สรุปบทสัมภาษณ์ ครูจุ๋ม สารสาสน์ราชพฤกษ์ ร่ำไห้สารภาพ ยอมรับผิด ติดคุกก็ยอม เผยเครียดหนักอยากฆ่าตัวตาย เปิดสาเหตุแจ้งความ ทำผู้ปกครองงง ความจริงคืออะไรแน่

รายการโหนกระแส วันที่ 7 ตุลาคม 2563 หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 เปิดใจสัมภาษณ์ "ครูจุ๋ม" ครูพี่เลี้ยงโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ที่ก่อเหตุทำร้ายนักเรียนอนุบาล จนนำไปสู่พ่อแม่ผู้ปกครองขอดูกล้องวงจรปิด และเห็นว่ามีครู 13 คนทำร้ายนักเรียน
โดย ครูจุ๋ม เผยว่า ที่หายไปคืออยู่บ้าน ยังไม่อยากออกสื่อ อยากอยู่เงียบ ๆ ก่อน ตอนนี้อยู่กับแม่ที่อ่างทอง ไม่ได้เป็นครูแล้ว ได้เขียนใบลาออกเอง แต่เพราะทำผิดด้วย ตามนโยบายเขาคือไล่ออกด้วย
- เป็นครูมา 7 ปี เข้าปีที่ 8 เป็นครูพี่เลี้ยง ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ ก็คือเป็นพี่เลี้ยงเด็ก คอยดูแลทุกอย่าง ความสะอาด เตรียมข้าว ปูที่นอน ดูแลเด็ก
- เป็นครูพี่เลี้ยงไม่ต้องทำร้ายเด็ก แต่ที่ทำไปทั้งหมดตนทำเอง ยอมรับผิด
- ตอนสมัครเข้ามา เขาดูบุคลิก หน้าตา ถามว่าทำได้ไหม ไหวหรือเปล่า ตนจบ ม.6 มา เขาไม่มีทดสอบสภาพจิตใจ แต่มีพาไปขูดหินปูนตามนโยบายโรงเรียน
- ปกติถ้าเนิร์สเซอรีจะมีพี่เลี้ยง 2 คนต่อห้อง ถ้าอนุบาลมี 1 คน ที่ในคลิปเหมือนมีเยอะ คือมีครูหลายวิชาที่สอนในห้อง
- ครูคนอื่นในห้องไม่ได้ทำร้ายเด็ก มีตนคนเดียว แต่คนอื่นไม่ได้ห้าม สุดท้ายก็โดนออกหมด
- เคยเห็นคนอื่นทำบ้างเหมือนกัน แต่ก็อยู่ที่การควบคุมเด็ก ยอมรับว่าคิดว่าคนอื่นทำได้ ตนก็ทำได้
- เมื่อถูกถามว่าโตมายังไง ครูจุ๋ม เผยว่า ที่บ้านเลี้ยงมาโอเค พ่อแม่ไม่ตี มีแฟนก็ไม่ได้ทุบตี
- คิดว่าเด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว ไม่ว่าตนพูดอะไรไป ก็ยอมรับผิดกับสิ่งที่ทำ ละอายแก่ใจที่ทำลงไป
- ที่กล้ามาออกรายการเพราะรู้สึกผิดมาก อยากขอโทษผู้ปกครอง มีติดต่อแม่พิ้งค์ไป
- เรื่องน้ำมันยาหม่องหยอดตาเด็กนั้นไม่ใช่ น้องเขาเป็นคนที่กลัวอยู่แล้ว ตนถือยาดม ไม่ได้เอาไปหยอด คือแกล้งเขา น้องเขาเห็นก็กลัวแล้ว ยกมือบอกว่าไม่เอา
- เรื่องดึงหู จิกทุบ ยอมรับว่าทำจริง ที่พ่อแม่น้องมาตบและถีบตนนั้นไม่โกรธ
- สาเหตุที่แจ้งความพ่อแม่น้อง เพราะมีผู้ใหญ่ติดต่อมาให้เข้าไปที่โรงเรียน และพูดคุยกับทนาย เขาก็แนะนำว่าเป็นสิทธิของเรา ที่เขาทำร้ายร่างกายเรา เราเป็นผู้หญิง เขาเป็นผู้ชาย เขาทำขนาดนี้เราน่าจะแจ้งความ เป็นการแนะนำ ไม่ได้บังคับ
- ตนเชื่อเพราะรู้สึกผิดด้วยส่วนหนึ่ง ที่ทำให้โรงเรียนเสียหายมาก เขาแนะนำมาก็พูดไม่ได้ก็ไปแจ้งความ ทางโรงเรียนถามว่ามีทนายหรือยัง ตนไม่เคยรู้จักมาก่อน เขาไม่ได้บังคับให้ไปแจ้งความ เขาแนะนำว่าเป็นสิทธิของเรา
- เรื่องใบรับรองแพทย์ ตนมีใบรับรองแพทย์ตั้งแต่วันแรกที่โดนทำร้ายแล้ว เพราะเจ็บเลยไปหาหมอ เรื่องแจ้งความ หลายคนที่อยู่ในนั้นแนะนำ
- หลังแจ้งความก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้น ทุกอย่างก็อยู่ที่ตนหมดเลย ล่าสุดก็จะถอนแจ้งความ
