สาวใจสลาย ถูกเจ้าบ่าวเทกลางงาน ชอกช้ำท่ามกลางแขกนับร้อย รัก 10 ปี ไม่มีความหมาย ชี้ยังโกหกกันจนถึงที่สุด อ้างกำลังมางาน แต่กลับไม่โผล่มาให้เห็น จากนี้ขอบาย อย่าหวังคืนดี
![สาวใจสลาย]( "สาวใจสลาย")
สำหรับวันสำคัญอย่างวันแต่งงาน นอกจากจะเป็นช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้นยินดีที่คู่บ่าวสาวเฝ้ารอแล้ว ก็ยังเป็นช่วงเวลาที่คู่รักเต็มไปด้วยความกังวลใจเช่นกัน ทั้งห่วงเรื่องการจัดงาน การเตรียมสถานที่ การดูแลแขก ซึ่งบางครั้งอาจเกิดปัญหาเฉพาะหน้าให้ต้องหาทางแก้ไข แต่ถึงอย่างนั้นคงไม่มีสิ่งไหนจะกลายเป็นฝันร้ายไปยิ่งกว่า การถูกคนรักเทกลางงาน
น่าเศร้าใจที่เรื่องราวเลวร้ายที่สุดได้เกิดขึ้นกับ ซาซ่า อาริสไทด์ หญิงสาววัย 29 ปี จากนิวยอร์ก สหรัฐฯ เมื่อเธอเพิ่งจะคืนสู่สถานะโสดเมื่อไม่นานมานี้ หลังถูกเจ้าบ่าวทำให้เจ็บช้ำในวันที่ควรจะมีแต่รอยยิ้มและความยินดี ซึ่งเธอก็ได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นมาบอกเล่าผ่านการออกอากาศของเว็บไซต์ Real Fix
โดยจากรายงานของ เดลี่สตาร์ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2563 ซาซ่าเคยมีแฟนหนุ่มที่คบหากันมานานร่วม 10 ปี จนกระทั่งถึงเวลาที่ความรักสุกงอม พร้อมจะเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกันอย่างจริงจัง เธอกับ เควิน เฮปโปไลต์ คนรักวัย 30 ปี ก็ตกลงใจที่จะหมั้นหมายและแต่งงานกัน
ซาซ่าเฝ้ารอวันแต่งงานด้วยใจจดจ่อ
และเตรียมความพร้อมไว้ทุกอย่าง ทั้งเลือกสถานที่
ติดต่อร้านดอกไม้สำหรับจัดตกแต่งงาน เชิญแขก 125 คน
จัดเตรียมชุดและมีเพื่อนเจ้าสาวที่แสนดี 6 คนอยู่เคียงข้าง
เธอกับเควินหมดเงินไปกับงานแต่งในครั้งนี้ร่วม 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว
630,000 บาท
แต่ถึงวันจริงเธอกลับต้องช็อก เมื่อเจ้าบ่าวของเธอกลับไม่โผล่มาที่งาน
ซาซ่า เผยว่า เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าเควินไม่คิดจะโผล่มาที่งานอยู่แล้ว หรืออยู่ ๆ ก็เกิดปอดแหกขึ้นมา คืนก่อนวันงานเขายังพูดกับเธออยู่เลยว่า "ผมรักคุณ ผมรอที่จะได้แต่งงานกับคุณไม่ไหวแล้ว"
ซาซ่า เผยอีกว่า สัญญาณเตือนถึงความผิดปกติ เริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนที่ร้านจัดดอกไม้โทร. มา บอกว่าทางสถานที่จัดงานไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้าไป ซึ่งเมื่อเธอโทร. ไปถามเควิน เขาก็อ้างเพียงว่าเขาจะมาถึงงานสาย ตอนนั้นเธอยังไม่กังวลอะไรนัก เพราะกว่าพิธีจะเริ่มก็ช่วงเย็นแล้ว แถมยังจะมีขั้นตอนนำเครื่องดื่มต้อนรับมาให้แขกก่อนอีก
แต่แล้วเวลา 13.30 น. หนึ่งในเพื่อนเจ้าสาวก็บอกว่า มีคนโทร. ไปขอที่อยู่ของสถานที่จัดงาน แต่ทางนั้นกลับแจ้งว่าพวกเขาไม่มีตารางจัดงานแต่งในวันนั้น
