คุณแม่ลูกสอง เปิดใจเปย์ซื้อกระเป๋า-เสื้อผ้า ปีละเป็นล้าน อวดชีวิตวิถีอินฟลูเอนเซอร์ ชี้คนมองฟู่ฟ่า แต่เธอว่าก็แค่อิจฉา ยันทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้มา ชีวิตไร้หนี้ หาเงินได้ ก็คู่ควรแล้ว
![อินฟลูเอนเซอร์]( "อินฟลูเอนเซอร์")
วันที่ 15 ตุลาคม 2563 เว็บไซต์เดอะซัน ได้นำเสนอเรื่องราวของ จูลี่ ฮัปต์แมนน์ อินฟลูเอนเซอร์วัย 52 ปี จากลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ ที่ได้ออกมาเปิดเผยว่าเธอต้องใช้เงินมากถึงปีละ 32,000 ปอนด์ (ราว 1.29 ล้านบาท) ไปกับการซื้อเสื้อผ้าและกระเป๋าแบรนด์หรูจากดีไซเนอร์ต่าง ๆ เพื่อแสวงหาการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง พร้อมสวนกลับกลุ่มคนที่วิพากษ์วิจารณ์ไลฟ์สไตล์ของเธอว่าคนเหล่านั้นก็แค่พวกขี้อิจฉา
ในแต่ละปี คุณแม่ลูกสองรายนี้จะทุ่มเงินราว 17,800 ปอนด์ (ราว 722,000 บาท) เพื่อเพิ่มคอลเล็กชั่นกระเป๋าแบรนด์ของตัวเอง และส่วนที่เหลือไปกับเสื้อผ้า เพื่อให้เธอสามารถอวดภาพไลฟ์สไตล์ของเธอผ่านอินสตาแกรมได้ โดยเธอยอมรับว่าเงินทุนสำคัญที่ทำให้เธอนำมาใช้เปย์ข้าวของหรูหราเหล่านี้ได้ มาจากรายได้ในอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ของสามี เพิ่มเติมด้วยธุรกิจบริษัทบัญชีเล็ก ๆ ของเธอเอง เพราะเงินที่ได้รับจากการทำอินสตาแกรมเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายของเธอ
"ฉันใช้จ่ายเงินมากกว่าที่บัญชีอินสตาแกรมของฉันทำเงินได้ แต่ฉันชอบที่จะแต่งตัวแบบนี้ในชีวิตส่วนตัวอยู่แล้ว ก็เลยไม่คิดว่ามันสูญเปล่าอะไร และฉันก็พยายามจะไม่คิดว่าจ่ายเงินไปแล้วเท่าไหร่" จูลี่ เผย
![อินฟลูเอนเซอร์]( "อินฟลูเอนเซอร์")
นอกจากนี้เธอยังเล่าว่า ภายในระยะเวลา 3 ปี เธอหมดเงินไปถึง 53,600 ปอนด์ (ราว 2.17 ล้านบาท) ในการซื้อกระเป๋าแบรนด์ต่าง ๆ ที่อิตาลีหรือปารีส และเธอก็หมดเงินไปกับเสื้อผ้าเยอะเหมือนกัน ซึ่งสามีคงแทบฆ่าเธอได้เลยถ้าเขารู้เรื่องนี้เข้า
สำหรับ จูลี่ ซึ่งเดิมทีมาจากฟิลิปปินส์ เริ่มต้นการทำบล็อกและอินสตาแกรมอย่างจริงจังในปี 2560 หลังลาออกจากงานที่บริษัทบัญชีขนาดใหญ่ โดยก่อนหน้านั้นเธอก็เคยโพสต์ภาพการเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ และไลฟ์สไตล์ลงโซเชียลอยู่แล้ว แต่หลังออกจากงานเธอก็มีเวลามากขึ้น จึงเริ่มโพสต์เป็นประจำมากขึ้น โดยภาพในอินสตาแกรมของเธอมักจะเป็นภาพขณะที่เธอหิ้วกระเป๋าราคาแพง และการเดินทางไปยังสถานที่ที่ต่างออกไป
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เธอก้าวเดินไปตามเส้นทางนี้ คอลเล็กชั่นกระเป๋าและรองเท้าของเธอก็กลายมาเป็นเป้าของหัวขโมยจนได้ โดยในเดือนตุลาคม 2560 บ้านของจูลี่ถูกยกเค้าขณะเธอไปงานปาร์ตี้ คนร้ายกวาดเอาคอลเล็กชั่นกระเป๋าของเธอไปเกือบหมด แม้แต่ Hermes มูลค่า 9,200 ปอนด์ (ราว 373,000 บาท) ก็ถูกฉวยไปด้วยเช่นกัน โดยมูลค่าความเสียหายในตอนนั้นน่าจะอยู่ที่ 38,000 ปอนด์ (ราว 1.54 ล้านบาท)