- เรื่องทนายไปรอที่สถานีตำรวจนั้น ตนไม่ได้นัดกับเขา มีคลิปหลุดออกไปว่าตนจะถอนแจ้งความ เขาก็โทร. มาหา บอกว่าถ้าจะถอนแจ้งความต้องไปกับเขา เพราะเขาเป็นคนพาไปแจ้งความ
- ที่เขาบอกว่าติดต่อไม่ได้ บอกว่าอยู่อ่างทอง แล้วทิ้งเขาไปเลย คือเขาไปรอเอง น่าจะไปรอตน แต่ตนปฏิเสธเขาว่าไม่สะดวกมา
- เรื่องจะไปถอนแจ้งความหลังพ่อแม่นักเรียนถอนแจ้งความก่อนนั้นไม่จริง เรื่องผิดก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ไม่กลัวคุก ทำผิดก็ยอมรับผิด
- เรื่องถอนแจ้งความ รู้แล้วว่าถอนไม่ได้ ก็ปรึกษาตำรวจแล้ว เขาบอกว่าให้ไปเขียนบันทึกประจำวัน เพื่อลงว่าไม่เอาความผู้ปกครองทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง เดี๋ยวตำรวจจะนัดผู้ปกครองมาไกล่เกลี่ย ยอมความ เฉพาะเรื่องที่ไปแจ้งความ ส่วนเรื่องทำร้ายเด็กไม่เกี่ยว
- ทราบข่าวที่โรงเรียนจะฟ้องแล้ว ตนอาจจะใช้คำพูดผิดตอนสื่อสารกับแม่พิ้งค์ ที่บอกว่าบีบบังคับ จริง ๆ เขาแนะนำ
- ยอมรับว่าก่อนหน้านี้มีดุเด็กบ้าง แต่ไม่ได้ลงไม้ลงมือแรงขนาดนี้ ครั้งนี้แรงสุด ยอมรับว่าเคยตี แต่ไม่แรงแบบนี้ และไม่เคยขังเด็กในห้องน้ำ
- ตอนนี้ก็เก็บตัวอยู่บ้าน หากติดคุกก็ยังไม่รู้ว่าแม่จะอยู่กับใคร ก็ต้องปล่อย ตนผิดเอง
- ยังไม่ได้เจอกับผู้ปกครองเด็ก คุยผ่านทางโทรศัพท์ ก็อยากเจอ อยากขอโทษเขาเหมือนกัน เคยพูดกับแม่พิ้งค์ให้นัดผู้ปกครองว่าจะเข้าไปขอโทษ
- รู้ว่าเด็กอายุ 3 ขวบ ก็สงสาร ผิดไปแล้ว ยอมรับผิด ตนไม่เหมาะสมที่จะเป็นครูพี่เลี้ยงแล้ว ไม่เป็นแล้ว
จากนั้นทางรายการได้พูดคุยกับผู้ปกครองของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ พร้อมกับครูจุ๋มด้วย
ครูจุ๋มเขาแสดงความจำนงต้องการถอนแจ้งความ เขาว่ามีคนแนะนำเขา ที่โรงเรียนแนะนำให้ไปแจ้งความ แต่ทางโรงเรียนบอกว่าเขาไม่เกี่ยวข้อง มองยังไง ?
พ่อวิทย์ : ถ้ามองในข่าวก็อย่างที่ทนายเดชาเขาพูดว่าเขาได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาทางกฎหมาย น่าจะประมาณวันอาทิตย์ แล้ววันจันทร์เขาออกมาพูดชัดเจนว่าเขานำครูจุ๋มมาแจ้งความผม ด้วยข้อหาผมไปทำร้ายร่างกายเขา ผมก็สงสัยว่าทำไมวันอาทิตย์รับเป็นตัวแทน วันจันทร์รู้จักครูจุ๋มเลยเหรอ ทั้งที่เขาบอกว่าเป็นตัวแทนสารสาสน์
คิดว่ามีใครเชื่อมโยงให้ทนายเดชากับครูจุ๋มรู้จักกัน ?
พ่อวิทย์ : ถูกต้องครับ เป็นข้อสงสัยของผมเอง ไม่รู้ว่าจะตรงอย่างที่เข้าใจหรือเปล่า
เขาบอกว่าเป็นการแนะนำ เรื่องนี้มองยังไง ?
พ่อวิทย์ : ถ้าแนะนำ ทางครูจุ๋มเขาบอกว่าถ้าจะแจ้งความผม เขาแจ้งตั้งแต่วันตรวจสุขภาพแล้วที่โดนทำร้ายร่างกาย วันนั้นเขาไม่ได้แจ้งอะไร แล้วอยู่ ๆ วันก่อนพาทนายมาแจ้ง มันผิดปกติไงครับ ถ้าจะแจ้งต้องแจ้งวันเกิดเหตุแล้ว แต่ ณ วันจันทร์ที่ผ่านมา นำทนายเดชามาแจ้ง ทั้งที่เกิดเรื่องมานานแล้ว ก็ผิดปกติตรงนี้ ว่าใครเป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างทนายเดชากับครูจุ๋ม
จะไปลงบันทึกประจำวัน ?
ครูจุ๋ม : ค่ะ ลงว่าไม่มีความประสงค์จะเอาเรื่องผู้ปกครองทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง เดี๋ยวตำรวจจะเรียกไปไกล่เกลี่ยกันค่ะ
เขาว่าคุณจะฆ่าตัวตาย จริงไหม ?
ครูจุ๋ม : จริงค่ะ ช่วงแรกเครียดและกดดัน (ร้องไห้)
มองยังไง ?
พิ้งค์ : เป็นสิทธิของเขาที่รู้สึกแบบนี้ เพราะเราก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันที่ลูกโดนทำแบบนั้น (ร้องไห้)
เคยเจอกันไหมหลังเกิดเรื่อง ?
พิ้งค์ : ไม่เคยค่ะ แต่มีโอกาสคุยกัน
ตอนนี้เรารู้สึกยังไง ?
พิ้งค์ : (ร้องไห้) มันพูดไม่ออก ใจหนึ่งก็แค้น มุมที่เขาโทร. มาก็เห็นใจเขา
ทั้งโกรธทั้งเห็นใจ ?
พิ้งค์ : ค่ะ ตามกฎหมายก็ให้ว่ากันไปค่ะ
พ่อวิทย์ล่ะ ?
พ่อวิทย์ : ผมก็เห็นใจเขานะครับ เหมือนเขาจะสำนึกผิดแล้ว แต่เหตุการณ์ที่เขามาฟ้องก็ตกใจเหมือนกัน ทำไมอยู่ดี ๆ มาฟ้องได้ ถ้าตามกฎหมายต้องดำเนินคดี แต่ถ้าพูดถึงมุมมองที่ผมโกรธ มันโกรธทุกคนอยู่แล้ว ใครที่ทำร้ายลูกเรา มันเป็นดวงใจของเรา มันเจ็บปวด
เขาบอกไม่เคยขอโทษฝั่งนี้เลย ?
ครูจุ๋ม : ขอโทษทางโทรศัพท์ค่ะ ส่วนของหนูก็จะขอโทษผู้ปกครองค่ะ
มีสายเข้ามาจาก "ทนายเดชา" ตกลงพี่นัดเขา หรือเขานัดพี่ ?
เดชา : ก่อนอื่นอยากให้จุ๋มหยุดโกหกสังคมได้แล้วนะ เมื่อวานประมาณ 5-6 โมง ผมเดินทางกลับจากศาลจังหวัดมหาชัย ลูกน้องก็อยู่ ผมเห็นข่าวว่าเขาจะถอนคำร้องทุกข์ ก็ถามว่าเรื่องจริงเปล่า คุยไปคุยมาก็นัดกันประมาณ 2 ทุ่ม ก็ถามเขาสิว่าจริงไหม
ครูจุ๋ม : ค่ะ ตอนแรกหนูจะไปค่ะ เขาโทร. มาหาหนู
เดชา : คุณจุ๋มหยุดทำร้ายโรงเรียนสารสาสน์ หยุดทำร้ายเด็กนักเรียน หยุดทำร้ายผู้ปกครองนะครับ
คุณพิ้งค์ส่ายหัวทำไม ?
พิ้งค์ : ตอนนี้งงไปหมด มหากาพย์เยอะมาก โยนกันไปโยนกันมา
สามก๊กแล้วนะ ?
พิ้งค์ : น่าจะมีมากกว่านั้น
พ่อวิทย์ : ดูแปลก ๆ นะครับ ตอนแรกก็ยังรุนแรงอยู่เลย ตอนหลังอยู่ดี ๆ ก็หายไปอีกแล้ว แล้วมาฝั่งผู้ปกครอง ก็อยากรู้เหมือนกันว่าเรื่องราวที่แท้จริงเป็นยังไง
ผู้ใหญ่โรงเรียนแนะนำให้ครูจุ๋มแจ้งความเอาผิดพ่อน้องเสือ จริงไหม ?
เดชา : ไม่จริงครับ และโรงเรียนเตรียมดำเนินคดีกับคุณจุ๋มอีก 1 คดีนะครับ ถ้าไม่หยุดใส่ร้าย ทำร้ายนักเรียนโรงเรียนสารสาสน์มาพอสมควรแล้ว ชื่อเสียงโรงเรียนป่นปี้ วันนี้น่าจะหยุดทำร้ายโรงเรียนได้แล้วนะครับ
พี่รู้จักครูจุ๋มได้ไง ?
เดชา : ไม่ขอตอบครับ เป็นความลับของลูกความ การร้องทุกข์ดำเนินคดีอะไรต่าง ๆ เป็นเรื่องของผู้เสียหายคือครูจุ๋มนะ วันนั้นที่ไปโรงพัก ผมไปกับลูกชายเจ้าของโรงเรียน จะไปเลื่อนส่งเอกสารตามหมายเรียกพนักงานสอบสวน ขณะที่คุณจุ๋มต้องให้ปากคำเพิ่มเติมเพื่อรวมคดีต่าง ๆ ที่ถูกดำเนินคดีหลายคดี เธอก็มีความประสงค์ เธอก็แจ้งความของเธอ เธอไปให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่าผมเรียกเธอมาข้างล่าง ผมไม่ได้เรียกลงมาข้างล่างนะ ผู้สื่อข่าวเป็นคนเรียกเธอลงมาข้างล่างเพื่อถ่ายรูป ผมมีประจักษ์พยาน ตำรวจทั้งโรงพักยินดีเป็นพยานให้ผม
กลัวสังคมจะมองว่าโรงเรียนโยนขี้ให้จุ๋ม ?
