วันมาฆบูชา 2568 ตรงกับวันพุธ 12 กุมภาพันธ์ วันหยุดราชการและธนาคาร


          วันมาฆบูชา 2568 ตรงกับวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ เป็นวันหยุดราชการและวันหยุดธนาคาร สำหรับประวัติความเป็นมา วันมาฆบูชาเป็นวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เนื่องจากเป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาติโมกข์แก่พระภิกษุจำนวน 1,250 รูป ณ เวฬุวันวิหาร เมืองราชคฤห์ โดยมิได้นัดหมาย พระภิกษุทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า และบรรลุพระอรหันต์แล้วทุกองค์

วันมาฆบูชา

ประวัติวันมาฆบูชา คือวันอะไร


          คำว่า "มาฆะ" มาจากชื่อของเดือน 3 ในปฏิทินจันทรคติของอินเดีย โดยคำเต็มคือ "มาฆบุรณมี" ซึ่งหมายถึงการบูชาพระในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะ หรือเดือน 3 ตามปฏิทินไทย วันมาฆบูชานี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในพระพุทธศาสนา เนื่องจากเป็นวันที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น เช่น การแสดงโอวาทปาติโมกข์ของพระพุทธเจ้า และยังเป็นโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้แสดงความศรัทธาผ่านการทำบุญ เวียนเทียน และปฏิบัติธรรม เพื่อรำลึกถึงพระธรรมคำสอนอีกด้วย  

การกำหนดวันมาฆบูชา


          วันมาฆบูชาตามปฏิทินจันทรคติของไทย กำหนดให้ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 อย่างไรก็ตาม หากปีใดมีเดือนอธิกมาส หรือเดือน 8 สองครั้ง วันมาฆบูชาจะเลื่อนออกไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 แทน โดยทั่วไป วันมาฆบูชามักจะตรงกับช่วงเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม สำหรับปฎิทินวันพระ 2568 วันมาฆบูชาตรงกับวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ ซึ่งนอกจากจะเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาแล้ว ยังเป็นหนึ่งในวันพระตามปฏิทินจันทรคติที่พุทธศาสนิกชนใช้สำหรับการปฏิบัติธรรมและทำบุญในแต่ละปี

ประวัติวันมาฆบูชา และความสำคัญของวันมาฆบูชา


          ความสำคัญของวันมาฆบูชา คือ วันมาฆบูชาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง โอวาทปาติโมกข์ แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรกหลังตรัสรู้ได้ 9 เดือน โอวาทปาติโมกข์ถือเป็นหลักคำสอนสำคัญที่สรุปแนวทางการปฏิบัติไว้ 3 ข้อหลัก ได้แก่ ทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำจิตใจให้บริสุทธิ์

          นอกจากนี้ วันมาฆบูชายังเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ขึ้นพร้อมกันถึง 4 ประการ หรือที่เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต ได้แก่

          1. วันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
          2. มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระพุทธเจ้า
          3. พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ ผู้สำเร็จอภิญญา 6
          4. พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือที่เรียกว่า เอหิภิกขุอุปสัมปทา

          ด้วยเหตุการณ์อัศจรรย์ทั้ง 4 ประการนี้ ทำให้วันมาฆบูชามีอีกชื่อหนึ่งว่า วันจาตุรงคสันนิบาต ซึ่งมีความหมายว่า การประชุมด้วยองค์ 4 (จาตุร = 4, องค์ = ส่วน, สันนิบาต = การประชุม)

          นอกจากนี้ วันมาฆบูชายังถือเป็นวันพระธรรม อันแตกต่างจากวันวิสาขบูชา ซึ่งถือเป็น วันพระพุทธ และวันอาสาฬหบูชา ซึ่งถือเป็น วันพระสงฆ์ แสดงถึงความสมบูรณ์ของพระรัตนตรัยที่เป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา

ประวัติวันมาฆบูชาในประเทศไทย


          พิธีทำบุญวันมาฆบูชาไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่ามีมาตั้งแต่สมัยใด แต่ในหนังสือ พระราชพิธีสิบสองเดือน บทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้บันทึกถึงการประกอบพิธีมาฆบูชาไว้ โดยระบุว่าประเทศไทยเริ่มมีพิธีกรรมวันมาฆบูชาเป็นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ในปี พ.ศ. 2394 โดยจัดขึ้นภายในพระบรมมหาราชวัง มีการทำพระราชกุศลในช่วงเช้า นมัสการพระสงฆ์จากวัดบวรนิเวศราชวรวิหารและวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร รวม 30 รูป เพื่อฉันภัตตาหารในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

