ปตท. และ สภาวิศวกร ไขสาเหตุ แก๊สระเบิด บางบ่อ พบ ท่อส่งแก๊สฉีกขาด แต่ฝังลึกถึง 4 เมตร สงสัยท่อแตกได้ไง แถมที่ผ่านมาตรวจสอบสม่ำเสมอ ไม่เคยพบความผิดปกติ ด้าน ปตท. พร้อมชดใช้ เสียชีวิตจ่ายรายละ 5 ล้านบาท
วันที่ 23 ตุลาคม 2563 สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น รายงานว่า ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร นำทีมผู้เชี่ยวชาญด้านโยธาและสารเคมี เข้าตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุ แก๊สระเบิด ที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เพื่อค้นหาสาเหตุว่าท่อส่งแก๊สระเบิดได้อย่างไร
ในการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าท่อส่งแก๊สฉีกขาด ทำให้เชื้อเพลิงที่มีแรงดันสูงเกิดการปะทุและนำไปสู่เหตุแก๊สระเบิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถยืนยันรายละเอียดได้ทั้งหมดว่าท่อฉีกขาดได้อย่างไร โดยจากการสังเกต พบว่าตัวท่อถูกฝังลึกลงไปถึง 4 เมตร ซึ่งมาตรฐานการฝังท่อแก๊สนั้น ตามปกติจะอยู่ที่ความลึก 1.5 เมตร นอกจากนี้แล้ว ตัวท่อส่งแก๊ส ยังฝังอยู่อยู่บริเวณแนวเขตปลอดภัย คือ อยู่ใต้แนวสายไฟฟ้าแรงสูง 24 - 40 เมตร
ดังนั้น เมื่อดูจากลักษณะการขุดวางท่อส่งแก๊สดังกล่าว พบว่าโอกาสที่แก๊สภายในท่อจะปะทุเป็นไปได้ยาก นอกจากจะมีอะไรไปทำให้ท่อเกิดการฉีกขาดขึ้นมา หากมีสิ่งที่จะทำให้ตัวท่อฉีกขาดได้ จะต้องเป็นเครื่องจักรที่แขนยาว ถึงจะสามารถเจาะลึกลงไปถึงได้ 4 เมตรได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น จำเป็นต้องรอผลการตรวจสอบอย่างละเอียดว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ท่อฉีกขาด ไม่ว่าจะเป็น อุบัติเหตุ ความประมาท หรือเป็นเพราะท่อเก่าเสื่อมโทรมขาดการซ่อมบำรุง
ด้าน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการใหญ่ ปตท. ได้เดินทางมาสำรวจความเสียหายพร้อมเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายอรรถพล ยืนยันว่า ที่ผ่านมาปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทั้งการดูแลบำรุงรักษา และการตรวจสอบคุณภาพท่อ อย่างสม่ำเสมอตามวงรอบ ทั้งรายสัปดาห์ รายปี และราย 5 ปี ซึ่งจะใช้กระสวยเข้าไปตรวจสอบ โดยการตรวจสอบราย 5 ปี เพิ่งครบรอบไปเมื่อปี 2562 จากการตรวจสอบไม่พบความผิดปกติใด ๆ
ในช่วงก่อนเกิดเหตุ ก็ได้มีการส่งทีมตรวจสอบตามปกติแล้ว ซึ่งก็ไม่พบความผิดปกติเช่นกัน และล่าสุดหลังเกิดเหตุแก๊สระเบิด ทาง ปตท. ก็ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจวัดแก๊สที่คงค้างอยู่ พร้อมกับควบคุมตัวแก๊สด้วยไนโตรเจน และตรวจวัดมาตรฐานแล้ว เบื้องต้นพบว่าค่อนข้างปลอดภัย
นายอรรถพล กล่าวอีกว่า องค์ประกอบที่จะทำให้เชื้อเพลิงเกิดปะทุได้ มี 3 ประการด้วยกัน คือ ก๊าซเอ็นจีวี ตัวเชื้อเพลิง และอากาศ ซึ่งอากาศนั้นต้องร้อนมากจึงจะทำให้เมื่อเกิดการรั่วไหลของก๊าซระเบิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม พบว่ามีการนำรถแบคโฮเข้ามาทำการก่อสร้างในพื้นที่ ซึ่งไม่ใช่รถของ ปตท. ส่วนข้อสันนิษฐานว่ารถแบคโฮไปกระแทกท่อส่งแก๊สหรือไม่ ตรงนี้ยังไม่ชัดเจน
นายอรรถพล ได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย พร้อมยืนยันว่า ปตท.ช่วยเหลือทั้งหมด เบื้องต้นพบว่ามีบ้านเรือเสียหายมากกว่า 30 หลังคาเรือน ซึ่งทาง ปทตท. จะจัดเตรียมที่พักให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนเป็นการชั่วคราว เท่าที่ตรวจสอบมี 30 กว่าหลัง
สำหรับการดูแลเยียวยา มีดังนี้
- กรณีผู้เสียชีวิต จ่ายเงินเยียวยา 5 ล้านบาท ต่อราย
- กรณีบาดเจ็บสาหัส จ่าย 500,000 บาท ต่อราย
- กรณี บาดเจ็บ รักษาตัวในโรงพยาบาล จ่าย 200,000 บาท ต่อราย
- กรณี บาดเจ็บ รักษาตัวและกลับบ้านได้แล้ว จ่าย 50,000 บาท ต่อราย
ทั้งนี้ค่าเยียวยาดังกล่าว ยังไม่รวมค่าชดเชยทรัพย์สินและรถยนต์ที่เสียหาย
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าว INN
ภาพจาก ทวิตเตอร์ aodbu
วันที่ 23 ตุลาคม 2563 สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น รายงานว่า ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร นำทีมผู้เชี่ยวชาญด้านโยธาและสารเคมี เข้าตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุ แก๊สระเบิด ที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เพื่อค้นหาสาเหตุว่าท่อส่งแก๊สระเบิดได้อย่างไร
ในการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าท่อส่งแก๊สฉีกขาด ทำให้เชื้อเพลิงที่มีแรงดันสูงเกิดการปะทุและนำไปสู่เหตุแก๊สระเบิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถยืนยันรายละเอียดได้ทั้งหมดว่าท่อฉีกขาดได้อย่างไร โดยจากการสังเกต พบว่าตัวท่อถูกฝังลึกลงไปถึง 4 เมตร ซึ่งมาตรฐานการฝังท่อแก๊สนั้น ตามปกติจะอยู่ที่ความลึก 1.5 เมตร นอกจากนี้แล้ว ตัวท่อส่งแก๊ส ยังฝังอยู่อยู่บริเวณแนวเขตปลอดภัย คือ อยู่ใต้แนวสายไฟฟ้าแรงสูง 24 - 40 เมตร
ดังนั้น เมื่อดูจากลักษณะการขุดวางท่อส่งแก๊สดังกล่าว พบว่าโอกาสที่แก๊สภายในท่อจะปะทุเป็นไปได้ยาก นอกจากจะมีอะไรไปทำให้ท่อเกิดการฉีกขาดขึ้นมา หากมีสิ่งที่จะทำให้ตัวท่อฉีกขาดได้ จะต้องเป็นเครื่องจักรที่แขนยาว ถึงจะสามารถเจาะลึกลงไปถึงได้ 4 เมตรได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น จำเป็นต้องรอผลการตรวจสอบอย่างละเอียดว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ท่อฉีกขาด ไม่ว่าจะเป็น อุบัติเหตุ ความประมาท หรือเป็นเพราะท่อเก่าเสื่อมโทรมขาดการซ่อมบำรุง
ด้าน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการใหญ่ ปตท. ได้เดินทางมาสำรวจความเสียหายพร้อมเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในช่วงก่อนเกิดเหตุ ก็ได้มีการส่งทีมตรวจสอบตามปกติแล้ว ซึ่งก็ไม่พบความผิดปกติเช่นกัน และล่าสุดหลังเกิดเหตุแก๊สระเบิด ทาง ปตท. ก็ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจวัดแก๊สที่คงค้างอยู่ พร้อมกับควบคุมตัวแก๊สด้วยไนโตรเจน และตรวจวัดมาตรฐานแล้ว เบื้องต้นพบว่าค่อนข้างปลอดภัย
นายอรรถพล กล่าวอีกว่า องค์ประกอบที่จะทำให้เชื้อเพลิงเกิดปะทุได้ มี 3 ประการด้วยกัน คือ ก๊าซเอ็นจีวี ตัวเชื้อเพลิง และอากาศ ซึ่งอากาศนั้นต้องร้อนมากจึงจะทำให้เมื่อเกิดการรั่วไหลของก๊าซระเบิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม พบว่ามีการนำรถแบคโฮเข้ามาทำการก่อสร้างในพื้นที่ ซึ่งไม่ใช่รถของ ปตท. ส่วนข้อสันนิษฐานว่ารถแบคโฮไปกระแทกท่อส่งแก๊สหรือไม่ ตรงนี้ยังไม่ชัดเจน
นายอรรถพล ได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย พร้อมยืนยันว่า ปตท.ช่วยเหลือทั้งหมด เบื้องต้นพบว่ามีบ้านเรือเสียหายมากกว่า 30 หลังคาเรือน ซึ่งทาง ปทตท. จะจัดเตรียมที่พักให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนเป็นการชั่วคราว เท่าที่ตรวจสอบมี 30 กว่าหลัง
สำหรับการดูแลเยียวยา มีดังนี้
- กรณีผู้เสียชีวิต จ่ายเงินเยียวยา 5 ล้านบาท ต่อราย
- กรณีบาดเจ็บสาหัส จ่าย 500,000 บาท ต่อราย
- กรณี บาดเจ็บ รักษาตัวในโรงพยาบาล จ่าย 200,000 บาท ต่อราย
- กรณี บาดเจ็บ รักษาตัวและกลับบ้านได้แล้ว จ่าย 50,000 บาท ต่อราย
ทั้งนี้ค่าเยียวยาดังกล่าว ยังไม่รวมค่าชดเชยทรัพย์สินและรถยนต์ที่เสียหาย
ภาพจาก ทวิตเตอร์ aodbu