ศาลอุทธรณ์ ยกคำร้องขอประกันตัว 4 แกนนำม็อบ 19 กันยา หลังทนายยื่นประกันตัวชั้นอุทธรณ์ หวั่นหลบหนี ก่อความวุ่นวายซ้ำเดิม ขณะที่ เอกชัย หงส์กังวาน ยังไม่อนุญาตให้ประกันตัวเช่นกันในคดีประทุษร้ายเสรีภาพพระราชินี
โดยศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาสำนวนของนายภาณุพงศ์ 2 สำนวน คือ สำนวนประเด็นชุมนุม ตามข้อหายุยงปลุกปั่นฯ กับข้อหาอื่น ๆ และสำนวนปักหมุดคณะราษฎร 2563 บนพื้นสนามหลวง ตามข้อหาผิด พ.ร.บ.โบราณสถานฯ กับอีกสำนวนของนายพริษฐ์ และ น.ส.ปนัสยา เป็นสำนวนเดียวกัน ทั้งหมด 3 สำนวน
ซึ่งหลังจากศาลอุทธรณ์พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ศาลได้มีคำสั่งทำนองเดียวกันว่า การกระทำตามข้อกล่าวหามีลักษณะเป็นการร่วมกันกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลจำนวนมาก อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือความวุ่นวายขึ้น และส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ชักนำให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมายแผ่นดิน โดยการบุกรุกทำลายทรัพย์สินของทางราชการโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาคำคัดค้านของพนักงานสอบสวนแล้ว ยังปรากฏว่าผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนี้อีกหลายคดีในหลายท้องที่ กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าในชั้นนี้หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวแล้ว ผู้ต้องหาอาจจะก่อให้เกิดเหตุอันตรายหรือความเสียหายประการอื่น และน่าเชื่อว่าผู้ต้องหาอาจจะหลบหนี กรณีสมควรรอฟังผลการสอบสวนก่อน คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง
เช่นเดียวกับ นายเอกชัย หงส์กังวาน ที่ศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกันเช่นกัน ในคดี ม.110 พยายามประทุษร้ายต่อเสรีภาพพระราชินี หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางทนายได้ยื่นอุทธรณ์ไปเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง หากให้ประกันผู้ต้องหาอาจหลบหนี ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการให้ประกัน สมควรรอฟังผลการสอบสวนก่อน
ภาพจาก ทวิตเตอร์ TLHR / ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
ภาพจาก ทวิตเตอร์ TLHR / ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน