หรือโรงพยาบาลและคลินิกที่เป็นคู่สัญญากับ สปสช. ได้ทุกแห่ง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
อ่านข่าว : เผยรายชื่อ 64 คลินิก-รพ. ถูก สปสช. ยกเลิกเป็นเครือข่ายบัตรทอง คาดกระทบ 8 แสนคน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 23 กันยายน 2563 hfocus รายงานว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้จัดงานแถลงข่าว
สปสช. แจงยกเลิกสัญญา 64 คลินิก - รพ. เอกชน ด้วยเหตุทุจริต
โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
- จากการตรวจสอบการเบิกจ่ายของหน่วยบริการที่เป็นคู่สัญญากับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทั้งที่เป็นคลินิกชุมชนอบอุ่น และโรงพยาบาลพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่ามีการนำสิทธิประชาชนมาแอบอ้างเบิกค่าใช้จ่ายไม่ถูกต้อง โดยประชาชนไม่ได้เข้าใช้บริการจริง
- เบื้องต้น สปสช. แจ้งความร้องทุกข์กับกองปราบปราม ในล็อตที่ 3 เพิ่มอีก 106 แห่ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบการทุจริตและแจ้งความแล้ว 2 ล็อต โดยล็อตที่ 1 จำนวน 18 แห่ง และล็อตที่ 2 จำนวน 64 แห่ง รวมขณะนี้ 3 ล็อต ตรวจสอบพบทุจริตแล้ว 188 แห่ง
- สปสช. จะดำเนินการเรียกค่าเสียหายคืนทั้งหมด หากไม่คืนก็จะมีการฟ้องเรียกค่าเสียหาย ซึ่งจำเป็นต้องยกเลิกสัญญากับทั้ง 188 แห่ง
- การตรวจสอบที่พบการทุจริตในขณะนี้ เป็นการดำเนินการตรวจสอบโครงการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคเพียง 1 รายการ คือ รายการของกลุ่มโรคเมตาบอลิก จากที่มีทั้งหมด 18 รายการ และเป็นการตรวจสอบเฉพาะการเบิกจ่ายในปีงบประมาณ 2562
- จะเสนอบอร์ด สปสช. ในการขยายการตรวจสอบการเบิกจ่ายในโครงการนี้ย้อนหลังไปถึงปีงบประมาณที่เริ่มต้นโครงการด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถบอกได้ว่ามีการทุจริตเบิกจ่ายโครงการนี้ไปเท่าไหร่
- นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบคลินิกทันตกรรมให้การรักษาบริการไม่ถูกต้องอีก 7 แห่งด้วย และอยู่ระหว่างการตรวจสอบทั้งระบบเช่นกัน
- การตรวจสอบพบทุจริตในล็อตที่ 3 จำนวน 106 แห่ง มีประชาชนที่จะได้รับผลกระทบอีกราว 9 แสน ถึง 1 ล้านคน อยู่ระหว่างการประสานและดำเนินการเพื่อหาหน่วยบริการรองรับ ส่วนมูลค่าความเสียหายรวมทั้ง 3 ล็อต เป็นเงิน 195 ล้านบาท
- ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสัญญาล็อตที่ 1 จำนวน 18 แห่ง ราว 2 แสนคนนั้น ได้ดำเนินการจัดหาให้เข้าสู่หน่วยบริการแล้ว
- ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสัญญาล็อตที่ 2 จำนวน 64 แห่ง กระทบราว 8 แสนคนนั้น แบ่งดำเนินการเป็น 3 ส่วน ได้แก่
1. โรคที่ต้องอาศัยโรงพยาบาลในการดูแล เช่น ผ่าตัด คลอดบุตร ล้างไต ทาง สปสช. ได้ดำเนินการประสานไปยังผู้ป่วยเพื่อแจ้งสถานพยาบาลที่จะได้รับบริการให้ทราบแล้ว หรือโทร. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 090-197-5271
2. กลุ่มโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง สปสช. ได้ประสานสำนักอนามัย กรุงเทพมหานครในการดูแลผู้ป่วยในระยะสั้นก่อนแล้ว โดยสามารถเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร ทั้ง 69 แห่ง
3. โรคทั่วไป ที่เข้ารับบริการผู้ป่วยนอก ขณะนี้จะถือว่าเป็นสิทธิว่าง ได้รับวีซ่าพิเศษ หากเจ็บป่วยสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการบัตรทองได้ทั้งของรัฐและเอกชนที่ใดก็ได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะหน่วยบริการจะเบิกมายัง สปสช. เอง
- การดำเนินการตรวจสอบพบทุจริตและยกเลิกสัญญาเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครเท่านั้น อีก 76 จังหวัด ไม่ต้องกังวลยังใช้สิทธิได้เหมือนเดิม