แม้จะช็อกแต่ซาซ่ายังพยายามไม่แตกตื่นนัก พวกเธอจัดการติดต่อกับสถานที่จัดงาน และมาเตรียมความพร้อมกันที่ห้องในโรงแรมที่เกาะลอง และก็ต้องเครียดหนักอีกครั้งเมื่อคนของที่จัดงานแจ้งว่าพวกเขายังไม่ได้รับการชำระเงินเต็มจำนวน
ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ไม่มีใครรู้เลยว่าเควินไปอยู่ที่ไหน เขายังอ้างแค่ว่าแท็กซี่ที่เรียกมาเกิดความล่าช้า ซาซ่ายังคงเฝ้ารอเขาจนถึงเวลา 14.30 น. ในขณะที่แขกมาถึงกันครบแล้ว ในที่สุดเธอก็รู้ตัวว่าเจ้าบ่าวของเธอจะไม่โผล่มาที่งาน และจำต้องยกเลิกงานแต่งงานนั้นไป
"ในจุดนั้น ฉันไม่เหลืออารมณ์ความรู้สึกใด ๆ อีกต่อไปแล้ว ฉันชาหนึบและช็อก ฉันรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์" ซาซ่า กล่าวและเผยว่า "เขาเอาแต่โกหกฉันตลอดเวลา จนถึงนาทีสุดท้าย เขาก็ยังอ้างว่าเขากำลังมา เขายังอยู่ระหว่างทาง"
ทั้งนี้ ซาซ่า เผยอีกว่า เควินได้ติดต่อกลับมาหาเธออีก 1 สัปดาห์หลังจากนั้น แต่เธอไม่คิดที่จะกลับไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์ใด ๆ กับเขาอีกต่อไป และได้ตัดขาดกับเขาเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้เธอกลับคืนสู่สถานะสาวโสดอีกครั้ง แต่ก็ยังคาดหวังว่าจะสามารถหาคนดี ๆ มาเริ่มต้นชีวิตครอบครัวได้ในอนาคต
"ใครก็ตามที่ทำแบบนั้นกับคุณ เขาจะต้องไม่มีความรักหรือห่วงใยคุณอย่างแน่นอน"
ทั้งนี้ เมื่อทีมงาน Real Fix ลองติดต่อไปสอบถามเควิน เขาก็ยอมรับว่าไม่ได้โผล่ไปงานแต่งงานของตัวเองจริง ๆ แต่ยังยืนกรานว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้น เขายืนยันว่ามีเรื่องบางอย่างที่เป็นเรื่องส่วนตัวเกิดขึ้น ทำให้เขาไม่สามารถไปงานได้ ซึ่งเขาไม่ต้องการพูดถึงเรื่องที่ว่านั้น
นอกจากนี้เขายังปฏิเสธเรื่องที่พยายามจะง้อซาซ่าให้กลับมาหา แต่ยอมรับว่าความสัมพันธ์ของเขากับเธอ ยังสามารถหาทางแก้ไขได้ ถ้าฝ่ายหญิงเต็มใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก
เดลี่สตาร์
น่าเศร้าใจที่เรื่องราวเลวร้ายที่สุดได้เกิดขึ้นกับ ซาซ่า อาริสไทด์ หญิงสาววัย 29 ปี จากนิวยอร์ก สหรัฐฯ เมื่อเธอเพิ่งจะคืนสู่สถานะโสดเมื่อไม่นานมานี้ หลังถูกเจ้าบ่าวทำให้เจ็บช้ำในวันที่ควรจะมีแต่รอยยิ้มและความยินดี ซึ่งเธอก็ได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นมาบอกเล่าผ่านการออกอากาศของเว็บไซต์ Real Fix
โดยจากรายงานของ เดลี่สตาร์ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2563 ซาซ่าเคยมีแฟนหนุ่มที่คบหากันมานานร่วม 10 ปี จนกระทั่งถึงเวลาที่ความรักสุกงอม พร้อมจะเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกันอย่างจริงจัง เธอกับ เควิน เฮปโปไลต์ คนรักวัย 30 ปี ก็ตกลงใจที่จะหมั้นหมายและแต่งงานกัน
แต่ถึงวันจริงเธอกลับต้องช็อก เมื่อเจ้าบ่าวของเธอกลับไม่โผล่มาที่งาน