![อินฟลูเอนเซอร์]( "อินฟลูเอนเซอร์")
จูลี่ เผยว่า เธอพักอาศัยอยู่ในย่านที่ค่อนข้างดี เลยไม่ได้ติดกล้องวงจรปิดไว้ในตอนนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอช็อกหนัก และร้องไห้ไปกับการสูญเสียกระเป๋าอยู่นานหลายวัน แต่แล้วเธอก็ตัดสินใจเดินหน้าสร้างคอลเล็กชั่นของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง แม้จะยังกลัวหัวขโมยอยู่ก็ตาม โดยนับตั้งแต่เกิดเรื่องเธอก็ได้ติดกล้องวงจรปิดไว้ที่บ้านแล้ว
"โชคดีที่เราได้รับเงินบางส่วนจากประกัน แต่มันก็ไม่ครอบคลุมมูลค่าทั้งหมดที่เราสูญเสียไปได้"
ทั้งนี้ จูลี่ยังคงเชื่อว่าหัวขโมยรายดังกล่าวน่าจะเป็นคนที่ติดตามเธอมาจากโซเชียลมีเดีย แต่ก็ยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัด เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังคงจับหัวขโมยรายดังกล่าวไม่ได้
อนึ่ง จูลี่ยอมรับว่าในบรรดาเสื้อผ้าและกระเป๋าที่เธอซื้อมานั้น ไม่ใช่เพื่อการทำอินสตาแกรมทั้งหมด เธอก็แค่ซื้อในสิ่งที่เธออยากได้และตรงกับไลฟ์สไตล์ของเธอ แน่นอนว่าในบรรดาผู้ที่ติดตามอินสตาแกรมของเธอ 86,000 คน ใช่ว่าทั้งหมดจะปลื้มไปกับวิถีชีวิตที่ฟุ่มเฟือยแบบนี้ แต่เธอก็ยืนยันว่าเธอทำงานหนักเพื่อให้ได้รับสิ่งที่มีอยู่ ซึ่งเธอก็คู่ควรกับมันแล้ว
![อินฟลูเอนเซอร์]( "อินฟลูเอนเซอร์")
จูลี่ เผยว่า เธอได้รับความเห็นเชิงลบมากมายจากผู้คน เช่น "นี่มันช่วงที่มีการระบาดของโรค หล่อนยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกเหรอ" หรือแม้กระทั่งคนที่เตือนเธอว่าในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ เธอควรจะถ่อมตัวให้มากกว่านี้ แทนที่จะเอาแต่โพสต์ภาพชีวิตหรูหรา แต่เธอมองว่าคอนเทนต์ของเธอนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างแรงบันดาลใจมากกว่า
"นี่มันเป็นไลฟ์สไตล์ของฉันค่ะ ฉันก็แค่อยากโชว์ตัวตนที่แท้จริง ไม่ได้คิดว่าตัวเองโม้อะไร ฉันก็แค่แต่งตัวแบบนี้" จูลี่ กล่าวและเสริมว่า "ฉันเลือกจะเมินความเห็นเหล่านั้นไป เพราะฉันก็ทำงานหนัก ฉันเป็นผู้หญิงรักอิสระและมีธุรกิจของตัวเอง ฉันไม่มีหนี้บัตรเครดิตอะไร และคู่ควรกับทุกสิ่งที่มีอยู่"
จูลี่ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า... "ผู้คนก็แค่อิจฉาในความสำเร็จและไลฟ์สไตล์ของฉัน คุณไม่สามารถเลี่ยงความอิจฉาบนโซเชียลมีเดียได้หรอกค่ะ"
ขอบคุณข้อมูลจาก เดอะซัน
ในแต่ละปี คุณแม่ลูกสองรายนี้จะทุ่มเงินราว 17,800 ปอนด์ (ราว 722,000 บาท) เพื่อเพิ่มคอลเล็กชั่นกระเป๋าแบรนด์ของตัวเอง และส่วนที่เหลือไปกับเสื้อผ้า เพื่อให้เธอสามารถอวดภาพไลฟ์สไตล์ของเธอผ่านอินสตาแกรมได้ โดยเธอยอมรับว่าเงินทุนสำคัญที่ทำให้เธอนำมาใช้เปย์ข้าวของหรูหราเหล่านี้ได้ มาจากรายได้ในอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ของสามี เพิ่มเติมด้วยธุรกิจบริษัทบัญชีเล็ก ๆ ของเธอเอง เพราะเงินที่ได้รับจากการทำอินสตาแกรมเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายของเธอ
"ฉันใช้จ่ายเงินมากกว่าที่บัญชีอินสตาแกรมของฉันทำเงินได้ แต่ฉันชอบที่จะแต่งตัวแบบนี้ในชีวิตส่วนตัวอยู่แล้ว ก็เลยไม่คิดว่ามันสูญเปล่าอะไร และฉันก็พยายามจะไม่คิดว่าจ่ายเงินไปแล้วเท่าไหร่" จูลี่ เผย
สำหรับ จูลี่ ซึ่งเดิมทีมาจากฟิลิปปินส์ เริ่มต้นการทำบล็อกและอินสตาแกรมอย่างจริงจังในปี 2560 หลังลาออกจากงานที่บริษัทบัญชีขนาดใหญ่ โดยก่อนหน้านั้นเธอก็เคยโพสต์ภาพการเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ และไลฟ์สไตล์ลงโซเชียลอยู่แล้ว แต่หลังออกจากงานเธอก็มีเวลามากขึ้น จึงเริ่มโพสต์เป็นประจำมากขึ้น โดยภาพในอินสตาแกรมของเธอมักจะเป็นภาพขณะที่เธอหิ้วกระเป๋าราคาแพง และการเดินทางไปยังสถานที่ที่ต่างออกไป
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เธอก้าวเดินไปตามเส้นทางนี้ คอลเล็กชั่นกระเป๋าและรองเท้าของเธอก็กลายมาเป็นเป้าของหัวขโมยจนได้ โดยในเดือนตุลาคม 2560 บ้านของจูลี่ถูกยกเค้าขณะเธอไปงานปาร์ตี้ คนร้ายกวาดเอาคอลเล็กชั่นกระเป๋าของเธอไปเกือบหมด แม้แต่ Hermes มูลค่า 9,200 ปอนด์ (ราว 373,000 บาท) ก็ถูกฉวยไปด้วยเช่นกัน โดยมูลค่าความเสียหายในตอนนั้นน่าจะอยู่ที่ 38,000 ปอนด์ (ราว 1.54 ล้านบาท)
"โชคดีที่เราได้รับเงินบางส่วนจากประกัน แต่มันก็ไม่ครอบคลุมมูลค่าทั้งหมดที่เราสูญเสียไปได้"
ทั้งนี้ จูลี่ยังคงเชื่อว่าหัวขโมยรายดังกล่าวน่าจะเป็นคนที่ติดตามเธอมาจากโซเชียลมีเดีย แต่ก็ยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัด เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังคงจับหัวขโมยรายดังกล่าวไม่ได้
อนึ่ง จูลี่ยอมรับว่าในบรรดาเสื้อผ้าและกระเป๋าที่เธอซื้อมานั้น ไม่ใช่เพื่อการทำอินสตาแกรมทั้งหมด เธอก็แค่ซื้อในสิ่งที่เธออยากได้และตรงกับไลฟ์สไตล์ของเธอ แน่นอนว่าในบรรดาผู้ที่ติดตามอินสตาแกรมของเธอ 86,000 คน ใช่ว่าทั้งหมดจะปลื้มไปกับวิถีชีวิตที่ฟุ่มเฟือยแบบนี้ แต่เธอก็ยืนยันว่าเธอทำงานหนักเพื่อให้ได้รับสิ่งที่มีอยู่ ซึ่งเธอก็คู่ควรกับมันแล้ว
"นี่มันเป็นไลฟ์สไตล์ของฉันค่ะ ฉันก็แค่อยากโชว์ตัวตนที่แท้จริง ไม่ได้คิดว่าตัวเองโม้อะไร ฉันก็แค่แต่งตัวแบบนี้" จูลี่ กล่าวและเสริมว่า "ฉันเลือกจะเมินความเห็นเหล่านั้นไป เพราะฉันก็ทำงานหนัก ฉันเป็นผู้หญิงรักอิสระและมีธุรกิจของตัวเอง ฉันไม่มีหนี้บัตรเครดิตอะไร และคู่ควรกับทุกสิ่งที่มีอยู่"
จูลี่ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า... "ผู้คนก็แค่อิจฉาในความสำเร็จและไลฟ์สไตล์ของฉัน คุณไม่สามารถเลี่ยงความอิจฉาบนโซเชียลมีเดียได้หรอกค่ะ"