- กรณีผู้ได้รับผลกระทบที่อยู่ใน กทม. หากได้รับการจัดหน่วยบริการใหม่ให้แล้วพบว่าไม่เหมาะสม สามารถเปลี่ยนเป็นหน่วยบริการที่ใกล้ได้ และขณะนี้ สปสช. อยู่ระหว่างการเปิดรับหน่วยบริการรองรับในพื้นที่ กทม. เพิ่มเติม
ขอบคุณข้อมูลจาก hfocus
อ่านข่าว : เผยรายชื่อ 64 คลินิก-รพ. ถูก สปสช. ยกเลิกเป็นเครือข่ายบัตรทอง คาดกระทบ 8 แสนคน
- จากการตรวจสอบการเบิกจ่ายของหน่วยบริการที่เป็นคู่สัญญากับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทั้งที่เป็นคลินิกชุมชนอบอุ่น และโรงพยาบาลพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่ามีการนำสิทธิประชาชนมาแอบอ้างเบิกค่าใช้จ่ายไม่ถูกต้อง โดยประชาชนไม่ได้เข้าใช้บริการจริง
- เบื้องต้น สปสช. แจ้งความร้องทุกข์กับกองปราบปราม ในล็อตที่ 3 เพิ่มอีก 106 แห่ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบการทุจริตและแจ้งความแล้ว 2 ล็อต โดยล็อตที่ 1 จำนวน 18 แห่ง และล็อตที่ 2 จำนวน 64 แห่ง รวมขณะนี้ 3 ล็อต ตรวจสอบพบทุจริตแล้ว 188 แห่ง
- สปสช. จะดำเนินการเรียกค่าเสียหายคืนทั้งหมด หากไม่คืนก็จะมีการฟ้องเรียกค่าเสียหาย ซึ่งจำเป็นต้องยกเลิกสัญญากับทั้ง 188 แห่ง
- การตรวจสอบที่พบการทุจริตในขณะนี้ เป็นการดำเนินการตรวจสอบโครงการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคเพียง 1 รายการ คือ รายการของกลุ่มโรคเมตาบอลิก จากที่มีทั้งหมด 18 รายการ และเป็นการตรวจสอบเฉพาะการเบิกจ่ายในปีงบประมาณ 2562
- จะเสนอบอร์ด สปสช. ในการขยายการตรวจสอบการเบิกจ่ายในโครงการนี้ย้อนหลังไปถึงปีงบประมาณที่เริ่มต้นโครงการด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถบอกได้ว่ามีการทุจริตเบิกจ่ายโครงการนี้ไปเท่าไหร่
- นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบคลินิกทันตกรรมให้การรักษาบริการไม่ถูกต้องอีก 7 แห่งด้วย และอยู่ระหว่างการตรวจสอบทั้งระบบเช่นกัน
- การตรวจสอบพบทุจริตในล็อตที่ 3 จำนวน 106 แห่ง มีประชาชนที่จะได้รับผลกระทบอีกราว 9 แสน ถึง 1 ล้านคน อยู่ระหว่างการประสานและดำเนินการเพื่อหาหน่วยบริการรองรับ ส่วนมูลค่าความเสียหายรวมทั้ง 3 ล็อต เป็นเงิน 195 ล้านบาท
- ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสัญญาล็อตที่ 1 จำนวน 18 แห่ง ราว 2 แสนคนนั้น ได้ดำเนินการจัดหาให้เข้าสู่หน่วยบริการแล้ว
- ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสัญญาล็อตที่ 2 จำนวน 64 แห่ง กระทบราว 8 แสนคนนั้น แบ่งดำเนินการเป็น 3 ส่วน ได้แก่
1. โรคที่ต้องอาศัยโรงพยาบาลในการดูแล เช่น ผ่าตัด คลอดบุตร ล้างไต ทาง สปสช. ได้ดำเนินการประสานไปยังผู้ป่วยเพื่อแจ้งสถานพยาบาลที่จะได้รับบริการให้ทราบแล้ว หรือโทร. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 090-197-5271
2. กลุ่มโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง สปสช. ได้ประสานสำนักอนามัย กรุงเทพมหานครในการดูแลผู้ป่วยในระยะสั้นก่อนแล้ว โดยสามารถเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร ทั้ง 69 แห่ง
3. โรคทั่วไป ที่เข้ารับบริการผู้ป่วยนอก ขณะนี้จะถือว่าเป็นสิทธิว่าง ได้รับวีซ่าพิเศษ หากเจ็บป่วยสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการบัตรทองได้ทั้งของรัฐและเอกชนที่ใดก็ได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะหน่วยบริการจะเบิกมายัง สปสช. เอง
- การดำเนินการตรวจสอบพบทุจริตและยกเลิกสัญญาเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครเท่านั้น อีก 76 จังหวัด ไม่ต้องกังวลยังใช้สิทธิได้เหมือนเดิม
- กรณีผู้ได้รับผลกระทบที่อยู่ใน กทม. หากได้รับการจัดหน่วยบริการใหม่ให้แล้วพบว่าไม่เหมาะสม สามารถเปลี่ยนเป็นหน่วยบริการที่ใกล้ได้ และขณะนี้ สปสช. อยู่ระหว่างการเปิดรับหน่วยบริการรองรับในพื้นที่ กทม. เพิ่มเติม
ขอบคุณข้อมูลจาก hfocus
