ปตท. เยียวยาเหยื่อ เหตุท่อก๊าซระเบิด บางบ่อ ตาย 5 ล้าน เจ็บ 5 แสน - เร่งหาสาเหตุ

          วันที่ 23 ตุลาคม 2563 เดลินิวส์ รายงานว่า นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกว่าการกระทรวงพลังงาน นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมผู้บริหารกระทรวงพลังงาน และนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ลงพื้นที่เกิดเหตุก๊าซธรรมชาติรั่วและเกิดเพลิงไหม้ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เร่งเยียวยา ให้กำลังใจ และมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ

          โดยนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า ปตท. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งญาติผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินที่เสียหาย โดยล่าสุดมีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 66 ราย ซึ่งขณะนี้ปลอดภัยและกลับบ้านได้แล้ว 37 ราย ซึ่ง ปตท. พร้อมรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งค่ารักษาพยาบาล และค่าความเสียหายของทรัพย์สินอย่างเต็มที่และดีที่สุด

           ปตท. จะมอบเงินเยียวยาเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต รายละ 5,000,000 บาท บาดเจ็บสาหัสรายละ 500,000 บาท ผู้ที่ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล รายละ 200,000 บาท และผู้ได้รับบาดเจ็บที่ไม่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล รายละ 50,000 บาท พร้อมชดเชยบ้านเรือนและทรัพย์สินที่เกิดความเสียหายที่กำลังประเมินมูลค่า เพื่อบรรเทาผลกระทบให้ดีที่สุด นอกจากนั้น ปตท. ได้ร่วมกับจังหวัดสมุทรปราการ จัดเตรียมที่พักชั่วคราว ณ วัดเปร็ง-ราษฎร์บำรุง จัดหาอาหาร น้ำดื่ม และเครื่องใช้ที่จำเป็นให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกครัวเรือน และจัดหาที่พักรองรับในช่วงระหว่างการซ่อมแซมบ้านเรือน และเร่งฟื้นฟูความเสียหายให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด 

ภาพจาก เฟซบุ๊ก หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา

           นายอรรถพล กล่าวอีกว่า การประกอบกิจการขนส่งก๊าซฯ ผ่านระบบท่อที่ผ่านมา ปตท. ปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ASME B31.8 อย่างเคร่งครัด มีการบำรุงรักษาและตรวจสภาพท่อส่งก๊าซฯ เป็นประจำและต่อเนื่องให้มีความแข็งแรงและปลอดภัย โดยผลการตรวจสอบท่อส่งก๊าซฯ คู่ขนาน (เส้นที่ 2) บนบกที่เกิดเหตุด้วยกระสวยตรวจสอบท่อล่าสุด ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ปตท. ดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างรัดกุม จะเร่งดำเนินการหาสาเหตุที่แท้จริงร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานภายนอกโดยเร็ว

ขอบคุณข้อมูลจาก