เดชา : ไม่เป็นไรหรอกครับ แล้วแต่คนจะคิดยังไง โรงเรียนสารสาสน์วันนี้เลขาธิการ กช. ก็บอกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างวันนี้จะจบแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว เหลือแค่ค่าเสียหายผู้ปกครอง ทุกอย่างจบแล้วนะคดีนี้ ฟังให้สัมภาษณ์เลขาธิการ กช. หรือยัง
คนละ 5 ล้าน ให้เขาไหม ?
เดชา : ก็เดี๋ยวนัด เหลือเรื่องเดียวแล้ว เท่าที่ทราบ มีผู้ปกครองประมาณ 11 คน ที่จะคุยกันเรื่องค่าเสียหาย ถ้าตกลงกันได้เรื่องก็จบแล้วครับ
พี่ยืนยันว่าโรงเรียนไม่ขอเกี่ยวข้องกับครูจุ๋ม ?
เดชา : แน่นอน ถ้ายังให้สัมภาษณ์โรงเรียนเสียหาย ก็เตรียมรับหมายศาล
ทนายบอกว่าครูจุ๋มไปแจ้งเอง เขาไม่ได้แนะนำ ตกลงเป็นลูกความเขาไหม ?
ครูจุ๋ม : หนูไม่ได้เป็นลูกความเขาค่ะ เขาแนะนำให้หนูเข้าไป เขาบอกมีทนายมา แล้วหนูจะรู้จักเขาได้ยังไง
มองยังไง ?
พ่อวิทย์ : ผมก็สงสัยว่าครูจุ๋มจะรู้จักทนายเดชาได้ไง
เขาติดต่อส่วนตัวไหม ?
ครูจุ๋ม : ไม่ได้ติดต่อกันมาเองค่ะ
โรงเรียนเรียกเข้าไปและมีการแนะนำ ?
ครูจุ๋ม : ค่ะ
ทำไมถอนหายใจ ?
พ่อวิทย์ : มันอึ้ง ๆ หน่อย สถานการณ์เร็วมาก วันหนึ่งฟ้อง วันหนึ่งถอน เร็วเกินไป
เหมือนสามก๊ก ก๊กผู้ปกครอง ก๊กครูพี่เลี้ยงทำร้ายร่างกาย และก๊กโรงเรียน ตอนนี้งงไปหมดแล้ว ผู้ปกครองกี่คนที่จะเอาเรื่อง ?
พ่อวิทย์ : ประมาณ 10 กว่าคนที่พอทราบ เพราะมีหลายชั้น มีเนิร์สเซอรี อนุบาล 1 และ 2 ด้วย และหลายห้อง
ลูกถามถึงครูจุ๋มไหม ?
พิ้งค์ : เมื่อวานถามค่ะ ยังบอกคิดถึง แต่ไม่รู้คิดถึงด้วยความกลัวหรือเปล่า (ร้องไห้)
เด็กเขาบอกคิดถึงคุณ ฟังแล้วรู้สึกยังไง ไม่น่าเกิดขึ้นเนอะ ?
ครูจุ๋ม : (ร้องไห้) ใช่ค่ะพี่
![ครูจุ๋ม ร่ำไห้ ครูจุ๋ม ร่ำไห้]()
คุณอยากบอกอะไรทางแม่พิ้งค์ ?
ครูจุ๋ม : อยากกราบขอโทษแม่พิ้งค์และผู้ปกครองทุกคนนะคะ อยากขอโทษจากใจจริง ๆ อยากขอโทษพ่อน้องเสือนะคะ (ยกมือไหว้) ขอโทษจากใจจริง ๆ อยากกราบขอโทษจริง ๆ ถ้ามีโอกาสจะเข้าไปขอโทษทุกคนเลยค่ะ
ข้อกฎหมายก็เป็นไปตามกฎหมาย ?
พ่อวิทย์ : ครับ
เรื่องการเรียกร้องค่าเยียวยากับทางโรงเรียน ?
พ่อวิทย์ : ถูกต้องครับ เราฝากลูกไว้กับเขา เขาต้องเยียวยาเรา เมื่อวานซืนไปยื่นเรื่องให้อัยการสูงสุด ท่านก็บอกว่าจะทำงานให้เต็มที่ กำลังรวบรวมเอกสารอยู่
5 ล้านลดไหม ?
พ่อวิทย์ : ทุกคนต้องการเท่านี้แหละครับ
วันนี้สังคมรับไม่ได้กับครูจุ๋ม สังคมอยากพิพากษาคุณด้วยซ้ำ ?
ครูจุ๋ม : อยากกราบขอโทษสังคมจากใจจริง ๆ สิ่งที่ผิดก็ผิดไปแล้ว แก้ไขไม่ได้ ก็ขอให้เป็นไปตามกฎหมายทุกอย่าง
สำนึกไหม ?