ซาซ่า เผยว่า เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าเควินไม่คิดจะโผล่มาที่งานอยู่แล้ว หรืออยู่ ๆ ก็เกิดปอดแหกขึ้นมา คืนก่อนวันงานเขายังพูดกับเธออยู่เลยว่า "ผมรักคุณ ผมรอที่จะได้แต่งงานกับคุณไม่ไหวแล้ว"
ซาซ่า เผยอีกว่า สัญญาณเตือนถึงความผิดปกติ เริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนที่ร้านจัดดอกไม้โทร. มา บอกว่าทางสถานที่จัดงานไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้าไป ซึ่งเมื่อเธอโทร. ไปถามเควิน เขาก็อ้างเพียงว่าเขาจะมาถึงงานสาย ตอนนั้นเธอยังไม่กังวลอะไรนัก เพราะกว่าพิธีจะเริ่มก็ช่วงเย็นแล้ว แถมยังจะมีขั้นตอนนำเครื่องดื่มต้อนรับมาให้แขกก่อนอีก
แต่แล้วเวลา 13.30 น. หนึ่งในเพื่อนเจ้าสาวก็บอกว่า มีคนโทร. ไปขอที่อยู่ของสถานที่จัดงาน แต่ทางนั้นกลับแจ้งว่าพวกเขาไม่มีตารางจัดงานแต่งในวันนั้น
แม้จะช็อกแต่ซาซ่ายังพยายามไม่แตกตื่นนัก พวกเธอจัดการติดต่อกับสถานที่จัดงาน และมาเตรียมความพร้อมกันที่ห้องในโรงแรมที่เกาะลอง และก็ต้องเครียดหนักอีกครั้งเมื่อคนของที่จัดงานแจ้งว่าพวกเขายังไม่ได้รับการชำระเงินเต็มจำนวน
ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ไม่มีใครรู้เลยว่าเควินไปอยู่ที่ไหน เขายังอ้างแค่ว่าแท็กซี่ที่เรียกมาเกิดความล่าช้า ซาซ่ายังคงเฝ้ารอเขาจนถึงเวลา 14.30 น. ในขณะที่แขกมาถึงกันครบแล้ว ในที่สุดเธอก็รู้ตัวว่าเจ้าบ่าวของเธอจะไม่โผล่มาที่งาน และจำต้องยกเลิกงานแต่งงานนั้นไป
"ในจุดนั้น ฉันไม่เหลืออารมณ์ความรู้สึกใด ๆ อีกต่อไปแล้ว ฉันชาหนึบและช็อก ฉันรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์" ซาซ่า กล่าวและเผยว่า "เขาเอาแต่โกหกฉันตลอดเวลา จนถึงนาทีสุดท้าย เขาก็ยังอ้างว่าเขากำลังมา เขายังอยู่ระหว่างทาง"
ทั้งนี้ ซาซ่า เผยอีกว่า เควินได้ติดต่อกลับมาหาเธออีก 1 สัปดาห์หลังจากนั้น แต่เธอไม่คิดที่จะกลับไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์ใด ๆ กับเขาอีกต่อไป และได้ตัดขาดกับเขาเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้เธอกลับคืนสู่สถานะสาวโสดอีกครั้ง แต่ก็ยังคาดหวังว่าจะสามารถหาคนดี ๆ มาเริ่มต้นชีวิตครอบครัวได้ในอนาคต
"ใครก็ตามที่ทำแบบนั้นกับคุณ เขาจะต้องไม่มีความรักหรือห่วงใยคุณอย่างแน่นอน"
ทั้งนี้ เมื่อทีมงาน Real Fix ลองติดต่อไปสอบถามเควิน เขาก็ยอมรับว่าไม่ได้โผล่ไปงานแต่งงานของตัวเองจริง ๆ แต่ยังยืนกรานว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้น เขายืนยันว่ามีเรื่องบางอย่างที่เป็นเรื่องส่วนตัวเกิดขึ้น ทำให้เขาไม่สามารถไปงานได้ ซึ่งเขาไม่ต้องการพูดถึงเรื่องที่ว่านั้น
นอกจากนี้เขายังปฏิเสธเรื่องที่พยายามจะง้อซาซ่าให้กลับมาหา แต่ยอมรับว่าความสัมพันธ์ของเขากับเธอ ยังสามารถหาทางแก้ไขได้ ถ้าฝ่ายหญิงเต็มใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก
เดลี่สตาร์
