ครม. เคาะแล้ว 26-27 ต.ค. นี้ จับตา เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ผ่าทางออกประเทศไทย หลังคนออกมาชุมนุมรายวัน
![ประวิตร วงษ์สุวรรณ]( "ประวิตร วงษ์สุวรรณ")
วันที่ 20 ตุลาคม 2563 สำนักข่าว INN รายงานว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้จะมีการหารือเพื่อเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญหรือไม่ ว่า ก็รู้กันอยู่แล้วว่าต้องพิจารณาในวันนี้ ส่วนจะทำให้สถานการณ์นั้นดีขึ้นหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ซึ่งไม่ต้องกำหนดเรื่องให้สภาหารือในประเด็นใดบ้าง แล้วแต่สภาจะคุยกัน
โดย พล.อ. ประวิตร ปฏิเสธตอบถึงกรณีที่กลุ่มคณะราษฎร เรียกร้องให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานคร ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งจะครบกำหนดในเวลา 18.00 น. วันนี้ ไม่เช่นนั้นจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ พล.อ. ประวิตร กล่าวสั้น ๆ เพียงว่า จะไปรู้เหรอ
![ม็อบประท้วง]( "ม็อบประท้วง")
ต่อมา มีรายงานข่าวที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เปิดเผยว่า ทาง ครม. มีมติ เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ วันที่ 26-27 ตุลาคม นี้
ยังไม่สรุป เปิดประชุมสภา จะคุยกันเรื่องใด - ยันพลังประชารัฐ ไม่แตะเรื่องสถาบัน
ขณะที่ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังเป็นตัวแทนพรรคการเมืองร่วมหารือกับนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ถึงการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ว่า มีความเห็นตรงกันว่า ควรมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ตามมาตรา 165 เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงสมาชิกวุฒิสภา ได้มีการพูดคุยถึงปัญหาและสถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว แต่เบื้องต้นยังไม่ได้มีการสรุปประเด็นว่าจะมีการหารือเรื่องใดบ้าง ยังไม่ได้มีการกำหนดวัน แต่ส่วนตัวมองว่าประมาณ 2-3 วัน ก็จะครบทุกประเด็น ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ อาจจะมีการหาข้อสรุปร่วมกัน
![อนุชา นาคาศัย]( "อนุชา นาคาศัย")
ในกรณีที่ผู้ชุมนุมประกาศให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินภายใน 24 ชั่วโมงนั้น ส่วนตัวมองว่า เป็นความเห็น ซึ่งความเห็นที่แตกต่างก็ต้องนำมาพูดคุยกันในสภาผู้แทนราษฎร ส่วนข้อเรียกร้องต่าง ๆ นั้น นายอนุชา ระบุว่า การเรียกร้องเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ไม่ใช่เป็นการบังคับขู่เข็ญกัน เพราะบางเรื่องแต่ละพรรคมีจุดยืนที่ชัดเจนอยู่แล้ว เช่น พรรคพลังประชารัฐ ที่มีจุดยืนชัดเจนว่า ต้องไม่ยุ่งกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่แตะต้องหมวด 1 หมวด 2 จึงฝากไปยังกลุ่มนักศึกษาโดยเข้าใจว่าสิ่งที่ทำอยู่ทำเพื่อประเทศชาติแต่จุดยืนและความคิดเห็นต่างก็ยังมีอยู่ การจะทำให้ความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันต้องหาทางออกด้วยการพูดคุยกันและรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน พร้อมย้ำว่า การเห็นต่างไม่ได้ผิดและอยากให้เชื่อมั่นว่าเวทีสภา จะสามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างแท้จริง
นายอนุชา กล่าวอีกว่า หากเปิดสมัยประชุมสภาไปแล้วแต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงมีการเคลื่อนไหวนั้น คงต้องมีการพูดคุยกันเพราะเมื่อสังคมมีความแตกแยกก็ต้องหาวิธีที่มีข้อสรุปที่ดีโดยสันติวิธี หากมีข้อเรียกร้องและอีกฝ่ายก็มีข้อเรียกร้องเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างคิดว่ามีสิ่งที่ถูกต้องก็ต้องรับฟังกัน ถึงจะเรียกว่าระบอบประชาธิปไตย
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าว INN, สำนักข่าว INN
โดย พล.อ. ประวิตร ปฏิเสธตอบถึงกรณีที่กลุ่มคณะราษฎร เรียกร้องให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานคร ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งจะครบกำหนดในเวลา 18.00 น. วันนี้ ไม่เช่นนั้นจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ พล.อ. ประวิตร กล่าวสั้น ๆ เพียงว่า จะไปรู้เหรอ
ยังไม่สรุป เปิดประชุมสภา จะคุยกันเรื่องใด - ยันพลังประชารัฐ ไม่แตะเรื่องสถาบัน
ขณะที่ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังเป็นตัวแทนพรรคการเมืองร่วมหารือกับนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ถึงการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ว่า มีความเห็นตรงกันว่า ควรมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ตามมาตรา 165 เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงสมาชิกวุฒิสภา ได้มีการพูดคุยถึงปัญหาและสถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว แต่เบื้องต้นยังไม่ได้มีการสรุปประเด็นว่าจะมีการหารือเรื่องใดบ้าง ยังไม่ได้มีการกำหนดวัน แต่ส่วนตัวมองว่าประมาณ 2-3 วัน ก็จะครบทุกประเด็น ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ อาจจะมีการหาข้อสรุปร่วมกัน
ภาพจาก สำนักข่าว INN
ในกรณีที่ผู้ชุมนุมประกาศให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินภายใน 24 ชั่วโมงนั้น ส่วนตัวมองว่า เป็นความเห็น ซึ่งความเห็นที่แตกต่างก็ต้องนำมาพูดคุยกันในสภาผู้แทนราษฎร ส่วนข้อเรียกร้องต่าง ๆ นั้น นายอนุชา ระบุว่า การเรียกร้องเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ไม่ใช่เป็นการบังคับขู่เข็ญกัน เพราะบางเรื่องแต่ละพรรคมีจุดยืนที่ชัดเจนอยู่แล้ว เช่น พรรคพลังประชารัฐ ที่มีจุดยืนชัดเจนว่า ต้องไม่ยุ่งกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่แตะต้องหมวด 1 หมวด 2 จึงฝากไปยังกลุ่มนักศึกษาโดยเข้าใจว่าสิ่งที่ทำอยู่ทำเพื่อประเทศชาติแต่จุดยืนและความคิดเห็นต่างก็ยังมีอยู่ การจะทำให้ความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันต้องหาทางออกด้วยการพูดคุยกันและรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน พร้อมย้ำว่า การเห็นต่างไม่ได้ผิดและอยากให้เชื่อมั่นว่าเวทีสภา จะสามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างแท้จริง
นายอนุชา กล่าวอีกว่า หากเปิดสมัยประชุมสภาไปแล้วแต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงมีการเคลื่อนไหวนั้น คงต้องมีการพูดคุยกันเพราะเมื่อสังคมมีความแตกแยกก็ต้องหาวิธีที่มีข้อสรุปที่ดีโดยสันติวิธี หากมีข้อเรียกร้องและอีกฝ่ายก็มีข้อเรียกร้องเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างคิดว่ามีสิ่งที่ถูกต้องก็ต้องรับฟังกัน ถึงจะเรียกว่าระบอบประชาธิปไตย