ครูจุ๋ม : สำนึกค่ะ
![ครูจุ๋ม ร่ำไห้ ครูจุ๋ม ร่ำไห้]()
![ครูจุ๋ม ร่ำไห้ ครูจุ๋ม ร่ำไห้]()
![ทนายเดชา ทนายเดชา]()
![ทนายเดชา ทนายเดชา]()
![ครูจุ๋ม ร่ำไห้ ครูจุ๋ม ร่ำไห้]()
![ครูจุ๋ม ร่ำไห้ ครูจุ๋ม ร่ำไห้]()


รายการโหนกระแส วันที่ 7 ตุลาคม 2563 หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 เปิดใจสัมภาษณ์ "ครูจุ๋ม" ครูพี่เลี้ยงโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ที่ก่อเหตุทำร้ายนักเรียนอนุบาล จนนำไปสู่พ่อแม่ผู้ปกครองขอดูกล้องวงจรปิด และเห็นว่ามีครู 13 คนทำร้ายนักเรียน
โดย ครูจุ๋ม เผยว่า ที่หายไปคืออยู่บ้าน ยังไม่อยากออกสื่อ อยากอยู่เงียบ ๆ ก่อน ตอนนี้อยู่กับแม่ที่อ่างทอง ไม่ได้เป็นครูแล้ว ได้เขียนใบลาออกเอง แต่เพราะทำผิดด้วย ตามนโยบายเขาคือไล่ออกด้วย

- เป็นครูมา 7 ปี เข้าปีที่ 8 เป็นครูพี่เลี้ยง ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ ก็คือเป็นพี่เลี้ยงเด็ก คอยดูแลทุกอย่าง ความสะอาด เตรียมข้าว ปูที่นอน ดูแลเด็ก
- เป็นครูพี่เลี้ยงไม่ต้องทำร้ายเด็ก แต่ที่ทำไปทั้งหมดตนทำเอง ยอมรับผิด
- ตอนสมัครเข้ามา เขาดูบุคลิก หน้าตา ถามว่าทำได้ไหม ไหวหรือเปล่า ตนจบ ม.6 มา เขาไม่มีทดสอบสภาพจิตใจ แต่มีพาไปขูดหินปูนตามนโยบายโรงเรียน
- ปกติถ้าเนิร์สเซอรีจะมีพี่เลี้ยง 2 คนต่อห้อง ถ้าอนุบาลมี 1 คน ที่ในคลิปเหมือนมีเยอะ คือมีครูหลายวิชาที่สอนในห้อง

- ครูคนอื่นในห้องไม่ได้ทำร้ายเด็ก มีตนคนเดียว แต่คนอื่นไม่ได้ห้าม สุดท้ายก็โดนออกหมด
- เคยเห็นคนอื่นทำบ้างเหมือนกัน แต่ก็อยู่ที่การควบคุมเด็ก ยอมรับว่าคิดว่าคนอื่นทำได้ ตนก็ทำได้
- เมื่อถูกถามว่าโตมายังไง ครูจุ๋ม เผยว่า ที่บ้านเลี้ยงมาโอเค พ่อแม่ไม่ตี มีแฟนก็ไม่ได้ทุบตี

- คิดว่าเด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว ไม่ว่าตนพูดอะไรไป ก็ยอมรับผิดกับสิ่งที่ทำ ละอายแก่ใจที่ทำลงไป
- ที่กล้ามาออกรายการเพราะรู้สึกผิดมาก อยากขอโทษผู้ปกครอง มีติดต่อแม่พิ้งค์ไป
- เรื่องน้ำมันยาหม่องหยอดตาเด็กนั้นไม่ใช่ น้องเขาเป็นคนที่กลัวอยู่แล้ว ตนถือยาดม ไม่ได้เอาไปหยอด คือแกล้งเขา น้องเขาเห็นก็กลัวแล้ว ยกมือบอกว่าไม่เอา
- เรื่องดึงหู จิกทุบ ยอมรับว่าทำจริง ที่พ่อแม่น้องมาตบและถีบตนนั้นไม่โกรธ
- สาเหตุที่แจ้งความพ่อแม่น้อง เพราะมีผู้ใหญ่ติดต่อมาให้เข้าไปที่โรงเรียน และพูดคุยกับทนาย เขาก็แนะนำว่าเป็นสิทธิของเรา ที่เขาทำร้ายร่างกายเรา เราเป็นผู้หญิง เขาเป็นผู้ชาย เขาทำขนาดนี้เราน่าจะแจ้งความ เป็นการแนะนำ ไม่ได้บังคับ
- ตนเชื่อเพราะรู้สึกผิดด้วยส่วนหนึ่ง ที่ทำให้โรงเรียนเสียหายมาก เขาแนะนำมาก็พูดไม่ได้ก็ไปแจ้งความ ทางโรงเรียนถามว่ามีทนายหรือยัง ตนไม่เคยรู้จักมาก่อน เขาไม่ได้บังคับให้ไปแจ้งความ เขาแนะนำว่าเป็นสิทธิของเรา
- เรื่องใบรับรองแพทย์ ตนมีใบรับรองแพทย์ตั้งแต่วันแรกที่โดนทำร้ายแล้ว เพราะเจ็บเลยไปหาหมอ เรื่องแจ้งความ หลายคนที่อยู่ในนั้นแนะนำ
- หลังแจ้งความก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้น ทุกอย่างก็อยู่ที่ตนหมดเลย ล่าสุดก็จะถอนแจ้งความ