          ในช่วงค่ำ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทรงจุดธูปเทียนนมัสการ พระสงฆ์ทำวัตรเย็นและสวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ เสร็จแล้วทรงจุดเทียนจำนวน 1,250 เล่มรอบพระอุโบสถ และมีการเทศนาโอวาทปาติโมกข์ทั้งภาษาบาลีและภาษาไทย พร้อมเครื่องกัณฑ์ประกอบด้วยจีวรเนื้อดี 1 ผืน เงิน 3 ตำลึง และขนมต่าง ๆ

          พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพิธีนี้ด้วยพระองค์เองทุกปี ในขณะที่ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 หากตรงกับช่วงเสด็จประพาสก็จะทรงประกอบพิธีในสถานที่ที่ประทับอยู่

          ต่อมา พิธีมาฆบูชาได้แพร่หลายออกนอกพระบรมมหาราชวัง กลายเป็นพิธีกรรมสำคัญที่จัดกันทั่วราชอาณาจักร ทางรัฐบาลจึงประกาศให้วันมาฆบูชาเป็นวันหยุดราชการ เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสไปทำบุญและประกอบกิจกรรมทางศาสนา

          ในปี พ.ศ. 2549 รัฐบาลไทยยังได้ประกาศให้วันมาฆบูชาเป็น วันกตัญญูแห่งชาติ เพื่อรณรงค์ให้คนไทยระลึกถึงความสำคัญของความกตัญญูต่อบิดามารดา ครูอาจารย์ และบุคคลที่มีพระคุณอีกด้วย

วันมาฆบูชา กับหลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติ


          หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติคือ "โอวาทปาติโมกข์" ซึ่งเป็นหลักคำสอนสำคัญอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ไม่จำเป็นว่าจะเป็นวันพระวันไหนหรือไม่อย่างไร เพื่อนำไปสู่ความหลุดพ้น หลักธรรมประกอบด้วย หลักการ 3 อุดมการณ์ 4 และวิธีการ 6 ดังนี้

          หลักการ 3 คือหลักคำสอนที่ควรปฏิบัติ ได้แก่


          1. การไม่ทำบาปทั้งปวง คือ การลด ละ เลิก ทำบาปทั้งปวง อันได้แก่ อกุศลกรรมบถ 10 ซึ่งเป็นทางแห่งความชั่ว 10 ประการที่เป็นความชั่วทางกาย (การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม) ทางวาจา (การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดเพ้อเจ้อ) และทางใจ (การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม)

          2. การทำกุศลให้ถึงพร้อม คือ การทำความดีทุกอย่างตามกุศลกรรมบถ 10 ทั้งความดีทางกาย (ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ประพฤติผิดในกาม) ความดีทางวาจา (ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ) และความดีทางใจ (ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น มีความเมตตาปรารถนาดี มีความเข้าใจถูกต้องตามทำนองคลองธรรม)

          3. การทำจิตใจให้ผ่องใส คือ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ หลุดจากนิวรณ์ที่คอยขัดขวางจิตใจไม่ให้เข้าถึงความสงบ ได้แก่ ความพอใจในกาม ความพยาบาท ความหดหู่ท้อแท้ ความฟุ้งซ่าน และความลังเลสงสัย

          ซึ่งทั้ง 3 หลักการข้างต้นสามารถสรุปใจความสำคัญได้ว่า "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์" นั่นเอง

อุดมการณ์ 4 ได้แก่


          1. ความอดทน อดกลั้น คือ ไม่ทำบาปทั้งกาย วาจา ใจ
          2. ความไม่เบียดเบียน คือ งดเว้นจากการทำร้ายหรือเบียดเบียนผู้อื่น
          3. ความสงบ ได้แก่ การปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย วาจา ใจ
          4. นิพพาน ได้แก่ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา


วิธีการ 6 ได้แก่


          1. ไม่ว่าร้าย คือ ไม่กล่าวให้ร้าย โจมตีใคร
          2. ไม่ทำร้าย คือ การไม่เบียดเบียนผู้อื่น
          3. สำรวมในปาฏิโมกข์ คือ เคารพระเบียบวินัย กฎกติกา รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของสังคม
          4. รู้จักประมาณ คือ รู้จักความพอดีในการบริโภค รวมทั้งการใช้สอยสิ่งต่าง ๆ
          5. อยู่ในสถานที่สงัด คือ อยู่ในสถานที่ที่มีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
          6. ฝึกหัดจิตใจให้สงบ คือ การฝึกหัดชำระจิตใจให้สงบ มีประสิทธิภาพที่ดี