- เรื่องทนายไปรอที่สถานีตำรวจนั้น ตนไม่ได้นัดกับเขา มีคลิปหลุดออกไปว่าตนจะถอนแจ้งความ เขาก็โทร. มาหา บอกว่าถ้าจะถอนแจ้งความต้องไปกับเขา เพราะเขาเป็นคนพาไปแจ้งความ
- ที่เขาบอกว่าติดต่อไม่ได้ บอกว่าอยู่อ่างทอง แล้วทิ้งเขาไปเลย คือเขาไปรอเอง น่าจะไปรอตน แต่ตนปฏิเสธเขาว่าไม่สะดวกมา
- เรื่องจะไปถอนแจ้งความหลังพ่อแม่นักเรียนถอนแจ้งความก่อนนั้นไม่จริง เรื่องผิดก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ไม่กลัวคุก ทำผิดก็ยอมรับผิด
- เรื่องถอนแจ้งความ รู้แล้วว่าถอนไม่ได้ ก็ปรึกษาตำรวจแล้ว เขาบอกว่าให้ไปเขียนบันทึกประจำวัน เพื่อลงว่าไม่เอาความผู้ปกครองทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง เดี๋ยวตำรวจจะนัดผู้ปกครองมาไกล่เกลี่ย ยอมความ เฉพาะเรื่องที่ไปแจ้งความ ส่วนเรื่องทำร้ายเด็กไม่เกี่ยว
- ทราบข่าวที่โรงเรียนจะฟ้องแล้ว ตนอาจจะใช้คำพูดผิดตอนสื่อสารกับแม่พิ้งค์ ที่บอกว่าบีบบังคับ จริง ๆ เขาแนะนำ
- ยอมรับว่าก่อนหน้านี้มีดุเด็กบ้าง แต่ไม่ได้ลงไม้ลงมือแรงขนาดนี้ ครั้งนี้แรงสุด ยอมรับว่าเคยตี แต่ไม่แรงแบบนี้ และไม่เคยขังเด็กในห้องน้ำ
- ตอนนี้ก็เก็บตัวอยู่บ้าน หากติดคุกก็ยังไม่รู้ว่าแม่จะอยู่กับใคร ก็ต้องปล่อย ตนผิดเอง
- ยังไม่ได้เจอกับผู้ปกครองเด็ก คุยผ่านทางโทรศัพท์ ก็อยากเจอ อยากขอโทษเขาเหมือนกัน เคยพูดกับแม่พิ้งค์ให้นัดผู้ปกครองว่าจะเข้าไปขอโทษ
- รู้ว่าเด็กอายุ 3 ขวบ ก็สงสาร ผิดไปแล้ว ยอมรับผิด ตนไม่เหมาะสมที่จะเป็นครูพี่เลี้ยงแล้ว ไม่เป็นแล้ว
จากนั้นทางรายการได้พูดคุยกับผู้ปกครองของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ พร้อมกับครูจุ๋มด้วย

ครูจุ๋มเขาแสดงความจำนงต้องการถอนแจ้งความ เขาว่ามีคนแนะนำเขา ที่โรงเรียนแนะนำให้ไปแจ้งความ แต่ทางโรงเรียนบอกว่าเขาไม่เกี่ยวข้อง มองยังไง ?
พ่อวิทย์ : ถ้ามองในข่าวก็อย่างที่ทนายเดชาเขาพูดว่าเขาได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาทางกฎหมาย น่าจะประมาณวันอาทิตย์ แล้ววันจันทร์เขาออกมาพูดชัดเจนว่าเขานำครูจุ๋มมาแจ้งความผม ด้วยข้อหาผมไปทำร้ายร่างกายเขา ผมก็สงสัยว่าทำไมวันอาทิตย์รับเป็นตัวแทน วันจันทร์รู้จักครูจุ๋มเลยเหรอ ทั้งที่เขาบอกว่าเป็นตัวแทนสารสาสน์
คิดว่ามีใครเชื่อมโยงให้ทนายเดชากับครูจุ๋มรู้จักกัน ?
พ่อวิทย์ : ถูกต้องครับ เป็นข้อสงสัยของผมเอง ไม่รู้ว่าจะตรงอย่างที่เข้าใจหรือเปล่า
เขาบอกว่าเป็นการแนะนำ เรื่องนี้มองยังไง ?
พ่อวิทย์ : ถ้าแนะนำ ทางครูจุ๋มเขาบอกว่าถ้าจะแจ้งความผม เขาแจ้งตั้งแต่วันตรวจสุขภาพแล้วที่โดนทำร้ายร่างกาย วันนั้นเขาไม่ได้แจ้งอะไร แล้วอยู่ ๆ วันก่อนพาทนายมาแจ้ง มันผิดปกติไงครับ ถ้าจะแจ้งต้องแจ้งวันเกิดเหตุแล้ว แต่ ณ วันจันทร์ที่ผ่านมา นำทนายเดชามาแจ้ง ทั้งที่เกิดเรื่องมานานแล้ว ก็ผิดปกติตรงนี้ ว่าใครเป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างทนายเดชากับครูจุ๋ม
จะไปลงบันทึกประจำวัน ?
ครูจุ๋ม : ค่ะ ลงว่าไม่มีความประสงค์จะเอาเรื่องผู้ปกครองทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง เดี๋ยวตำรวจจะเรียกไปไกล่เกลี่ยกันค่ะ
เขาว่าคุณจะฆ่าตัวตาย จริงไหม ?
ครูจุ๋ม : จริงค่ะ ช่วงแรกเครียดและกดดัน (ร้องไห้)

มองยังไง ?
พิ้งค์ : เป็นสิทธิของเขาที่รู้สึกแบบนี้ เพราะเราก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันที่ลูกโดนทำแบบนั้น (ร้องไห้)
เคยเจอกันไหมหลังเกิดเรื่อง ?
พิ้งค์ : ไม่เคยค่ะ แต่มีโอกาสคุยกัน
ตอนนี้เรารู้สึกยังไง ?
พิ้งค์ : (ร้องไห้) มันพูดไม่ออก ใจหนึ่งก็แค้น มุมที่เขาโทร. มาก็เห็นใจเขา
ทั้งโกรธทั้งเห็นใจ ?
พิ้งค์ : ค่ะ ตามกฎหมายก็ให้ว่ากันไปค่ะ

พ่อวิทย์ล่ะ ?
พ่อวิทย์ : ผมก็เห็นใจเขานะครับ เหมือนเขาจะสำนึกผิดแล้ว แต่เหตุการณ์ที่เขามาฟ้องก็ตกใจเหมือนกัน ทำไมอยู่ดี ๆ มาฟ้องได้ ถ้าตามกฎหมายต้องดำเนินคดี แต่ถ้าพูดถึงมุมมองที่ผมโกรธ มันโกรธทุกคนอยู่แล้ว ใครที่ทำร้ายลูกเรา มันเป็นดวงใจของเรา มันเจ็บปวด
เขาบอกไม่เคยขอโทษฝั่งนี้เลย ?
ครูจุ๋ม : ขอโทษทางโทรศัพท์ค่ะ ส่วนของหนูก็จะขอโทษผู้ปกครองค่ะ
มีสายเข้ามาจาก "ทนายเดชา" ตกลงพี่นัดเขา หรือเขานัดพี่ ?
เดชา : ก่อนอื่นอยากให้จุ๋มหยุดโกหกสังคมได้แล้วนะ เมื่อวานประมาณ 5-6 โมง ผมเดินทางกลับจากศาลจังหวัดมหาชัย ลูกน้องก็อยู่ ผมเห็นข่าวว่าเขาจะถอนคำร้องทุกข์ ก็ถามว่าเรื่องจริงเปล่า คุยไปคุยมาก็นัดกันประมาณ 2 ทุ่ม ก็ถามเขาสิว่าจริงไหม
ครูจุ๋ม : ค่ะ ตอนแรกหนูจะไปค่ะ เขาโทร. มาหาหนู
เดชา : คุณจุ๋มหยุดทำร้ายโรงเรียนสารสาสน์ หยุดทำร้ายเด็กนักเรียน หยุดทำร้ายผู้ปกครองนะครับ
คุณพิ้งค์ส่ายหัวทำไม ?
พิ้งค์ : ตอนนี้งงไปหมด มหากาพย์เยอะมาก โยนกันไปโยนกันมา

สามก๊กแล้วนะ ?
พิ้งค์ : น่าจะมีมากกว่านั้น
พ่อวิทย์ : ดูแปลก ๆ นะครับ ตอนแรกก็ยังรุนแรงอยู่เลย ตอนหลังอยู่ดี ๆ ก็หายไปอีกแล้ว แล้วมาฝั่งผู้ปกครอง ก็อยากรู้เหมือนกันว่าเรื่องราวที่แท้จริงเป็นยังไง
ผู้ใหญ่โรงเรียนแนะนำให้ครูจุ๋มแจ้งความเอาผิดพ่อน้องเสือ จริงไหม ?
เดชา : ไม่จริงครับ และโรงเรียนเตรียมดำเนินคดีกับคุณจุ๋มอีก 1 คดีนะครับ ถ้าไม่หยุดใส่ร้าย ทำร้ายนักเรียนโรงเรียนสารสาสน์มาพอสมควรแล้ว ชื่อเสียงโรงเรียนป่นปี้ วันนี้น่าจะหยุดทำร้ายโรงเรียนได้แล้วนะครับ
พี่รู้จักครูจุ๋มได้ไง ?
เดชา : ไม่ขอตอบครับ เป็นความลับของลูกความ การร้องทุกข์ดำเนินคดีอะไรต่าง ๆ เป็นเรื่องของผู้เสียหายคือครูจุ๋มนะ วันนั้นที่ไปโรงพัก ผมไปกับลูกชายเจ้าของโรงเรียน จะไปเลื่อนส่งเอกสารตามหมายเรียกพนักงานสอบสวน ขณะที่คุณจุ๋มต้องให้ปากคำเพิ่มเติมเพื่อรวมคดีต่าง ๆ ที่ถูกดำเนินคดีหลายคดี เธอก็มีความประสงค์ เธอก็แจ้งความของเธอ เธอไปให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่าผมเรียกเธอมาข้างล่าง ผมไม่ได้เรียกลงมาข้างล่างนะ ผู้สื่อข่าวเป็นคนเรียกเธอลงมาข้างล่างเพื่อถ่ายรูป ผมมีประจักษ์พยาน ตำรวจทั้งโรงพักยินดีเป็นพยานให้ผม

กลัวสังคมจะมองว่าโรงเรียนโยนขี้ให้จุ๋ม ?