วันมาฆบูชา

กิจกรรมวันมาฆบูชาที่ควรปฏิบัติ


          การปฏิบัติตนสำหรับพุทธศาสนิกชนในวันมาฆบูชา คือ ในตอนเช้า ควรไปทำบุญตักบาตร ไปวัดเพื่อฟังพระธรรมเทศนา หรือจัดสำรับคาว-หวานไปทำบุญถวายภัตตาหาร ช่วงบ่าย ฟังพระแสดงพระธรรมเทศนา เจริญสมาธิภาวนา เมื่อถึงตอนค่ำ นำดอกไม้ ธูป เทียน ไปเวียนเทียน 3 รอบ ที่พระอุโบสถ โดยการเวียนเทียนนั้นจะเวียนขวา จำนวน 3 รอบ และช่วงเวลาที่เดินอยู่นั้นให้ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นอกจากนี้พุทธศาสนิกชนควรบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ตามสถานที่ต่าง ๆ และรักษาศีล สำหรับตามบ้านเรือน สถานที่ราชการ จะมีการประดับธงชาติ ธงธรรมจักร เพื่อระลึกถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

ข้อเสนอแนะการจัดกิจกรรมวันมาฆบูชา


          1. กิจกรรมวันมาฆบูชาเกี่ยวกับครอบครัว

          กิจกรรมที่ครอบครัวควรทำในวันมาฆบูชา เช่น การทำความสะอาดบ้าน จัดแต่งที่บูชาประจำบ้าน ชักชวนครอบครัวไปทำบุญตักบาตร ฟังศีล ฟังธรรม บำเพ็ญกุศล ปฏิบัติธรรม รวมทั้งควรศึกษาหลักธรรมคำสั่งสอนและความสำคัญของวันมาฆบูชาด้วย

          2. กิจกรรมวันมาฆบูชาเกี่ยวกับสถานศึกษา

          ในสถานศึกษาเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญอีกแห่ง โดยภายในสถานศึกษาควรมีการร่วมรำลึกถึงความสำคัญของวันมาฆบูชา เช่น จัดนิทรรศการให้ความรู้ ประกวดเรียงความ ตอบปัญหาธรรมะ บรรยายธรรม หรือร่วมกันทำบุญ ตักบาตร เวียนเทียน บำเพ็ญกุศล อีกทั้งประกาศเกียรติคุณนักเรียนผู้ทำประโยชน์ ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี

          3. กิจกรรมวันมาฆบูชาเกี่ยวกับสถานที่ทำงาน

          ควรประชาสัมพันธ์ในที่ทำงาน และจัดให้มีการบรรยายธรรม หรือบำเพ็ญประโยชน์ร่วมกัน ร่วมทำบุญ บำเพ็ญกุศลร่วมกัน

          4. กิจกรรมวันมาฆบูชาเกี่ยวกับสังคม

          ภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นวัด มูลนิธิ สมาคม สื่อมวลชน สนามบิน สถานีรถไฟ ฯลฯ ควรช่วยกันประชาสัมพันธ์ความสำคัญของวันมาฆบูชา อาจเป็นการพิมพ์เอกสารให้ความรู้ จัดให้มีการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา เช่น ทำบุญตักบาตร ฟังธรรม ช่วยกันรณรงค์ให้เลิกอบายมุข โดยรณรงค์ให้ช่วยกันทำประโยชน์ต่อสังคมแทน อาจช่วยกันปลูกต้นไม้ ทำความสะอาดที่สาธารณะ ฯลฯ


ประโยชน์ที่จะได้รับจากการจัดกิจกรรมในวันมาฆบูชา


          พุทธศาสนิกชนจะมีความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับความสำคัญของวันมาฆบูชา รวมทั้งหลักธรรมต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดความตระหนักต่อความสำคัญของพระพุทธศาสนา อีกทั้งยังเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะชาวพุทธ และยังเป็นการช่วยธำรงพระพุทธศาสนาให้สืบต่อไป

          วันมาฆบูชา 2568 เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ควรค่าแก่การระลึกถึง เพื่อเรียนรู้และปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญ ตักบาตร เวียนเทียน หรือปฏิบัติธรรม อันเป็นการสืบสานประเพณีและส่งเสริมความสงบสุขในสังคม
 

เช็กปฏิทิน 2568 ครบทุกหมวด ทั้งวันหยุดราชการ วันหยุดธนาคาร วันพระ และวันสำคัญต่าง ๆ 
ขอบคุณข้อมูลจาก : INNnews.co.th, dhammathai.org, culture.go.th, dhammajak.net

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วันมาฆบูชา 2568 ตรงกับวันพุธ 12 กุมภาพันธ์ วันหยุดราชการและธนาคาร อัปเดตล่าสุด 17 ธันวาคม 2567 เวลา 17:51:14 2,103,703 อ่าน
TOP
x close