เดชา : ไม่เป็นไรหรอกครับ แล้วแต่คนจะคิดยังไง โรงเรียนสารสาสน์วันนี้เลขาธิการ กช. ก็บอกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างวันนี้จะจบแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว เหลือแค่ค่าเสียหายผู้ปกครอง ทุกอย่างจบแล้วนะคดีนี้ ฟังให้สัมภาษณ์เลขาธิการ กช. หรือยัง
คนละ 5 ล้าน ให้เขาไหม ?
เดชา : ก็เดี๋ยวนัด เหลือเรื่องเดียวแล้ว เท่าที่ทราบ มีผู้ปกครองประมาณ 11 คน ที่จะคุยกันเรื่องค่าเสียหาย ถ้าตกลงกันได้เรื่องก็จบแล้วครับ
พี่ยืนยันว่าโรงเรียนไม่ขอเกี่ยวข้องกับครูจุ๋ม ?
เดชา : แน่นอน ถ้ายังให้สัมภาษณ์โรงเรียนเสียหาย ก็เตรียมรับหมายศาล
ทนายบอกว่าครูจุ๋มไปแจ้งเอง เขาไม่ได้แนะนำ ตกลงเป็นลูกความเขาไหม ?
ครูจุ๋ม : หนูไม่ได้เป็นลูกความเขาค่ะ เขาแนะนำให้หนูเข้าไป เขาบอกมีทนายมา แล้วหนูจะรู้จักเขาได้ยังไง
มองยังไง ?
พ่อวิทย์ : ผมก็สงสัยว่าครูจุ๋มจะรู้จักทนายเดชาได้ไง
เขาติดต่อส่วนตัวไหม ?
ครูจุ๋ม : ไม่ได้ติดต่อกันมาเองค่ะ
โรงเรียนเรียกเข้าไปและมีการแนะนำ ?
ครูจุ๋ม : ค่ะ

ทำไมถอนหายใจ ?
พ่อวิทย์ : มันอึ้ง ๆ หน่อย สถานการณ์เร็วมาก วันหนึ่งฟ้อง วันหนึ่งถอน เร็วเกินไป
เหมือนสามก๊ก ก๊กผู้ปกครอง ก๊กครูพี่เลี้ยงทำร้ายร่างกาย และก๊กโรงเรียน ตอนนี้งงไปหมดแล้ว ผู้ปกครองกี่คนที่จะเอาเรื่อง ?
พ่อวิทย์ : ประมาณ 10 กว่าคนที่พอทราบ เพราะมีหลายชั้น มีเนิร์สเซอรี อนุบาล 1 และ 2 ด้วย และหลายห้อง
ลูกถามถึงครูจุ๋มไหม ?
พิ้งค์ : เมื่อวานถามค่ะ ยังบอกคิดถึง แต่ไม่รู้คิดถึงด้วยความกลัวหรือเปล่า (ร้องไห้)
เด็กเขาบอกคิดถึงคุณ ฟังแล้วรู้สึกยังไง ไม่น่าเกิดขึ้นเนอะ ?
ครูจุ๋ม : (ร้องไห้) ใช่ค่ะพี่

คุณอยากบอกอะไรทางแม่พิ้งค์ ?
ครูจุ๋ม : อยากกราบขอโทษแม่พิ้งค์และผู้ปกครองทุกคนนะคะ อยากขอโทษจากใจจริง ๆ อยากขอโทษพ่อน้องเสือนะคะ (ยกมือไหว้) ขอโทษจากใจจริง ๆ อยากกราบขอโทษจริง ๆ ถ้ามีโอกาสจะเข้าไปขอโทษทุกคนเลยค่ะ
ข้อกฎหมายก็เป็นไปตามกฎหมาย ?
พ่อวิทย์ : ครับ
เรื่องการเรียกร้องค่าเยียวยากับทางโรงเรียน ?
พ่อวิทย์ : ถูกต้องครับ เราฝากลูกไว้กับเขา เขาต้องเยียวยาเรา เมื่อวานซืนไปยื่นเรื่องให้อัยการสูงสุด ท่านก็บอกว่าจะทำงานให้เต็มที่ กำลังรวบรวมเอกสารอยู่
5 ล้านลดไหม ?
พ่อวิทย์ : ทุกคนต้องการเท่านี้แหละครับ
วันนี้สังคมรับไม่ได้กับครูจุ๋ม สังคมอยากพิพากษาคุณด้วยซ้ำ ?
ครูจุ๋ม : อยากกราบขอโทษสังคมจากใจจริง ๆ สิ่งที่ผิดก็ผิดไปแล้ว แก้ไขไม่ได้ ก็ขอให้เป็นไปตามกฎหมายทุกอย่าง
สำนึกไหม ?
ครูจุ๋ม : สำนึกค่ะ





